บท
ตั้งค่า

๕ ยอมจำนน (๒)

“มันจะเลยเวลาอาหารเที่ยงแล้วนะ ถ้าคุณไม่ออกมากินฉันจะเอาไปให้พวกบอร์ดี้...” ยังพูดไม่ทันจบประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกพร้อมใบหน้าเคร่งขรึม แค่ได้ยินว่าอาหารที่หล่อนทำสุดฝีมือจะตกไปอยู่ในท้องของชายคนอื่นก็ทนไม่ได้แล้ว

“ไหนพูดใหม่สิ จะเอาไปให้ใคร” โอบเอวบางเข้ามาใกล้พลางยื่นหน้าเกือบชิดหล่อน หญิงสาวดันแผงอกหนาเอาไว้แต่เหมือนมันจะไม่เป็นผล

เธอเสียประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง

“ฉันพูดเล่น คุณไปกินข้าวเถอะฉันทำไว้นานแล้วมันจะเย็นเอา” เห็นร่องรอยเขินอายบนใบหน้าหวานก็อดใจจุมพิตที่แก้มนวลไม่ไหว ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นแล้วฟาดมือที่แขนล่ำทันทีอย่างไม่ออมแรง

“โอ๊ย ตีมาได้ยังไง ฉันเจ็บนะ” ปล่อยคนตัวเล็กเป็นอิสระแล้วลูบแขนตัวเองปอยๆ ไม่คิดว่าตัวแค่นี้จะมีแรงเยอะ

“อย่าเยอะไปหน่อยเลย แรงฉันเท่ามดทำโอเวอร์ไปได้” ว่าจบก็สะบัดหน้าหนีเดินนำไปยังห้องอาหาร ปล่อยคนตัวโตตามมาด้วยใบหน้าบึ้งแต่หัวใจกลับเต็มไปด้วยความสุข อยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ

เขาควรจะทำอย่างไรดี...

ความแค้นที่มีต่อเดชธรรมยังไม่จางหาย และดูเหมือนตอนนี้ตนเองจะตกหลุมรักน้องสาวต่างสายเลือดของอีกฝ่ายเข้าให้เสียแล้ว คิดว่าจะไม่เผลอใจสุดท้ายก็ทำไม่ได้ เสน่ห์ของดมิสามันเกินที่เขาสามารถต้านทานได้

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็แพ้หญิงสาวอยู่ดี

เช้าวันต่อมาที่ชายหนุ่มต้องรีบไปทำงานจึงตื่นตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสาง ร่างบางที่นอนข้างกันสะลึมสะลือลุกขึ้นมานั่งพลางมองเขาด้วยแววตางัวเงีย เอ่ยปากถามทั้งยังมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นว่าดวงตะวันกำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า

“คุณจะไปไหนแต่เช้า” คนตัวสูงเดินออกจากห้องน้ำด้วยเสื้อเชิ้ตพร้อมทั้งผูกเนกไทหน้ากระจก หันมามองดมิสาพลางอมยิ้ม

“ฉันต้องไปทำงาน”

“ไปด้วยได้ไหมคะ ฉันไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว มันเหงา” ลุกขึ้นพลางหยิบเสื้อคลุมข้างเตียงมาสวม ช่วงสองสามวันมานี้เขาปล่อยให้ร่างกายหล่อนได้พักผ่อน ไม่มายุ่มย่ามเหมือนคืนก่อนหน้า ทำเพียงกอดกันแล้วเข้าสู่นิทรา

“หือ อยากไปเหรอ” พยักหน้าทันที

“ฉันไม่อยากอยู่บ้าน อยากไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง” อ้อนเต็มที่ถึงจะไม่เข้าไปกอดหรือคลอเคลียเนื่องจากไม่ใช่นิสัยของตนเองก็ตาม

ชายหนุ่มอมยิ้มแล้วคว้าหญิงสาวมากอดเอาไว้จนจมอก ที่จริงก็อยากพาเธอไปด้วยเหมือนกัน ไม่อยากห่างเลยสักวินาทีเพราะตอนนี้หลงดมิสาจะแย่แล้ว

“ข้างนอกมีแต่ฝุ่น เธออยู่บ้านยังจะสูดอากาศบริสุทธิ์มากกว่าอีก” ได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้ายู่ทันที

“แต่ฉันอยากไปกับคุณ” พูดเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอ แต่เขาก็พอฟังรู้เรื่องจับใจความได้ ใบหน้าคมแย้มยิ้มด้วยความสุข ผละห่างหล่อนเล็กน้อยแล้วจ้องใบหน้าหวานยามตื่นนอน

หน้าสดยังสวยจนใจเขาแทบละลาย

“สัญญาว่าพรุ่งนี้จะพาไปข้างนอกด้วย วันนี้อยู่บ้านไปก่อนนะ” เมื่อใช้ลูกอ้อนไม่ได้ผลจึงพยักหน้ารับ ยืนโบกมือส่งชายหนุ่มไปทำงานอยู่หน้าห้องแล้วค่อยกลับเข้าไปอาบน้ำชำระกาย

เธอแต่งหน้าเล็กน้อยเพื่อให้มีสีสันบ้าง ดวงตากลมเหลือบมองปฏิทินที่ตั้งไว้ใกล้ตนเอง อยู่ที่นี่มาสองเดือนจะเข้าเดือนที่สามแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่ามันนานขนาดนี้ โทรศัพท์ไม่ได้เล่น ติดต่อใครไม่ได้ มากสุดคือดูโทรทัศน์และทำอาหาร

ถูกขังไว้อย่างสมบูรณ์แบบ...

“เอ๊ะ” พลันความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว ผ่านมาสองเดือนแต่หล่อนยังไม่เป็นประจำเดือนสักครั้ง

มันเป็นไปได้ยังไง!

“ไม่จริงน่า” ส่ายหัวทันทีเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ ก่อนจะรีบสลัดความคิดนั้นออก คว้าปฏิทินมานับวันที่เป็นประจำเดือนครั้งสุดท้าย พบว่ามันผ่านมานานแล้ว

หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นไปเสียเดี๋ยวนี้ นึกถึงอาการที่ผ่านมาว่าตนเองผิดปกติอะไรหรือไม่ พบว่าช่วงนี้นอนมากขึ้น ช่วงกลางวันก็ง่วงจนต้องเอนกายตลอด กินอาหารเยอะกว่าปกติเรียกได้ว่าเจริญอาหารสุดๆ

วิงเวียนศีรษะในบางครั้ง อาเจียนช่วงสายแต่ไม่ค่อยบ่อย อาการเหล่านี้มันคืออะไร มันเป็นเรื่องปกติหรือไม่ มือไม้เย็นเฉียบอยากหาคำตอบให้เร็วที่สุดแต่นึกไม่ออกว่าควรทำเช่นไรดี

กระทั่งตัดสินใจวิ่งลงไปข้างล่างแล้วแสร้งทำเป็นล้มลงกับพื้นแล้วโอดครวญเสียงดังจนผู้ติดตามวิ่งเข้ามาหาคุณผู้หญิง

“โอ๊ย ปวดท้อง” แสดงสีหน้าเจ็บปวดจนคนที่เหลือทำอะไรไม่ถูก ท่าทีเก้กังของเหล่าชายร่างใหญ่ทำให้หล่อนลอบอมยิ้มแล้วใช้จังหวะนี้ในการสั่งเสียงเฉียบ

“พาฉันไปร้านขายยาได้ไหม ฉันอยากได้ยาแก้ปวดท้อง”

“เดี๋ยวผมจะเรียกหมอให้ครับ” เห็นครั้งก่อนตอนที่เจ้านายถูกแทงก็มีนายแพทย์มารักษาให้ถึงบ้าน ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน

ทว่าคนฟังรีบส่ายหน้าทันที กลัวว่าแผนตนเองจะแตกเสียก่อนจึงพูดด้วยเสียงที่เข้มกว่าปกติ แววตาเอาเรื่องอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนจนคนที่สบตาด้วยรู้สึกกลัว ไม่เคยเห็นหญิงสาวในมาดนี้ ไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดจึงกุมหัวใจคุณผู้ชายอยู่หมัด

“พาฉันไปร้านขายยาก็พอ ออกรถเร็ว!” ขึ้นเสียงดังจนชายหนุ่มรับคำรวดเร็ว ออกไปขับรถยนต์มาจอดเทียบรอร่างบางซึ่งหยัดกายลุกขึ้นยืน

เสกสรรหัวหน้าผู้ติดตามยืนมองแล้วหลบไปโทรศัพท์รายงานเจ้านาย ได้รับคำสั่งให้รีบพาหล่อนไปโรงพยาบาลและไม่ลืมย้ำเฝ้าจับตาดูห้ามไม่ให้หนี อยากจะกลับบ้านมาดูแลหล่อนด้วยตัวเองทว่าหน้าที่มันค้ำคอจนไม่อาจกระดิกไปไหนได้

เวลาเก้าโมงรถยนต์ก็มาจอดหน้าร้านขายยาแห่งหนึ่ง ทั้งที่ตอนแรกจะพาไปโรงพยาบาลทว่าหญิงสาวบอกต้องการซื้อยาแก้ปวดท้องประจำเดือนเท่านั้น พวกเขาจึงยอมทำตามคำสั่งแล้วออกมายืนรอหน้าร้านปล่อยหล่อนเข้าไปข้างในคนเดียว

“ขอซื้อที่ตรวจครรภ์แล้วก็ยานอนหลับค่ะ เอ่อ คือช่วงนี้สามีฉันนอนไม่ค่อยหลับเขาเลยวานให้มาซื้อ ขอแบบแรงๆ เลยนะคะ อ้อ แล้วก็ยาแก้อาการปวดท้องประจำเดือนกับผ้าอนามัยด้วยค่ะ” บอกอย่างรวดเร็วกลัวคนข้างนอกจะตามเข้ามา

เภสัชกรยิ้มรับแล้วเดินไปหยิบของตามที่หญิงสาวต้องการ เธอมีเงินติดตัวเล็กน้อยตามที่ชายหนุ่มให้ไว้ จ่ายเสร็จก็รีบซ่อนของทั้งหมดไว้ในเสื้อ ถือเพียงยาแก้ปวดท้องประจำเดือนและผ้าอนามัยเท่านั้น

ขึ้นมาบนรถก็พยายามเงียบ เมื่อถึงบ้านจึงเดินไปชั้นบนด้วยท่าทางอ่อนแรง ทว่ายังไม่ทันก้าวขึ้นบันไดเสียงโทรศัพท์ของบ้านก็ดังขึ้นจนต้องเดินไปรับ

“สวัสดีค่ะ”

‘เธอเป็นยังไงบ้าง’ ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน และแค่นี้หล่อนก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร

เจ้าของบ้านหลังนี้อย่างไรเล่า...

“ฉันแค่ปวดท้องประจำเดือน ซื้อยามากินก็หายแล้ว” รู้สึกอบอุ่นใจยามเห็นว่าร่างสูงเป็นห่วงตนเอง เขาสั่งให้รีบกินข้าวกินยาแล้วพักผ่อน ห้ามเดินบ่อยหรือถ้าเป็นไปได้ก็อยู่บนเตียงเฉยๆ อยากได้อะไรค่อยสั่งลูกน้อง

และก่อนที่จะวางสายก็เอ่ยคำที่ทำเอาหัวใจดวงนี้อุ่นวาบ ‘แล้วฉันจะรีบกลับบ้าน’

หากอยู่ในสถานการณ์ปกติที่ไม่ต้องเป็นตัวประกันหรือเครื่องมือระบายความแค้นของใครก็คงกลับไปคืนดีกับชายหนุ่มได้ไม่ยาก

แต่ในเมื่อทุกอย่างมันผิดรูปผิดรอยมาตั้งแต่ต้น เธอก็ขอเป็นฝ่ายเลือกเดินจากไปดีกว่า ฝืนอยู่ด้วยกันไปใจก็ไม่สงบสุข รังแต่จะทะเลาะกันวันเว้นวันเสียเปล่า

ปิดประตูลงกลอนเรียบร้อยจึงเข้าไปในห้องน้ำ เอาที่ตรวจครรภ์ออกมาทำตามขั้นตอนต่างๆ หล่อนซื้อมาสองอันเพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็รอเพียงเวลา เธอกุมมือตัวเองแน่นแล้วรอผลอย่างใจจดใจจ่อ ก่นด่าในความสะเพร่าของตัวเองตลอดระยะเวลาการเดินทางไปร้านยา ลืมคิดไปเสียสนิทถึงเรื่องการป้องกัน อาจเพราะเสียใจในการกระทำของชายหนุ่ม

น้อยใจที่เจอกันครั้งแรกก็มีเรื่องราวมากมายพุ่งเขาหา ทุกอย่างมันผสมปนเปไปหมดและเกิดขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ว กว่าจะคิดได้ถึงเรื่องสำคัญนี้ก็จะล่วงเข้าสู่เดือนที่สามแล้ว

และเมื่อครบเวลาเธอก็ค่อยหยิบผลตรวจทั้งสองขึ้นมาดูพร้อมกัน ใจภาวนาให้ขึ้นเพียงแค่ขีดเดียว ขอแค่ขีดเดียวเท่านั้น...

แต่ปรากฏว่ามันเป็นสองขีด นั่นหมายความว่าหล่อนท้อง!

กลับมาถึงบ้านร่างสูงรีบขึ้นไปบนชั้นสองทันที เขาเปิดประตูห้องนอนเห็นคนตัวเล็กนอนหลับสบายภายใต้ผ้าห่มผืนหนา หัวใจที่เคยหนักอึ้งพลันเบาบางลงทันที พยายามทำงานให้เสร็จเร็วที่สุดเพื่อกลับมาบ้าน ห่วงหล่อนเหลือเกินจนใจบีบรัดไปหมดระหว่างทางกลับมา

พยายามเร่งเครื่องยนต์ให้เร็วจนถึงบ้านก่อนเวลา ภูวิศเดินไปนั่งข้างเตียงแล้วมองใบหน้าหวานยามหลับพริ้ม เห็นร่องรอยน้ำตาก็ค่อยลูบลบมันออกอย่างแผ่วเบา

ร้องไห้ทำไม...

อยากถามแต่ก็ไม่ต้องการรบกวนตอนที่เธอหลับ ตัดสินใจเดินลงไปข้างล่างเพื่อทำอาหาร พอมีฝีมืออยู่บ้างเนื่องจากเคยฝึกงานในห้องครัวของโรงแรม แต่ก็ไม่ได้อร่อยถึงขนาดจะเป็นเชฟได้ อีกอย่างเขาถนัดงานบริหารมากกว่า

เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงนำใส่ถาด หยิบน้ำอุ่นมาวางไว้แล้วยกไปบนห้องให้คนที่กำลังหลับใหล ทว่าเปิดประตูเข้าไปกลับเห็นหล่อนลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เห็นดังนั้นจึงรีบเข้าไปหาทันที

“เป็นยังไงบ้าง หายปวดท้องหรือยัง” จำได้ว่าตอนคบกันยามที่หล่อนปวดท้องประจำเดือนนั้นรุนแรงจนแทบลุกไม่ขึ้น ถึงได้เป็นห่วงเมื่อทราบข่าว

“ค่ะ” ตอบเสียงแผ่วแล้วมองใบหน้าคม ค่อยผินไปมองอาหารที่เขาถือขึ้นมาด้วยแววตารื้น อบอุ่นในหัวใจจนอยากล้มเลิกแผนการทั้งหมด

หรือเธอควรอยู่กับเขาที่นี่ต่อไปดี...ทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เริ่มต้นกันใหม่จะได้ไหม

“กินอะไรหน่อยนะ จะได้กินยา” ชายหนุ่มนั่งลงข้างเตียงแล้ววางถาดอาหารไว้บนหน้าขาตนเอง ตักข้าวขึ้นมาเป่าให้หายร้อยแล้วป้อนถึงปากเล็ก บริการเต็มที่โดยหล่อนไม่ทักท้วงหรือดื้อดึงอย่างใด เอาแต่จ้องใบหน้าคมนิ่ง

“ถ้าเราลืมความเจ็บปวดทั้งหมด ลืมสิ่งที่พี่ฉันทำ ลืมเรื่องร้ายๆ ที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเรา แล้วเริ่มต้นใหม่..คุณจะว่ายังไง” ถามขึ้นมากลางปล้อง มองใบหน้าคมนิ่งรอฟังคำตอบของเขาด้วยหัวใจที่หวาดหวั่น กว่าจะรวบรวมความกล้าแล้วถามออกไปได้ไม่ง่ายเลยสักนิด

ภูวิศนิ่งคิดสักพัก เอาช้อนคนข้าวในถ้วยเพื่อให้ความร้อนระเหยออก หากจะให้ลืมทุกอย่างแล้วเริ่มต้นใหม่มันคงยากสำหรับเขา ความต้องการเอาชนะและอยากแก้แค้นมันมากกว่าสิ่งที่เรียกว่ารัก ถึงจะอยู่กับหล่อนแล้วมีความสุขแต่ก็เหมือนว่าภายในใจยังคงมีเรื่องติดค้าง

ถ้าให้เริ่มต้นกันใหม่นั้น...

“ฉันเดินมาไกล เกินกว่าจะกลับไปจุดเริ่มต้นแล้ว” เพียงเขาตอบเท่านั้นหล่อนก็ค่อยยิ้มออกมา

สองดวงตาสบกันนิ่ง ความโหยหาฉายชัดผ่านทางแววตากระทั่งดมิสาเป็นฝ่ายเสหลบเสียก่อน หล่อนกลัวว่าน้ำตาที่กลั้นเอาไว้มันจะไหลออกมา

เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าควรทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป

หล่อนจะพังกรงขังนี้แล้วโบยบินไปให้ไกล เพื่อที่จะได้ไม่ต้องพบเจอผู้ชายซึ่งนำพาแต่ความเจ็บปวดมาให้อีก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel