บทที่ 2: พระรองข้างถนน [2/2]
คนฟังพอจะเชื่อคำพูดหญิงสาวอยู่บ้าง ก็ดูสภาพของผู้ชายคนนั้นสิ แต่งตัวก็ประหลาด พูดจาก็แปลกๆ ดูอย่างไรก็เพี้ยนชัดๆ
“งั้นก็ดูแลดีๆ หน่อย อย่าปล่อยให้ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอย่างนี้ นี่มันถนนสาธารณะ ไม่ใช่ที่วิ่งเล่นคนบ้า”
มีนายิ้มรับเจื่อนๆ โค้งแล้วโค้งอีกจนเธออดคิดไม่ได้ว่าหากโค้งกว่านี้อีกสักนิด สะโพกของเธอคงต้องครากอย่างแน่นอน
“เลิกคำนับได้แล้ว บุรุษผู้นั้นจากไปแล้ว”
ได้ยินเสียงทุ้มจากคนข้างกาย มีนาถึงได้เหยียดตัวตรงขึ้นมา ก่อนจะรีบส่งสายตาเขียวๆ ไปยังคนต้นเหตุ
“คุณไม่ต้องมาพูดดีเลย เพราะคุณนั่นแหละ”
จู่ๆ ก็ถูกกล่าวโทษ คังยูย่นหน้าพลัน หากแต่ไม่ทันจะได้พูดอะไร สาวเจ้าก็คว้าแขนเขาหมับแล้วลากออกจากกลางถนนแล้ว
ไม่เพียงแต่ลากออกจากกลางถนน ยังลากเดินลิ่วๆ ไปอีกด้วย ทำเอาชายหนุ่มต้องออกปากถาม
“คิดจะพาข้าไปที่แห่งใดงั้นรึ”
มีนาชะงักฝีเท้าทันที ปล่อยมือออกจากต้นแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามมาเท้าสะเอวแทน
“ก็จะพาไปที่ห้องฉันน่ะสิ”
“ห้อง?”
มีนากลอกตา
“บ้านน่ะบ้าน ฉันจะพาคุณไปที่บ้าน”
คังยูประหลาดใจหนักเข้าไปอีก ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจว่าคำว่าห้องหรือบ้านแปลว่าอะไร แต่ประหลาดใจที่หญิงสาวตรงหน้าใจกล้าถึงขนาดเป็นฝ่ายออกปากชักชวนชายไปถึงที่พำนักของตัวเองต่างหาก
ช่างเป็นแม่หญิงที่ไร้ยางอายยิ่งนัก
ถึงเขาจะเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไว้ใจได้ว่าไม่กระทำการอันใดละลาบละล้วงเธออย่างแน่นอน ทว่ามันก็หาใช่สิ่งสมควรที่ผู้หญิงจะเอ่ยปากเชิญชวนฝ่ายชายขนาดนี้
สตรีนางนี้น่าจะไร้การอบรมสั่งสอนที่ดี เกิดจากตระกูลต่ำชั้นอย่างแน่นอน
ถึงจะเกิดในตระกูลต่ำศักดิ์ขนาดไหน เจ้าหล่อนก็ไม่สมควรพูดอย่างนั้นกับชายแปลกหน้า ถึงเธอจะรู้จักว่าเขาเป็นใคร แต่เขาไม่ได้รู้จักเธอสักหน่อย ทำให้เขาอดที่จะตำหนิออกไปไม่ได้เลยเมื่อเห็นว่ามีนาตั้งท่าออกเดินอีกครั้ง
“กิริยามารยาทเจ้าช่างไม่งามเอาเสียเลย เป็นสตรีอย่าได้เอ่ยปากชักชวนชายเข้าห้องหับสิ”
มีนามึนงงไปชั่วขณะ ครู่เดียวก็ตีความหมายออกว่าคนตรงหน้าพูดอะไรกับเธอ
นี่จะบอกว่าฉันเป็นพวกผู้หญิงใจง่ายล่ะสินะ
ถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่หลายต่อหลายครั้งเพื่อสงบจิตสงบใจ พอจะใจเย็นขึ้นบ้างแล้วถึงได้ขยับริมฝีปาก
“แต่คุณไม่มีที่ไปไม่ใช่เหรอ ฉันก็แค่จะให้คุณไปตั้งหลักที่ห้องฉันก่อนก็เท่านั้น”
“ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใด หญิงที่อยู่ตัวคนเดียวเช่นเจ้าก็มิควรจะชักชวนชายใดไปเยี่ยมเยือนในที่รโหฐาน มิเช่นนั้นเจ้าจะไม่ต่างอะไรจากหญิงในหอนางโลมที่ยั่วยวนชายน้อยใหญ่ให้หลงใหล”
พูดมาก เดี๋ยวก็ปล่อยให้นอนข้างถนนเสียเลยนี่!
เธอก็อยากจะทำอย่างนั้นอยู่หรอก ใครจะไปรู้ล่ะว่าผู้ชายหน้าตาดี ท่าทางเคร่งขรึมจะปากคอเราะร้ายอย่างนี้ พูดเนิบนาบๆ แท้ๆ แต่ทุกประโยคทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาน้อยๆ ด้วยความโกรธ แต่ก็พยายามจะทำความเข้าใจว่าอีกฝ่ายหลุดออกมาจากนิยาย และมาจากคนละยุคประวัติศาสตร์ ดังนั้นการกระทำของเธอซึ่งเป็นคนสมัยใหม่อาจจะไปขัดหูขัดตาคนรุ่นทวดของทวดของทวดอย่างเขาก็ได้ จึงสงบจิตสงบใจอีกครั้งก่อนแสร้งทำเป็นหูทวนลม
“ฉันจะเป็นอะไรก็เรื่องของฉันค่ะ แต่คืนนี้คุณต้องมีที่พัก ยังไงก็มาที่ห้องฉันก่อนเถอะ อย่ามัวพูดมาก เรื่องมากอยู่เลย ดึกแล้ว”
สิ้นเสียงก็คว้าเอาแขนชายหนุ่มแล้วลากออกเดิน ตอนนี้เองที่คังยูตระหนักได้ว่านอกจากคนตัวเล็กตรงหน้าจะเอ่ยปากชักชวนเขาไปถึงที่พำนักแล้ว ยังจะมือไม้อยู่ไม่สุขอีก ครั้งที่สองแล้วนะที่แตะเนื้อต้องตัวเขาอย่างนี้
ไม่รักนวลสงวนตัว ช่างเป็นสตรีที่น่าไม่อายเอาเสียเลย
ทำเป็นบ่นในใจไปอย่างนั้น แต่ตัวเองก็เดินตามแผ่นหลังบางไปแต่โดยดีโดยไม่พูดอะไร ขณะที่มีนาซึ่งเดินนำหน้าได้แต่บ่นพึมพำในใจเป็นภาษาบ้านเกิด
“หาเหาใส่หัวตัวเองจริงๆ เลยนังมีนา”
พากลับมาห้องจนได้ ไล่ออกไปแล้วแท้ๆ สุดท้ายก็เป็นฝ่ายพากลับมาเอง
มีนาพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าที่เธอตัดสินใจอย่างนี้มันไม่ผิด ในเมื่อเธอเป็นคนทำให้เขาหลุดมิติออกมาที่โลกของเธอ เธอก็ต้องรับผิดชอบเขาจนกว่าจะหาหนทางพาอีกฝ่ายกลับไปยังโลกที่จากมาได้
อย่างน้อยคืนนี้ก็ต้องเอื้อเฟื้อที่ซุกหัวนอนให้เขาก่อนล่ะแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะพูดจาไม่เข้าหูเธอไปสักหน่อยก็ตาม
“คุณกินอะไรมาหรือยังคะ” เธอว่าขณะถอดเสื้อคลุมออกจากเรือนร่างบอบบาง
คังยูเหลือบมองแล้วก็ต้องหลบสายตาอย่างรวดเร็ว
“อย่าคิดยั่วยวนข้าด้วยการเปลื้องผ้าเช่นนี้ ข้ามีนางในใจอยู่แล้ว”
มีนาถึงกับชะงักกึก
ยั่วยวนบ้าอะไร แค่ถอดเสื้อคลุมออกเฉยๆ ไม่ได้แก้ผ้า!
หัวคิ้วกระตุกยิกๆ พูดมาได้หน้าตาเฉยว่าเธอยั่วเขา มิหนำซ้ำยังมาบอกให้เธอได้หน้าม้านอีกต่างหากว่าตัวเองมีเจ้าของหัวใจแล้ว เรื่องนั้นทำไมเธอจะไม่รู้ล่ะว่าตัวละครในนิยายที่ชื่อคิมคังยูอะไรนั่นน่ะแอบหลงรักนางเอกของเรื่องที่ชื่อ...เออ ชื่ออะไรก็เอาเถอะ ในเวลาอย่างนี้เธอไม่มีอารมณ์จะมานึกถึงชื่อนางเอกนิยายหรอก
“ฉันไม่ได้สนใจคุณสักนิด รบกวนช่วยเลิกหลงตัวเองด้วยค่ะ”
คราวนี้เป็นทีของคังยูที่หน้าชาบ้าง ถูกหักหน้าเข้าอย่างจังเลยทีเดียว
มีนาเหลือบมอง เห็นอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ มีเพียงสีหน้าเคร่งขรึมฉาบพรายบนใบหน้าคร้ามคม เธอก็ออกปากพูดต่อ
“แล้วกินอะไรมาหรือยังคะ เมื่อเย็นได้ใช้เงินที่ฉันให้ไว้ไปซื้ออะไรกินไหม”
ท่าทางของหญิงสาวดูผ่อนคลายกว่าในครั้งแรกที่เจอผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมาก อาจเป็นเพราะสมองบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่หลุดมาจากในนิยาย ความน่ากลัวจึงลดน้อยลงจนแทบจะไม่มีหลงเหลืออยู่
คังยูได้ยินคำถามนั้นแล้วก็ตอบสั้นๆ “ไม่”
“เอ๊ะ ทำไมล่ะคะ” เรียวคิ้วบนดวงหน้าหวานเลิกสูง
“ข้าไม่คิดว่าเศษกระดาษเหล่านั้นจะใช้จับจ่ายใดๆ ได้”
“แล้ว?”
“ข้าทิ้งไปแล้ว”
“หา!? ทิ้งแล้ว ทิ้งที่ไหน” รีบถามอย่างรวดเร็ว
คังยูตอบด้วยสีหน้านิ่งๆ “ข้าก็ขยำทิ้งละแวกนั้นหลังจากแยกกับเจ้า”
น้ำเสียงนิ่งเรียบที่ตอบกลับมาทำเอามีนาต้องยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง จู่ๆ ก็วิงเวียนศีรษะขึ้นมา
นี่เธอจะต้องสอนเขาใช้เงินด้วยล่ะสินะ
อะไรก็เอาเถอะ สอนได้ ไม่เป็นไร แต่สอนแล้วต้องรีบหาทางพาเขากลับยังโลกที่จากมาให้เร็วที่สุดด้วย ไม่อย่างนั้นเธอต้องประสาทเสียตายก่อนแน่ แค่วันแรกก็สร้างเรื่องได้แทบไม่เว้นช่วงเลย
ความจริงจะว่าสร้างเรื่องให้เธอก็ไม่ถูกนัก เธอต่างหากที่เอาตัวเข้าไปยุ่งกับเรื่องวุ่นวายพวกนั้น แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หูหนวกตาบอดไปเสียตั้งแต่แรกก็ไม่มีอะไรแล้ว
แต่ถ้ามันทำได้ง่ายขนาดนั้น เธอจะมาลำบากดูแลรับผิดชอบผู้ชายตัวโตอย่างที่ทำอยู่อย่างนี้เหรอ!
นึกเกลียดนิสัยตัวเองที่ดันเป็นคนรับผิดชอบในสิ่งที่ตนกระทำขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่ความสนใจทั้งหมดจะถูกดึงไปเมื่อชายหนุ่มโน้มตัวลงเล็กน้อย จดๆ จ้องๆ กับวัตถุหน้าตาประหลาดในหม้อต้มที่อยู่ในครัว
“เจ้าทำอาหารค้างเอาไว้”
จริงสิ ลืมไปเลยว่าต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไว้ก่อนจะออกไป
หญิงสาวเดินไปข้างๆ คังยู ก่อนจะส่งเสียงดุ
“หลบหน่อยค่ะ เดี๋ยวฉันจะทำความสะอาด”
พูดพลางเอื้อมมือไปคว้าหม้อ หากแต่ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ มือใหญ่ก็แตะเข้ามาที่ข้อมือเธอเบาๆ เมื่อหันไปมองก็เห็นคังยูมองอยู่ ครู่เดียวเขาก็ดึงมือออก
“ขออภัย”
“คะ?”
“ขออภัยที่แตะต้องเนื้อตัวเจ้า” เขาขยายความ “แต่เจ้าไม่ต้องเก็บกวาดอาหารนั่นหรอก ข้าจะจัดการเอง”
พูดมาอย่างนี้ก็รู้เลยว่าคังยูคงจะหิวแน่นอน จัดการที่เขาว่าน่าจะหมายถึงกิน
มีนาเอี้ยวตัวหลบทันที ไม่ยอมให้คังยูได้แย่งเอาหม้อจากมือไป
“ถ้าคุณหิว เดี๋ยวฉันจะต้มให้ใหม่ค่ะ อืดขนาดนี้แล้ว มันไม่อร่อย”
“หาได้จำเป็นต้องทำเช่นนั้นไม่ แค่มีอาหารประทังชีวิตข้าไปอีกวัน เท่านั้นก็ดีหนักหนาแล้ว”
ฟังแล้วก็พอจะเข้าใจอุปนิสัยของคังยูอยู่ ในนิยายก็ระบุไว้ชัดเจนนี่ว่าเป็นมือปราบเดนตาย มีฉากไปช่วยปราบจลาจลที่เมืองอื่นก็บ่อยครั้ง การที่เขาอยู่ง่ายกินง่ายไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
แต่มันจะแปลกมากถ้าหากเธอปล่อยให้เขาเอาเส้นแป้งอืดๆ พวกนี้ยัดเข้าปากน่ะ!
มีนาไม่ยอมให้รองเจ้ากรมหนุ่มได้ทำอย่างนั้นแน่ รีบคว้าเอาถุงพลาสติกมาเทเส้นบะหมี่อืดๆ ทิ้ง ก่อนจะวางหม้อลงบนซิงค์ล้างจาน
“เดี๋ยวฉันจะต้มให้ใหม่ค่ะ คุณเป็นแขกของฉัน ไปนั่งรอเฉยๆ เถอะ”
ก็อยากจะท้วงอยู่หรอกนะ แต่เห็นสีหน้าจริงจังของเจ้าบ้านแล้ว คังยูก็ไม่อยากจะตอแยให้อีกฝ่ายรำคาญใจ ยอมเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนเบาะที่วางอยู่บนพื้นในห้องนอนแต่โดยดี
มีนามองตามแล้วก็ถอนหายใจ ก่อนจัดการต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซองใหม่ให้เขา ใช้เวลาไม่นานนัก มื้อเย็นหอมกรุ่นก็ถูกเสิร์ฟลงตรงหน้าของคังยู
ชายหนุ่มค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณก่อนลงมือรับประทานอาหาร มีนาเห็นเขาจัดการกับมื้อเย็นด้วยท่าทางสุภาพเรียบร้อยก็อดคิดไม่ได้เลยว่าเขาช่างเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมจริงๆ
เหมือนกับที่นิยายพรรณนาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
คิมคังยู บุตรชายของเสนาบดีฝ่ายซ้ายตระกูลคิม รั้งตำแหน่งรองเจ้ากรมของศาลตัดสินคดีความในเมืองฮันยาง ฝีมือการยุทธ์เลื่องลือไม่เป็นรองผู้ใด ซ้ำยังฉลาดเฉลียว สอบเข้ารับราชการได้โดยไม่ต้องอาศัยบารมีของบิดา อีกทั้งอุปนิสัยยังเรียบร้อยสุขุม เป็นที่ไว้วางใจของบิดาและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ให้ทำการต่างๆ นับว่าเป็นคนหนุ่มที่ก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่มากเลยทีเดียว ทว่าเขากลับไม่ทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง เพราะชีวิตเขาไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากหัวใจของหญิงซึ่งเป็นบุตรีของขุนนางตกอับคนหนึ่งเท่านั้น
สุภาพบุรุษมาก คอนเซ็ปต์พระรองที่แสนดีในนิยายน้ำเน่ามาก
มีนาอดค่อนแคะในใจไม่ได้ แต่คังยูก็เป็นสุภาพบุรุษจริงๆ ถึงเธอจะไปเก็บเขามาจากข้างถนนก็เถอะ พิสูจน์ได้ก็ตอนที่เขาจัดการกับมื้อเย็นเสร็จและเห็นมีนาเตรียมที่หลับที่นอนให้เขา
มันก็ไม่ใช่ที่นอนที่ดีสักเท่าไรหรอก หญิงสาวแค่เอาผ้าห่มมาปูรองบนพื้นข้างเตียงให้ หมอนอิงใบเล็กๆ อีกหนึ่งใบ พร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนไม่ใหญ่มากไว้ให้ห่ม
ดูแล้วช่างเป็นที่นอนที่น่าอเนจอนาถ
“พอดีฉันอยู่คนเดียว พวกที่หลับที่นอนเลยไม่มีเผื่อไว้ให้ใครใช้สักเท่าไร มีแค่นี้คุณคงนอนได้นะคะ”
เห็นสภาพที่นอนแขกแล้วก็เกิดขายขี้หน้าขึ้นมาจนต้องแก้ตัว
คังยูพยักหน้ารับ “มากเกินไปด้วยซ้ำ แม่นางไม่จำเป็นต้องลำบากเช่นนี้”
ประโยคนี้ควรเก็บไว้พูดกับเธอตอนที่เขาไปเตร็ดเตร่สร้างเรื่องชวนปวดหัวข้างนอกมากกว่าอีก
หากแต่มีนาไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ยิ้มรับเท่านั้น ทว่ายิ้มรับได้เพียงครู่เดียวก็ต้องมีสีหน้าฉงนสนเท่ห์ขึ้นมาแทน
“แต่ข้ามิอาจนอนหลับตรงนี้ได้”
“ทำไมคะ”
ดวงหน้าหวานมีเครื่องหมายคำถามอันโตแปะหรา คังยูจ้องนิ่งๆ เสี้ยววินาทีหนึ่งก่อนจะชี้ปลายนิ้วเรียวไปยังเตียง
“นั่นเป็นที่นอนของเจ้าใช่หรือไม่”
มีนาพยักหน้า
“เช่นนั้นแล้ว ข้ายิ่งไม่ควรนอนหลับตรงนี้มากขึ้นไปใหญ่ เพียงชายหญิงที่หาใช่คู่สมรสนอนร่วมห้องกันก็ว่าแย่แล้ว จะให้ข้านอนขนาบข้างกายเจ้าอีก เห็นจะไม่เป็นเรื่องดี พ่อแม่เจ้าคงได้อับอายชาวบ้านร้านตลาดเป็นแน่แท้”
เอาอีกแล้ว พูดให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงใจง่ายอีกแล้ว
“ไม่นอนข้างฉัน แล้วคุณจะไปนอนที่ไหน”
มีนาแสร้งทำเป็นหูทวนลมถามออกไปด้วยพอจะเข้าใจวัฒนธรรมประเพณีของสมัยหลายร้อยกว่าปีก่อนอยู่บ้าง เธอเองก็เกิดและเติบโตมาในสังคมที่ยึดถือวัฒนธรรมประเพณีรักนวลสงวนตัวด้วย จึงไม่แปลกอะไรถ้าหากผู้ชายที่โบราณทั้งหัวทั้งตัวจะยึดถือหลักจารีตนี้
คังยูปรายตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะเห็นว่าบริเวณทางเข้าห้องนั้นมีทางเดินแคบๆ อยู่ก่อนจะถึงห้องครัวจึงออกปาก
“ข้าจะไปนอนตรงนั้น”
“ในห้องครัวเหรอคะ”
คังยูส่ายหน้าให้มีนาครุ่นคิด
“หรือว่าจะเป็นทางเข้า” มีนาครางถาม
ได้คำตอบจากท่านรองเจ้ากรมกลับมาเป็นการพยักหน้าช้าๆ
นั่นมันแถวชั้นวางรองเท้าเลยนะ!
หญิงสาวไม่อยากให้แขกไม่ได้รับเชิญของตนไปนอนตรงนั้นเลยแม้แต่น้อย ไม่ใช่เพราะว่าเธอละอายแก่ใจที่ทำให้เขาหลุดมิติออกมายังโลกนี้หรอกนะ ตอนนี้มีแต่ความสงสารมากกว่า
โถ หลุดออกมาจากหนังสือนิยายไม่พอ ยังจะต้องไปนอนที่ทางเดินเข้าห้องอีก มันจะน่าสงสารเกินไปไหมคะคุณพระรอง
แต่คังยูไม่สนหรอกว่าคนตัวเล็กจะมองเขาเช่นไร ตัดสินใจได้และบอกเจ้าของห้องเป็นที่เรียบร้อยก็จัดการคว้าหมอนผ้าห่มไปปูนอนบริเวณชั้นวางรองเท้าหน้าตาเฉย
มีนาเดินตามมายืนมองชายหนุ่มที่ทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิบนผ้าห่มที่ปูเป็นที่เรียบร้อยครู่หนึ่ง เห็นเขาถอดหมวกปีกกว้างออกจากศีรษะเอาวางไว้ข้างลำตัว พลันเอื้อมมือไปคว้าเอารองเท้าส้นเข็มข้างหนึ่งออกมาจากชั้นพลิกซ้ายพลิกขวาพินิจด้วยสีหน้างุนงง เท่านั้นเธอก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
ต้องรีบส่งกลับไปในนิยายให้เร็วที่สุดแล้วล่ะ
ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี ก่อนที่เส้นเลือดในสมองของเธอจะแตกตาย
