บทที่ 9 เดท
เธอยืนถ่ายภาพในส่วนของสระว่ายน้ำภายในโรงแรมหรูใจกลางเมือง ซึ่งเป็นโรงแรมที่จัดงานการกุศล คือโรงแรม โรงแรมเดอะ แกรนด์ วรางกูร นอกจากเป็นโรงแรมที่สวยแล้ว ยังมีโลเคชั่นต่างๆ ยังสวยอีกด้วย ทำให้โรงแรมนี้เป็นที่ถ่ายหนังอยู่บ่อยครั้ง เพราะด้วยคนไม่พลุกพล่านด้วยราคาแพงหูฉีกกันเลยทีเดียว สระว่ายน้ำแห่งนี้เองก็ถูกเช่าเป็นสถานที่ถ่ายแบบ โดยเช่าตั้งแต่แปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็น จึงไม่มีใครลงมาว่ายน้ำ ความจริงแล้วภายในห้องพักก็มีสระว่ายน้ำหน้าห้องอยู่แล้ว
“ทำให้เป็นธรรมชาติ ดีครับ ดีครับ สวยครับ นอนลงกับพื้นสระเลยครับ ตะแคงข้างหาผม ดีครับ โพสต์เลยครับ ดีครับทำไปเรื่อยๆ ครับ” ช่างพาชายวัยกลางคนเอ่ยบอกเธอ ขณะที่เธอกำลังโพสต์ภาพไปเรื่อยๆ ให้ดูเป็นธรรมชาติ เธอกลับเห็นชายหนุ่มที่ยืนอยู่ในตรึกตรองห้องอาหาร เธอจำได้ดีว่าเป็นอัฐพล เธอคิดว่าตาฝาดแน่ๆ เธอจึงหลับตาลงส่ายหัวเบาๆ แล้วหันไปอีกครั้งกลับไม่มีเขายืนอยู่ เธอคิดว่าตัวเองฟุ้งซ่านคิดถึงเขา จึงเห็นภาพลวงตา เธอจึงตั้งใจโพสต์ท่าต่อโดยไม่สนใจในสิ่งรอบข้าง
“ดีครับ เยี่ยมไปเลย พอครับ เลิกกองครับ” ผู้กำกับหน้าแม็คบุ๊คเอ่ยบอกผู้คนในกอง ทุกคนจึงปรบมือทันที เธอเองโล่งใจที่เสร็จไปอีกงานหนึ่ง ดาหลาจึงเอาผ้ามาคลุมเรือนร่างเธอ เธอเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่เธอเห็นอัฐพลนั้นเป็นเรื่องจริง หรือว่าเธอตาฝาดกันแน่
“มีอะไรหรือเปล่า” ดาหลาเอ่ยถามด้วยความสงสัย มองเธอที่มองไปยังเสาต้นหนึ่ง เธอเองก็มองตามกลับไม่เห็นใครเลย
“ไม่มีอะไร ฉันคงนอนน้อยเลยตาฝาดเห็นแมว” เด่นนภาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และหันใบหน้ามามองดาหลาด้วยรอยยิ้ม
“มีคนมารอรับเธอด้วย” ดาหลาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ใครเหรอ”
“กลับไปห้องเดี๋ยวจะบอก”
“หมออัฐเหรอ เขามาเหรอ”
เธอเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ เธอไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ เธอคิดว่าตัวเองตาฝาด และคิดว่าเขาคงรักษาคนไข้อยู่โรงพยาบาล ว่าแต่เขามาที่นี่ทำไม
“เปล่า เห็นบอดี้การ์ดบอกว่าวันนี้เข้าเข้าเวรบ่าย ห้าโมงเย็นออกเวร เขาจึงเขาให้บอดี้การ์ดเอาชุดมาให้เธอเปลี่ยน จะไปเดทกันใช่ปะ รู้นะ” ดาหราเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เธอทอดสายตามองไปยังมองชุดมินิเดรสสีเงินประดับด้วยกลิตเตอร์ ลักษณะมีสายคล้องคอเส้นเล็ก ผูกด้านหลัง โชว์แผ่นหลังเว้าไปถึงเอว
“ไม่รู้เขาไม่ได้บอกฉันว่าจะไปเดท บอกว่าจะเซอร์ไพรส์” เด่นนภาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พาไปซับติงแน่เลย” ดาหลาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงขบขัน
“บ้าเหรอ ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงจะเป็นแฟนเขาเลย” เด่นนภาเอ่ยบอก
“เขาขอเป็นแฟนเหรอ” ดาหลาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“เปล่าขอจีบ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“โบราณเป็นบ้าเลย ขอจีบเนี่ยนะ สมัยนี้จับมือกันในวันนี้ แล้วฟันในวันต่อไป” ดาหลาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงขบขัน
“น่ารักดี” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงที่เปล่งออกมาดูเขินอาย
“มีชมด้วย อาทิตย์หน้าคุยเรื่องโครงการผู้อยากไร้กับองค์กร ไปก่อนนะ ขอให้สนุกกับการเดท” ดาหลาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วก้าวเดินออกไปทางประตู แล้วเปิดประตูออกไป หันกลับมาหาหาเด่นนภาด้วยรอยยิ้ม และโบกมือ
“บายจ๊ะ”
“บายจ๊ะ”
เธอเดินมาที่ลานจอดรถของตึก ซึ่งเป็นชั้นสามของลานจอดรถ และลานนี้ไม่ค่อยมีคนเพราะเป็นลานจอดของผู้เช่าห้องพักระดับห้าสิบล้านขึ้นไป เธอได้ขออนุญาติกองประกวดให้ทะเบียนนี้มาจอดได้ กองประกวดกองอนุมัติในเวลารวดเร็ว
เธอก้าวเดินไปยังรถสปอร์ตหรูคันสีดำที่เขาได้ขับมาส่งเธอหน้าตึก เขากดสัญญาณให้ประตูรถเปิดออกทั้งสองข้าง เขาทองสายตามองเธอด้วยความตกตะลึงในความสวยของเธอ ยิ่งเธอสวมใส่ชุดเดรสรัดรูปคอถ่วงที่เขาซื้อให้เธอหลายแสน เขากลับไม่รู้สึกเสียดายแต่อย่างใด
“ชุดนี้มันเหมาะกับคุณมาก” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม เธอจึงก้าวขึ้นรถด้วยรอยยิ้ม ประตูรถทั้งสองข้าก็ค่อยๆ ปิดลงมา
“ชุดแบบนี้ คุณเลือกให้ฉันหรือคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขาเองใช้มือเดียวควงพวงมาลัยรถ รถก็ค่อยๆ เลื่อนออกจากตึก โดยมีรถเก๋งสีดำตามหลังเช่นทุกครั้ง
“เปล่าหรอก พี่สะใภ้ผมเลือกให้” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
พี่สะใภ้ที่เขาหมายถึง คือคุณเจนจิราสินะ เธอเป็นไฮโซตั้งแต่สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกันและยังเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากๆ อีกทั้งเธอเป็นสาวแซ่บที่สุดในคณะ
“แล้วคุณจะพาฉันไปไหนหรือคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คาซารา บาร์เปิดใหม่” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
รถจอดหน้าโดมพนักงานจัดรถก้าวเดินมาที่รถของเขา เดินมาฝั่งที่เขานั่ง เขาจึงเปิดประตูรถก้าวเดินออกมาทันที เธอเองก็ลงมาด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับบอดี้การ์ดของเขาคนหนึ่งก้าวเดินมาเพื่อจะขับรถของเขาออกไปที่ลานจอดรถ
“จองโต๊ะไว้ไหมครับ” พนักงานเอ่ยถามเขา
“จองไว้แล้วครับ อัฐพล” เขาเอ่ยบอกพนักงาน
“เชิญครับท่าน” พนักงานเอ่ยบอกแล้วผายมือนำพาเขาดินเข้าไปด้านใน เขาหันมามองเธอ เธอจึงก้าวเดินข้างๆ เขาไปด้านในร้าน เธอมองในร้านด้วยที่นี่เป็นบาร์เป็นไฟสลัวสีดำและสีแดง ร้านตบแต่งโทนคลาสสิก อีกทั้งผู้คนแต่ชุดคล้ายๆ เธอ แลดูมีคลาสพอสมควร
พนักงานพาเขาและเธอไปที่โต๊ะที่จองเอาไว้ เธอเห็นพี่ชายของเขา เขาชื่อขุนศึก เตชะวงศ์วรากุล และเจนจิรา เตชะวงศ์วรากุล ซึ่งเธอเป็นเพื่อนของเธอสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย และอยู่คณะเดียวกัน
“เด่น เด่นจริงๆ ด้วยไม่ได้เจอกันนานสบายดีไหม” เจนจิราเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น อีกทั้งเธอยังลุกขึ้นยืน เข้าโผล่กอดเด่นนภาด้วย เด่นนภาเองก็โอบกอดเธอเช่นกัน
“ฉันสบายดี เธอละ” เด่นนภาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และถอนอ้อมกอดกันและกัน
“ดีเช่นกัน นั่งลงเร็วส่ง อยากคุยด้วยเยอะเลย” เจนจิราเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ก่อนอื่นสั่งมาตินนี่เพิ่มมีอีกสองแก้ว” ขุนศึกเอ่ยบอกบริกร
“ครับ” บริกรเอ่ยบอกแล้วก้าวเดินออกไป
“เดี๋ยวผมมา ผมไปห้องน้ำก่อน” อัฐพลเอ่ยบอกเด่นนภาด้วยรอยยิ้ม แล้วก้าวเดินออกไป
“นี่คบกันแล้วเหรอ” เจนจิราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ยัง” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เกิดอะไรขึ้น เล่ามาอยากฟัง” เจนจิราเอ่ยถามอีกครั้ง
“ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ผมขออนุญาตร้องเพลงให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมรัก เธอตั้งแต่แรกพบ ผมขอเพลงนี้เป็นสื่อแทนใจของผมให้เธอรู้และได้ฟัง”
เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยบอกผู้คนในร้านผ่านไมโครโฟน เด่นนภาจำได้ดีว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร เธอจึงมองไปยังไฟที่สาดส่องไปยังชายหนุ่มที่ชื่ออัฐพล โดยเขานั่งอยู่ด้านหลังแกรนด์เปียโน
