บท
ตั้งค่า

๖ แยกทาง (๒)

ร่างบางถูกผลักออกทันทีจนเซถลาไปอีกทาง หล่อนเบิกตากว้างมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างไม่คาดฝันมาก่อน นายตำรวจหนุ่มถูกรถชนอย่างแรงจนลอยคว้างบนอากาศก่อนจะตกลงสู่พื้นเสียงดัง เลือดค่อยไหลออกจากกายเป็นวงกว้าง

“พี่ป้อง!!” ตะโกนสุดเสียงพลางลุกขึ้นไปหาพี่ชาย หล่อนไม่กล้าจะจับร่างกายของเขากลัวว่าจะทำให้กระดูกเคลื่อน หันมองรถยนต์ที่แล่นไปจนลับสายตาด้วยความแค้นเคือง

“มิ อึก” เจ็บไปทั่วกายแต่ยังพอมีแรงจะเอ่ย หญิงสาวได้ยินอย่างนั้นก็น้ำตาไหลนองหน้า เข้าไปใกล้พี่ชายมากขึ้นก่อนจะจับมือที่ชุ่มไปด้วยเลือดของเขา ชายหนุ่มค่อยแย้มยิ้มออกมายามได้มองใบหน้าหวาน ยกมือขึ้นไปซับน้ำตาให้หล่อนช้าๆ

กัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้ เขาอยากรอดชีวิตแต่ดูเหมือนว่ายมทูตจะไม่อนุญาตเสียแล้ว เดชธรรมอยากกอดคนที่ตนเองรักก่อนจะจากโลกใบนี้

“พี่ กอดมิ ได้ไหม” พูดเสียงกระท่อนกระแท่นแทบจับใจความไม่ได้ ทว่าหล่อนก็รับรู้ความต้องการของเขาแล้วเข้าไปโอบกอดร่างสูงถึงแม้จะทำให้ร่างกายตัวเองเปื้อนเลือดก็ตาม

“พี่ป้องต้องไม่เป็นอะไร เดี๋ยวมิจะไปเรียกคนมาช่วย” พยายามบอกอย่างนั้นถึงจะกังวลว่าเขาจะไม่รอด แรงชนเมื่อสักครู่ไม่เบาเลยสักนิด มันคือการจงใจเอาให้ตายถึงชีวิต ใครกันที่ช่างใจร้ายได้ขนาดนั้น

“พี่รักมิ รัก” รู้ว่าคงเป็นวาระสุดท้ายของตัวเอง อย่างน้อยก็อยากบอกสิ่งที่เก็บไว้ในใจมาหลายปีให้หล่อนได้รู้ พี่ชายคนนี้หลงรักน้องสาวต่างสายเลือดมาโดยตลอด ถึงขนาดยอมเปื้อนดินโคลนเพื่อให้ชีวิตของเราสุขสบายขึ้น

สุดท้ายโคลนนั้นก็ดูดเขาลงไปใต้พื้นพิภพจนได้...

“มิก็รักพี่ป้อง พี่ป้องต้องรอดนะ” คำว่ารักของเราไม่เหมือนกัน

ในขณะที่ดมิสาคิดกับเขาแค่พี่น้อง ทว่าเดชธรรมไม่ได้คิดอย่างเธอสักนิด แต่จะบอกตอนนี้คงไม่ทันเสียแล้ว สมองเขาเริ่มเบลอ ดวงตาพร่ามัว

“อย่ารักไอ้ภู อย่า” ถึงตนเองกำลังจะจากไปอีกภพภูมิก็ยังไม่คลายกังวลเรื่องนี้ เขาไม่ต้องการให้น้องสาวสมหวังกับศัตรู พยายามจะใส่ร้ายจนวาระสุดท้ายของชีวิต ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรออกมาพลันดวงตาก็ปิดลง

พร้อมลมหายใจสุดท้าย...

เดชธรรมจากไปตลอดกาล

“พี่ป้อง ไม่เอาแบบนี้สิ พี่ป้อง พี่ป้อง!” พยายามจะปลุกพี่แต่ก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ตื่นขึ้นมาแล้ว เธอจับชีพจรเขาด้วยมือที่สั่นเทา น้ำตาไหลลงมาไม่หยุดเมื่อเห็นเขาประสบอุบัติเหตุต่อหน้าต่อตาตนเองเช่นนี้ ความจริงแล้วคนที่โดนชนน่าจะเป็นเธอไม่ใช่เหรอ

หล่อนจะรอดจากกรงขังที่ปิดตายแล้วแท้ๆ ทำไมสวรรค์ถึงได้ใจร้ายพรากพี่ชายของเธอไป ทว่าที่สงสัยคือใครกันเป็นผู้กระทำการอุกอาจขนาดนี้ การขับที่เร็วในซอยแคบทำให้รู้ได้อย่างเดียวว่าหมายเอาชีวิต

ใครเป็นคนทำเรื่องอุกอาจเช่นนี้ แล้วชื่อหนึ่งก็ผุดขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามความคิดของตนเองได้

...ภูวิศ

เสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาในซอยเปลี่ยวทำให้หล่อนต้องเงยหน้าขึ้นมอง เช็ดน้ำตาที่บดบังทัศนียภาพออกก็พบรถซีดานแสนคุ้นตา พร้อมชายหนุ่มที่ลงจากมาด้วยความรีบร้อน

“มิ! เป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มที่หล่อนนึกถึงมาปรากฏตัวตรงหน้า แววตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใยขณะที่เข้ามากอดรัดร่างบางด้วยความกลัว เห็นเลือดตามตัวหล่อนใจก็หวิวกังวลว่าหญิงสาวได้รับบาดเจ็บ

“พาพี่ป้องไปโรงพยาบาลที พาเขาไป” เสียงสั่นด้วยความกลัว ภาพรถชนยังติดตาไม่หายและมันคงฝังลึกในใจเธอไปอีกนาน

ชายหนุ่มมองคนที่นอนจมกองเลือดบนพื้น เม้มปากแน่นแล้วตัดสินใจกดโทรออกเพื่อเรียกรถพยาบาล เรียกผู้ติดตามสองคนที่ยืนคอยท่าให้เข้ามาเฝ้าเดชธรรมส่วนตนก็ประคองหญิงสาวขึ้นบนรถเพื่อกลับบ้าน

“ฉันจะไปหาพี่ป้อง” ถึงโดนประคองเพื่อบังคับให้ไปยังรถซีดานทว่ายังต้านแรงนั้นเอาไว้ หันไปมองพี่ชายของตนเองที่นอนแน่นิ่ง ใจแอบหวังให้อีกฝ่ายฟื้นขึ้นมาถึงรู้ว่ามันไม่อาจเป็นจริงได้ก็ตาม

“ฉันจะพาไปทีหลัง ตอนนี้ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ ตัวเธอมีแต่เลือดเต็มไปหมด” พยายามพาหล่อนออกจากที่เกิดเหตุ ทั้งที่ดมิสากรีดร้องโหยหวนทั้งยังฝืนตนเองเอาไว้

“ไม่ไป ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาพี่ป้อง คุณไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้” หล่อนดิ้นรนเพื่อให้ออกจากการจับกุมของเขา จนภูวิศต้านแรงไม่ไหว หันไปมองลูกน้องของตนเองพลางเรียกให้มาขับรถหนึ่งคน

เขายัดหล่อนเข้าไปนั่งด้านหลังพร้อมกอดเอาไว้แน่นไม่ให้หนีไปได้ รถซีดานค่อยเคลื่อนตัวออกอย่างช้า เข้าสู่บ้านขนาดกลางที่มีผู้ติดตามนั่งหลับไม่ได้สติ เขาปราดตามองครั้งเดียวก็รับรู้ได้ในทันที

โดนวางยาสินะ...

แต่ตอนนี้ไม่อาจลงโทษหญิงสาวที่จงใจทำให้ลูกน้องเขาหมดสติได้ เพราะเธอโวยวายไม่หยุดเสียงทั้งยังทุบตีเขาจนเจ็บไปหมด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง ร่นระยะเวลาให้เร็วขึ้นเนื่องจากยังมีเรื่องอีกมากต้องสะสาง

“คุณเป็นคนฆ่าพี่ป้องใช่ไหม” ขึ้นมาบนห้องนอน ประตูถูกปิดและเหลือพวกเขาเพียงสองคน ภูวิศปล่อยดมิสาลงยืน แล้วเสียงที่เคยก่นด่าค่อยเงียบลง พร้อมคำถามที่เอ่ยเสียงสั่น จ้องตาเขานิ่งไม่ยอมหลบ อยากมองว่าชายหนุ่มจะโกหกหรือไม่

“ฉันไม่ได้ฆ่า” บอกเสียงหนักแน่นด้วยความสัตย์จริง เขาไม่เคยคิดจะฆ่าเดชธรรมเลย ที่อยากให้มันโดนคือการเข้าคุกเพื่อรับกรรมที่เคยก่อ ใครจะนึกว่าอีกฝ่ายจะถูกฆาตกรรมและตายอย่างน่าอนาถอยู่ข้างถนน

“ฉันไม่เชื่อ!” ตอบกลับเสียงดัง ถึงชายหนุ่มจะไม่มีวี่แววของคนโกหกทว่าหล่อนปักใจเชื่อไปแล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดคือภูวิศ

แล้วอย่างนี้เขาจะไม่ได้เป็นคนทำได้อย่างไร ดวงตากลมโตกล่าวโทษคนตัวสูงจนเขาสะท้านในอก มือหนาค่อยกำเข้าหากันแน่นระงับความเจ็บปวดจากการถูกใส่ร้าย ไม่ชอบแววตาที่เธอมองมาตอนนี้เลย

ราวกับว่าหล่อนตัดสินเขาไปแล้ว...

“ไปอาบน้ำ แล้วเราค่อยมาคุยกัน” จับหญิงสาวแล้วลากไปยังห้องน้ำ ทว่าคนตัวเล็กก็พยายามต้านแรงเขาเอาไว้

“ไม่ ฉันไม่อาบ ฉันไม่อยากเข้าใกล้คุณด้วยซ้ำ” สะบัดแขนแต่มันก็ไม่หลุดออกสักที ภูวิศถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ไม่คิดว่าหล่อนจะดื้อดึงขนาดนี้ ตัดสินใจจับไหล่เล็กสองข้างตรึงไว้ที่ผนังพลางจ้องดวงตากลมโตนิ่ง

“รีบอาบน้ำ แล้วฉันจะพาไปหาพี่ชายเธอ” ข่มเสียงตัวเองให้เรียบที่สุด ไม่แสดงออกถึงความเจ็บปวดภายในใจ และดูเหมือนว่าประโยคนั้นจะมีอิทธิพลต่อหญิงสาว เธอเลิกพยศก่อนจะสะบัดตัวออกจากการเกาะกุม

หยิบผ้าเช็ดตัวทั้งเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่แล้วเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง ปรายตามองร่างสูงบอกเป็นนัยให้เขาออกไป เจ้าของบ้านจึงหันหลังกลับแล้วออกมารอข้างนอก ระหว่างนั้นได้ล้วงเอาโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงพร้อมกดโทรออกอย่างรวดเร็ว

“นายเดชธรรมตายแล้วครับ” ปลายสายส่งเสียงตกใจด้วยความคาดไม่ถึง ถามกลับถึงข้อมูลที่แม้แต่ภูวิศเองก็ไม่ค่อยทราบรายละเอียดเท่าไหร่ จึงพยายามตอบเท่าที่รู้ เสียดายที่ตรงถนนไม่มีกล้องวงจรปิดจึงไม่อาจทราบว่ารถคันที่ชนนั้นเป็นของใคร

น่าเจ็บใจจนอดก่นด่าในความสะเพร่าของตัวเองไม่ได้ เชื่อว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังต้องเป็นนายใหญ่ซึ่งมีอำนาจมากล้นเป็นแน่

แล้วคนคนนั้นคือใคร...

“ผมอยากหาคนทำว่าใครขับรถชนมัน รบกวนท่านด้วยนะครับ” วางสายด้วยใบหน้าเคร่งเครียด พอดีกับที่หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำ ดวงตากลมโตจ้องเขาไม่วาง ก่อนที่ลูกน้องจะเคาะประตูแล้วค่อยเปิดเมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากเจ้านาย

“เข้ามา” ร่างสูงใหญ่เข้ามาภายในห้องนอนแล้วรายงานความคืบหน้าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ส่งนายเดชธรรมไปโรงพยาบาลแล้วครับ แต่เสียชีวิตระหว่างเดินทาง” ถึงจะทำใจไว้แล้วแต่เมื่อได้ยินอย่างนั้นร่างบางก็รู้สึกขาอ่อนจนทรงตัวแทบไม่ไหว ดีที่ภูวิศเข้ามาประคองเอาไว้ทันท่วงที หล่อนไม่มีแรงจะขืนตัวออกด้วยซ้ำ

“เตรียมรถด้วย ฉันจะไปโรงพยาบาล” อีกฝ่ายค้อมรับแล้วเดินออกไปทันที ปล่อยให้ทั้งคู่ได้อยู่เพียงลำพัง หล่อนค่อยผละออกช้าๆ แล้วเดินไปนั่งบนเตียงโดยไม่มีน้ำตาไหลลงมาบนใบหน้าสักหยด มันชาไปหมดแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความจริง

ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ทั้งที่กำลังจะหนีได้แล้วแท้ๆ ให้พี่ชายของเธอชดใช้กรรมในคุก พอเห็นหน้ากันบ้างไม่ได้หรือ ฆ่าแกงกันราวกับว่าประเทศนี้เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน จะเอาผิดใครสักคนก็ไม่ได้ ในเมื่อธุรกิจที่เดชธรรมเข้าไปยุ่งเกี่ยวนั้นมันอันตรายเกินกว่าจะกล้ายื่นมือเข้าไปยุ่ง

ตระหนักถึงข้อนั้นดี จึงต้องทำใจยอมรับว่าพี่ชายคงตายโดยไม่สามารถหาผิดมาลงโทษได้

“ปล่อยฉันไปได้ไหม” เหม่อมองท้องฟ้าข้างนอก ขณะที่เอ่ยขอร้องต่อชายหนุ่มซึ่งจ้องหล่อนตลอดเวลาด้วยความเป็นห่วง

เพิ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาสภาพจิตใจคงไม่ปกติ เขาเข้าไปใกล้หล่อนแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างกายเล็ก โอบกอดเอาไว้จนจมอกด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน

เขาจะปล่อยเธอไปได้อย่างไร..

“พี่ป้องก็ตายไปแล้ว คุณจะขังฉันไว้แบบนี้ไม่ได้ ปล่อยฉันไปเถอะนะ อย่าให้ฉันต้องอยู่ในสภาพนี้เลย” น้ำตาสีใสไหลลงเปื้อนแผงอกหนาจนเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกชุ่ม คำขอร้องที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนทำเอาใจร้าวไปทั้งดวง

ไม่สามารถหาเหตุผลมายื้อดมิสาให้อยู่กับตัวเองได้อีกแล้ว มีเพียงคำเดียวที่เขายังไม่ได้เอ่ยออกไปถึงมันจะตรงกับใจก็ตาม

คำว่ารัก...ที่เคยลืมเลือนไปแล้วแสนนาน

เวลากว่าสองเดือนย่างเข้าเดือนที่สามซึ่งอยู่ร่วมกัน ทำให้คิดถึงช่วงแห่งรักในอดีตจนตะกอนที่เคยตกค้างถูกตีให้ขุ่นอีกครั้ง อยากรั้งเธอเอาไว้ข้างกาย โอบกอดรอบเอวบางไม่ห่าง ตื่นเช้ามองใบหน้าหวานยามหลับใหล

เขากำลังอยากครอบครองเธออีกครั้งเสียแล้ว ทั้งที่เคยทำร้ายจิตใจและร่างกายดมิสา

จะหาประโยคสวยหรูอันใดมารั้งหล่อนเอาไว้ ยิ่งคิดก็กอดร่างบางแน่นขึ้นราวไม่ต้องการปล่อยให้เธอเป็นอิสระ

ไม่อยากทำแบบนั้นเลยสักนิด

“ถ้าคุณไม่ยอมปล่อยฉันไป ฉันก็ขอตายดีกว่า” พูดจบหล่อนก็ค่อยโอบรอบเอวสอบ หลับตาแน่นไม่คิดว่าจะได้ใช้วิธีนี้ ทั้งที่ไม่ต้องการทำร้ายตัวเองเลยสักนิด

ภูวิศไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหล่อนกำลังทำอะไร ด้วยว้าวุ่นกับการคิดหาประโยคเพื่อรั้งหญิงสาวเอาไว้ข้างกาย จึงไม่อาจเห็นคัทเตอร์ที่แสงสีเงินสะท้อนกับหลอดไฟ ค่อยทาบทับลงบนข้อมือเล็กด้วยอาการสั่นกลัว มีวิธีนี้เท่านั้นที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากกรงขังได้

ทนเอาหน่อยนะมิ อีกไม่นานเธอจะเป็นอิสระแล้ว

“โอ๊ย” เธอร้องเสียงดังเมื่อตัดสินใจกรีดข้อมือของตนเองอย่างอาจหาญ กลิ่นเลือดที่ไหลออกจากข้อมือเล็กทำให้ร่างสูงรีบผละออกจากหล่อนอย่างรวดเร็ว มองข้อมือที่เคยเรียบเนียนถูกย้อมด้วยสีเลือด ตกใจจนแทบสิ้นสติไม่คิดว่าหล่อนจะทำร้ายตนเอง

ใบหน้าหวานค่อยยิ้มออกมาช้าๆ “ฉันยอมตาย ดีกว่าอยู่กับผู้ชายอย่างคุณ” คำพูดนั้นตบหน้าของภูวิศจนชาไปหมด

มือไม้สั่นจนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะได้สติตะโกนเรียกลูกน้องที่อยู่ข้างล่างให้ขึ้นมาบนห้อง ในขณะที่ดมิสาก็เป็นลมไปแล้วเนื่องจากเธอเองเป็นคนกลัวเลือด ทำได้ขนาดนี้ถือว่าใจกล้าพอสมควร คนที่แค่เห็นเลือดสัตว์หรือฉีดยาก็หันหน้าหนี

แต่ในวันนี้หล่อนกลับจะปลิดชีพตัวเองทั้งที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา

ทำให้ชายหนุ่มตระหนักได้แล้วว่า คงไม่อาจรั้งเธอไว้ได้อีกต่อไป มีเพียงทางเดียวที่จะทำคือปล่อยให้ดมิสาเป็นอิสระ...

แม้จะอยากให้เธออยู่ข้างกายตนเองมากเท่าไหร่ก็ตาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel