บทที่ 8 เซอร์ไพรส์
เขาขับรถสปอร์ตหรูสีดำสนิท ขับออกจากห้างสรรพสินค้าไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของเธอ อีกทั้งเขากำลังขึ้นทางด่านทางไปบางปะอิน-ชลบุรี ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจว่าเขาจะพาเธอไปไหนกันแน่
“คุณจะพาฉันไปไหน” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ผมจะพาคุณไปที่ ที่หนึ่งคิดว่าคุณต้องชอบ” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเสียงแจ๊ซดังออกจากลำโพง ซึ่งเป็นทำนองช้าๆ เข้ากับบรรยากาศเอามากๆ
เธอนั่งมาได้สักพัก ขณะที่รถมุ่งหน้าสู่พัทยา เธอมองฟ้าที่มีแสงจันทร์สาดส่องพร้อมกับแสงดาวในค่ำคืนนี้ มันสว่างไสวและงดงามอย่างยิ่งเมื่อมาอยู่นอกกรุงเทพ
“ตอนผมเด็กๆ ผมชอบดูดาวมาก เพราะพ่อของผมซื้อกล้องส่องดาวให้คนละตัว แต่ละคนก็ต่างศึกษา วันหนึ่งผมทำกล้องแตก ผมร้องห่มร้องไห้ใครปลอบก็ไม่ยอมหยุด พ่อผมว่าอย่างไงรู้ไหม” เขาเอ่ยบอกเช่นนี้ และเว้นให้เธอเอ่ยถาม เธอหันไปมองเขา เขาจึงพูดต่อ
“อัฐลูกพ่อ เราทำมันพังได้เราก็ซ้อมมันได้ ลองพยายามซ่อมมันดูสิ แล้วผมก็ซ่อมมันสามวัน จนมันใช้ได้ใหม่อีกครั้ง ถึงมันจะร้าวไปบ้างมันก็ใช้ได้ถึงทุกวันนี้” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“กล้องส่องดาวของคุณมันอยู่มากี่ปีแล้ว” เธอเอ่ยถาม
“ประมาณยี่สิบห้าแล้วละ”
“ขอบคุณค่ะที่เล่าให้ฟัง” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากบอกคุณ ผมยังไม่มีแฟน” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอมองใบหน้าเขาผ่านความมืด ขณะที่เขามองตรงไปด้านหน้า แต่คำถามของเขาเหมือนเขากำลังจะจีบเธออยู่
“คุณกำลังจีบฉันอยู่เหรอ” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขากลับเลี้ยวรถไปจอดที่จุดพักรถ ตรงนี้มีแสงไฟมากมายและมีรถจอดกันเยอะแยะเลยทีเดียว แต่เธอตกใจเมื่อเบาะของเธอถูกเขาปรับเบาะลง
“คุณจะว่าอะไรไหมถามผมจะจีบคุณ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง จริงจังจนเธอรู้สึกว่าเขากำลังจีนเธอจริงๆ
“คุณกำลังจีบฉันอยู่เหรอ” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาและเขินอายที่เขาจ้องมองนัยน์ตาของเธอทั้งสองข้าง มันเต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนหวาน ซึ่งเธอไม่เคยเห็นนัยน์ตาของเขาเช่นนี้มาก่อน
หรือฉันจะฝันไป
“คุณจะว่าอะไรไหม ถ้าผมจะจีบคุณ” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอกลับรู้สึกใจเต้นราวกับกองศึกที่ถูกตีกระหน่ำในสนามรบ นอกจากใจสั่นแล้ว ใบหน้าของเธอยังแดงก่ำด้วยความเขินอาย
“คุณคือผู้หญิงคนแรกที่ผมขอจีบ และเป็นผู้หญิงคนแรกที่ผมอยากจะบอกรัก ผมไม่เคยรู้สึกชมชอบใครมาก่อน แต่กับคุณผมแน่ใจแล้วว่าจะบอกรักคุณ ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น ผมจะคิดถึงแต่ใบหน้าของคุณ”
“อัฐ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาไม่สามารถออกมาเป็นคำพูดได้ เหมือนกับน้ำเต็มปากมากกว่า ทั้งที่เธอเองก็แอบชอบเขามานานแล้วเช่นกัน
“คุณไม่ต้องเชื่อผมตอนนี้ก็ได้ กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ผม ว่าผมรักคุณมากแค่ไหน เด่นนภา” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ใช้มือหนาเกลี่ยน้ำตาจากขอบตาทั้งสองข้างที่เอ่อออกมา
“ไม่ร้องนะ น้ำตาไม่เหมาะกับใบหน้าหวานๆ ของคุณ” เขาเอ่ยบอกอีกครั้ง
“ฉันทำไม่ดีแถมยังต่อว่าคุณ ทำไมคุณถึงชอบฉัน” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ผมน่าจะชอบตรงบันไดมั้ง” เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย เธอจำได้ดีว่าวันนั้นเราสองคนพบเจอกันเช่นไร
‘เดินภาษาอะไรวะ’ เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียหงุดหงิด อาจเป็นเพราะเธอปวดปัสสาวะ
‘คุณผู้หญิง คุณนั้นละที่ชนผม’ เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
‘คุณเดินไม่ดูฉัน คุณต้องขอโทษฉัน’ เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างมาก ที่มีคนกล้าต่อปากต่อคำกับเธอไม่หยุด
ถ้าเป็นเพื่อนกู กูด่านะ ด่าไม่เลี้ยงด้วย
‘นี่คุณสวยชะเปล่า แต่ทำไมมารยาทไม่ดีเลยละ’ เขาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ
‘นายมัน...’ เธอคิดคำด่าไม่ออก เพราะสายตาของเธอมองมายังใบหน้าหล่อเหลา ใบหน้าของเขามันหล่อเกินกว่าที่เธอจะสรรหาคำด่าออกมาได้ เขากลับเผยรอยยิ้มไม่เห็นฟัน ยื่นใบหน้าเข้าใกล้เธอ ทำให้เธอใจสั่นใบหน้าแดงระเรื่ออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
‘คุณว่าผมอีกนะ ผมจะจูบคุณโชว์ทุกคนที่เดินอยู่แถวนี้’
“คุณคิดอะไรอยู่หรือ”
เขาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มลึก อีกทั้งใบหน้าของเขายื่นมาใกล้ใบหน้าเธอเพียงแค่คืบเดียว อีกนิดเดียวริมฝีปากของเขาและเธอจะแนบชิดกันอยู่แล้ว เธอจึงถอยใบหน้าจนชิดเบาะ มือเรียวดันอกแกร่ง เธอเองรู้สึกได้ว่า มือของเธอสัมผัสอกแกร่งของเขาอยู่
“เปล่า” เธอเอ่ยบอกด้วยความเขินอาย เขาใช้นิ้วหนาแตะที่ริมฝีปากตัวเองแล้วมาแตะที่ซอกคอของเธอ เขามองเธอที่ดูทำหน้าไม่อยู่
“ผมมัดจำไว้ก่อน แล้วจะมาเอาคืน” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม แล้วเขยิบนั่งฝั่งคนขับคาดสายคาดเบลท์ทันที เขาหันกลับไปมองเธอที่หันไปทางหน้าต่าง เขาเองก็ไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน นอกจากดูมาจากซีรี่ย์ที่พี่สะใภ้ชอบดู เขาเองก็เห็นพี่ชายก็ดูบ่อยๆ โดยพี่สะใภ้พาติดซีรี่ย์นี่เอง
อัฐพลพาเธอมาส่งที่คอนโดของกองประกวด โดยจอดรถหน้าคอนโด เธอเองนำแว่นตาสีดำมาสวมใส่พร้อมกับหมวกแก๊ปสีดำเพื่อไม่ให้ใครจำเธอได้ เขามองเธอที่ดูปิดบังขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ทำอย่างไรได้เธอพึ่งรับตำแหน่งได้ไม่กี่วัน เธอก็ไม่อยากเป็นข่าว
“ขอบคุณค่ะ ที่มาส่ง” เธอเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และเปิดประตูรถก้าวลงทันที ก่อนที่เธอจะปิดประตูลง เขายื่นใบหน้ามาถามเธอ
“พรุ่งนี้คุณว่างไหม” เขาเอ่ยถาม
“ว่างช่วงเย็นค่ะ” เธอเอ่ยบอก
“พรุ่งนี้ตอนเย็นผมจะมารับคุณที่คอนโด”
“ไปไหน”
“ไม่บอกได้ไหม ผมอยากเซอร์ไพรส์คุณ” เขาเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มน้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุข
“ได้ค่ะ หกโมงนะ” เธอเอ่ยบอก
“ได้ หกโมงเจอกัน ราตรีสวัสดิ์ครับ”
“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”
วันนี้ทั้งวันตั้งแต่แปดโมงเช้า เธอต้องถ่านนิตยสารทั้งชุดเดรสราตรีมากกว่าห้าชุด รวมไปถึงชุดว่ายน้ำทั้งวันพีช และทูพีชที่มีอีกประมาณห้าหกชุด เพื่อนำขึ้นปกนิตยสาร และภาพถ่ายในเล่มนิตยสาร
“ขอความคืบหน้าหน่อย” ดาหลาเอ่ยถามเด่นนภาที่มีช่างแต่งหน้ากำลังเติมใบหน้าเธอ และยังมีช่างทำผมกำลังทำผมของเธออยู่
“อะไร” เด่นนภาเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า ดาหลาหมายถึงเรื่องอะไร
“เมื่อวานไปไหนมา” ดาหลาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม แล้วนั่งลงตรงหน้าของเด่นนภา
“เปล่า ฉันอยู่ห้อง จริงๆ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และหลบสายตาอีกด้วย ดาหลารู้ว่าเธอกำลังโกหกอยู่แน่นอน
“จ้า ฉันจะพยายามเชื่อ เขาน่ารักไหมล่ะ” ดาหลาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงยียวน
“พี่ดา” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เร็วเขาพวกเธอสองคน เซตสุดท้ายแล้วชุดว่ายน้ำทูพีชสีแดง แซ่บมากถ้าใส่ในห้องนอนมันจะกลายเป็นชุดนอนไม่ได้นอน” ดาหลาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงขบขัน สร้างเสียงหัวเราให้ผู้คนรอบข้าง เด่นนภาหันใบหน้าไปมองชุดทูพีชสีแดงสด เป็นชุดเกาะอกเน้นอกให้อวบอิ่ม เป็นเชือกผูกโบด้านหลัง ส่วนจีสตริงเป็นผูกข้าง
