บทนำ [2/2]
เมื่อคืนทั้งกินทั้งดื่มประชดชีวิตไปแล้ว งั้นวันนี้ก็จะขอนอนประชดชีวิตด้วยเลยแล้วกัน!
ประชดทุกอย่างให้สาแก่ใจกับชีวิตรักซังกะบ๊วย นอนให้ตาย นอนให้ปวดหัวไปเลย อย่างน้อยการนอนหลับก็ทำให้หยุดคิดถึงเรื่องผู้ชายคนนั้นไปได้ช่วงเวลาหนึ่ง
ทว่ามีนาไม่ได้หลับสมดังใจด้วยจังหวะที่พลิกตัวนั้น มือของเธอพาดผ่านไปโดนบางสิ่งที่สร้างความรู้สึกแปลกประหลาด
แข็ง...และอุ่น
ไม่ใช่อะไรลามกเทือกนั้น แต่เป็นร่างกายของมนุษย์ต่างหาก สัมผัสมันทำให้เธอรู้สึกราวกับว่ามีใครมานอนอยู่ข้างๆ
เดี๋ยวนะ! มีใครมานอนข้างๆ งั้นเหรอ!
มีนาลืมตาขึ้นทันทีแล้วก็ต้องเบิกโพลงกว้างเมื่อเห็นว่าบางสิ่งที่เธอกำลังเอาแขนพาดอยู่เป็นร่างกายของผู้ชายคนหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
คะ...ใครเนี่ย!
สัญชาตญาณส่งผลให้เธอรีบลุกขึ้นยืนพรวดพราด ถอยหลังกรูดไปติดกำแพงห้องอย่างรวดเร็ว ความเมามายมึนหัวอะไรที่เล่นงานอยู่ก่อนหน้าหายวับไปกับตาราวกับไม่มีแอลกอฮอล์ตกค้างในกระแสเลือดมาก่อน ตอนนี้เธอเอาแต่จ้องอีกฝ่ายเขม็งและยิ่งระวังตัวมากขึ้นไปอีกเมื่อผู้ชายคนนั้นค่อยๆ ขยับตัวและส่งเสียงครางออกมา
จับใจความไม่ได้เลยแม้แต่น้อยว่าผู้ชายคนนั้นพูดว่าอะไร แต่มีนาก็ไม่มีอารมณ์จะมาใคร่ครวญอะไรแล้ว พุ่งตัวไปคว้าขวดโซจูเปล่ามาไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อย กะว่าถ้าผู้ชายตรงหน้าจะทำมิดีมิร้าย เธอจะใช้ขวดฟาดให้หัวแตกไปเลย
หากแต่เขาไม่ทำอะไร เพียงแค่ขยับตัวและส่งเสียงอืออาในลำคออย่างที่เห็น เปลือกตายังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ เห็นอย่างนั้น ในหัวของมีนาก็คิดวุ่นเป็นพัลวัน
เข้ามาได้ยังไงน่ะ หรือว่า...เมื่อคืนจะเมาจนเผลอไปหิ้วผู้ชายเข้าห้อง!?
คิดแล้วก็อ้าปากค้างด้วยไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะเหลวแหลกได้ถึงขนาดนี้
นี่หล่อนลากผู้ชายมาปล้ำถึงในห้องเลยเหรอไอ้มีนา!
รู้ถึงไหน อายไปถึงนั่น มุดหัวหนีอายไปถึงเปลือกโลกชั้นแม็กม่าแล้วยังไม่หายอายเลย แต่พอคิดๆ ดูอีกทีแล้วมันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ คนอย่างเธอเนี่ยนะที่จะลากผู้ชายเข้ามาปล้ำถึงในห้อง ผู้ชายคนนั้นตัวใหญ่กว่าเธอเยอะเลยเถอะ คิดเหรอว่าชะนีแคระ ความสูงแค่ร้อยห้าสิบปลายๆ จะลากเขาเข้ามาไหว
คิดเลยเถิดไปใหญ่แล้ว!
ถึงอย่างนั้นก็ยังตั้งท่าระวังตัวเพราะไม่อาจวางใจได้ว่าผู้ชายตรงหน้าจะมาดี ก็ดูเสื้อผ้าที่เขาใส่สิ มันช่าง...โบราณ
โบราณจริงๆ ไม่ใช่เชยนะ ย้ำว่าโบราณ
อย่างกับหลุดออกมาจากละครจักรๆ วงศ์ๆ ของเกาหลีอย่างไรอย่างนั้นแหละ!
ดวงตาคู่สวยปราดมองไปตามเสื้อผ้าสีแดงเลือดหมูสลับดำ ขณะที่ผู้ชายคนนั้นเองเริ่มจะรู้สึกตัวทั้งที่มีนายังสำรวจอีกฝ่ายไม่ละเอียดดี
เขาค่อยๆ ดันตัวขึ้นจากพื้นอย่างเชื่องช้า กะพริบตาถี่ๆ หลายครั้งเพื่อปรับให้สายตาคุ้นชินก่อนจะกวาดมองไปรอบข้าง เมื่อเห็นว่าบรรยากาศรอบตัวไม่ใช่ที่ที่คุ้นเคย เขาก็พรวดพราดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกระลอกทันทีที่หันไปเห็นหญิงสาวในชุดแปลกตายืนจังก้าเตรียมพร้อมจู่โจมเขาอยู่
มีนาเองก็ตกใจเช่นกัน เห็นชายหนุ่มลุกขึ้นมายืนก็ร้องลั่น อีกฝ่ายก็ผงะ ต่างคนต่างตกใจใส่กัน แต่เหมือนชายหนุ่มจะตั้งสติได้ก่อนขณะที่หญิงสาวหวีดร้องไม่หยุด
“คุณเป็นใครน่ะ! เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”
คนถูกถามไม่สนใจที่จะตอบคำถามเลยแม้แต่น้อย ดวงตาเรียวมองปราดคนตัวเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก่อนถามออกมาบ้าง
“แม่นางเป็นใครกันรึ”
ยัง...ยังจะมีหน้ามาถามกลับอีก!
“ตอบคำถามฉันมาก่อน!”
คนถูกย้อนถามไม่ตอบ โวยวายใส่ ขณะที่ชายหนุ่มเลิกสนใจหญิงสาวเจ้าของห้อง กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องด้วยสีหน้าตะลึงงันคล้ายกับว่าชีวิตนี้ไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อน พลันริมฝีปากก็ครางออกมา
“ที่นี่มัน...”
“นี่! ฉันถามว่าคุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไง แอบเข้ามาทางไหนหา!?”
เห็นว่าคนแปลกหน้าไม่ตอบ มัวแต่ทำท่าทางประหลาดๆ มีนาจึงร้องถามไปอีก ตั้งใจส่งเสียงดังเข้าไว้ กะว่าถ้ามีเหตุร้ายเกิดขึ้น ข้างห้องอาจจะได้ยินเสียงเธอบ้างอะไรอย่างนั้น ในใจของมีนาตอนนี้ค่อนข้างจะหวาดกลัวมากเลยทีเดียว
แล้วเธอก็สะดุ้งขึ้นมาอีกคราทันทีที่เห็นว่าเขาเริ่มก้าวเท้าสำรวจซอกมุมของห้อง
ไม่ได้เดินมาทางเธอหรอก เดินไปทางอื่น แต่ก็ทำให้น้ำเสียงของหญิงสาวสั่นเทาขึ้นมาได้ทันควัน
“คะ...คุณต้องการอะไร!?”
ชายหนุ่มไม่ตอบ มัวแต่ยืนมองวัตถุประหลาดที่วางอยู่บนพื้นก่อนจะคว้ามันขึ้นมาดู
บะ...บราเซียลูกไม้สีม่วงที่ถอดแล้วโยนทิ้งไปเมื่อวาน!
มีนาเห็นก็เบิกตาโต ส่งเสียงกรีดร้อง
“ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ! วางมันลง!”
คนถูกทักหันมามองยังต้นเสียง มีนาเลยสำนึกได้ว่าตอนนี้เธออยู่ในสภาพโนบราจึงรีบเบี่ยงตัวหลบพร้อมกับใบหน้าร้อนผะผ่าว กระนั้นก็ยังไม่หยุดออกคำสั่ง
“บอกให้วางมันลงไง!”
คนถูกสั่งยอมวางแต่โดยดี สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเขา ในฐานะคนแปลกหน้าที่มาเยือนก็ควรจะเคารพเจ้าของบ้าน
ดวงตากลมของหญิงสาวเหลือบมอง เห็นชายหนุ่มวางเสื้อชั้นในลูกไม้ของเธอลงที่เดิมแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะตั้งใจไล่เขาออกไปให้เร็วที่สุด การที่มีผู้ชายแปลกหน้ามาอยู่ในห้องอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลยสักนิด
ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็หันมาถามเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแล้ว
“ที่แห่งนี้ใช่ฮันยางหรือเปล่าแม่นาง”
กลายเป็นมีนาบ้างแล้วที่ทำหน้างุนงงเมื่อเขาเอ่ยชื่อเมืองหลวงของโชซอนซึ่งเป็นอาณาจักรโบราณของเกาหลี ถึงเธอจะไม่รู้ประวัติศาสตร์เกาหลีละเอียดนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าฮันยางคืออะไร ที่ไม่เข้าใจก็คือ...ผู้ชายคนนี้ถามเรื่องนี้ทำบ้าอะไร
“คุณหมายความว่าอะไร” ครางถามออกมาอย่างไม่ไว้ใจ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหลอกล่อเธอให้ตายใจด้วยคำถามแปลกๆ ก็ได้ เธอเคยดูข่าวนะว่าพวกอาชญากรสมัยนี้มักใช้คำถามเชิงจิตวิทยามาทำให้เหยื่อติดกับ
พูดจบ สายตาก็จ้องจับผิดไปด้วย อีกฝ่ายไม่แสดงอาการอื่นใดแม้แต่น้อยนอกจากดูงุนงงกับสถานที่ที่ตนยืนอยู่
“ที่นี่ดูไม่เหมือนฮันยางเลย ช่างดู...แปลกตา” อีกฝ่ายตอบเชื่องช้า
มันก็แน่อยู่แล้ว ฮันยางอะไรล่ะ นี่มันกรุงโซล!
แต่จริงๆ กรุงโซลก็คือฮันยาง เพียงแต่เปลี่ยนชื่อหลังจากอาณาจักรโชซอนล่มสลาย สำคัญกว่านั้นคือไม่รู้ทำไมจู่ๆ มีนาก็เอะใจขึ้นมาแปลกๆ ว่าผู้ชายท่าทางประหลาด ซ้ำยังแต่งตัวเหมือนไม่ใช่คนในยุคสมัยนี้ที่ยืนทำหน้าเหลอหลาตรงหน้าจะเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่เธอร้องขอต่อสรวงสวรรค์เมื่อคืนนี้
คิมคังยู...
หรือว่าจะเป็นคิมคังยู พระรองในนิยายคนนั้น!?
“คุณคือ...คิมคังยู?”
ด้วยอารามตกใจถึงได้เอ่ยไปอย่างนั้นทั้งที่มันไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย หากแต่ชายหนุ่มกลับพยักหน้าตอบกลับมาพร้อมกับเรียวคิ้วสวยที่ย่นยู่
“รู้จักข้าเช่นนั้นรึ”
มีนาอ้าปากค้างทันควัน พูดไม่ออก ก้าวขาก็ไม่ออก ตอบคำถามของคนตรงหน้าก็ไม่ได้
คุณพระ! โผล่มาได้ไงกันเนี่ย!
