บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 - หน้าที่กับความรู้สึก

บทที่ 3

หน้าที่กับความรู้สึก

พื้นหิมะสีขาวเย็นเยียบหนาวเหน็บเสียดแทงเข้ากระดูก รองเท้าผ้ามิอาจต้านทานความทรมานจากน้ำแข็งที่กัดเท้าได้ แต่ถึงจะทรมานเพียงใด เฟยหมิงก็ยังคงเดินตามหาทางออกในป่าหมอกอย่างไม่คิดลดละ ตามทางในป่าแห่งนี้เต็มไปด้วยหิมะ หมอกหนาและต้นไม้สีน้ำตาลคล้ำไร้ซึ่งใบ นอกจากเสียงเท้าที่ย่ำไปตามพื้นหิมะแล้วก็ไม่มีเสียงใดอีก

ขณะที่ตามหาทางออกไม่เจอ เฟยหมิงกลับมาหยุดอยู่ริมป่าส่วนหนึ่งของหุบเขาเหมันต์ นางหลบอยู่หลังพุ่มไม้แห้ง แล้วมองออกไปยังศาลาแห่งหนึ่งที่ยามนี้ได้มีหยินหลัน ชายชราและหญิงสาวรูปงามผู้หนึ่งกำลังสนทนากันด้วยบรรยากาศสดใส นี่นับเป็นครั้งแรกที่เฟยหมิงได้เห็นบุรุษเย็นชาผู้นั้นเปิดเผยรอยยิ้มอันอบอุ่นที่งดงามพอที่จะละลายหิมะไปจากทั้งหุบเขา

ยามนี้หยินหลันนั้นไร้การป้องกัน อีกทั้งยังเปิดเผยช่องโหว่มากเกินไป อาจจะเพราะคิดว่าอยู่ในพื้นที่ของตนเองจึงไม่จำเป็นต้องระวัง

ทางฝั่งเฟยหมิงนึกถึงคำสั่งที่ได้รับมา นางต้องสังหารรองเจ้าหุบเขาเหมันต์เมื่อได้รับคำสั่ง แต่ในเวลาที่แสนจะเหมาะเจาะเช่นนี้มันสมควรแล้วมิใช่หรือที่นางจะรีบจบงานที่ได้มา คิดเช่นนั้น มือที่เย็นเฉียบจึงดึงเข็มพิษที่ซ่อนเอาไว้ในปิ่นปักผมออกมา นางเล็งเป้าหมายไปทางหยินหลัน คิดจะปาเข็มนี้เข้าไปในจุดตายของเขา หากชายหนุ่มไม่ตายเพราะการโจมตี เช่นนั้นแล้วก็ต้องตายเพราะพิษร้าย

ทว่ามือของนางกลับสั่นไหว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเย็นหรือสิ่งอื่นที่ฉุดรั้ง

เกิดอะไรขึ้น...

จินหมิงร้องถามตัวเองในใจ

สองแก้มบนใบหน้าขาวนวลเนียนเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงเพราะความเย็นของอากาศที่กัดกิน แม้แต่มือที่หวังจะช่วยให้ความอบอุ่นก็ยังเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ต่อให้เหล่านักฆ่าเหมันต์ไม่ตามหาแล้วฆ่านาง บางทีอากาศแห่งหุบเขาแห่งนี้อาจจะทำหน้าที่นั้นแทนก่อน

ความหนาวกำลังเล่นงาน หากตอนนี้ยังไม่ตัดสินใจ คนที่จะตายอาจต้องเป็นนางเอง

หญิงสาวหยิบเข็มพิษขึ้นมาอีกครั้ง นางจับมันแน่นอย่างมั่นคง ขณะที่เล็งไปร่างของชายหนุ่มรูปงามเจ้าของเรือนผมสีขาวอีกครั้ง...

แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง

เฟยหมิงโยนเข็มพิษทิ้งลงพื้นอย่างหงุดหงิด

แม้นางจะเป็นคนที่ทำหน้าที่อย่างเฉียบขาดมาโดยตลอด ไม่เคยมีคำถามให้กับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่เพราะอาการความจำเสื่อมทำให้นางยังคงสงสัยว่าสิ่งใดกันที่เชื่อได้จริง หยินหลัน...คนผู้นั้นมีคำตอบที่นางต้องการ ศิลปะการต่อสู้เช่นนั้นที่เขาใช้ ไม่ใช่สิ่งที่คนในยุคอดีตจะใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญถึงเพียงนั้น หรือจะบอกว่าเป็นแค่การป้องกันตัวแบบสุ่มก็ไม่น่าใช่

นางอาจจะต้องหาคำตอบเพิ่มมากขึ้น บางทีนางจะได้เหตุผลว่าทำไมตนเองที่ตายแล้วถึงยังมามีชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ แล้วไม่แน่อาจจะมีคนอื่นที่พบเหตุการณ์เดียวกันอยู่ด้วย

เสียงนกเป่าปากราวกับเสียงนกร้องดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา หลังจากเสียงเงียบลงบรรยากาศในที่แห่งนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไป รวมไปถึงคนที่อยู่ในศาลา หยินหลันที่อยู่นั่งอยู่กลับมีสีหน้าเยือกเย็นอีกครั้ง เขาลุกขึ้นก่อนจะเริ่มเดินออกไป ปล่อยให้เหล่าคนรับใช้นำทางแขกที่มาเยือนไปยังห้องที่หลบภัย ทางฝั่งเฟยหมิงก็รู้ได้ทันทีเลยว่าพวกเขากำลังเริ่มออกตามหาตัวนาง

ถ้าหากอยากรู้คำตอบนางต้องกลับไป แต่กลับไปแบบไม่รู้อะไรเลยก็ไม่ต่างจากการฆ่าตัวตายเสียเปล่า นางจำเป็นต้องรู้ว่านักฆ่าเหล่านี้มีความสามารถมากแค่ไหน แล้วหาช่องโหว่เผื่อไว้ในสถานการณ์ที่ต้องการหนีไปอีกครั้งในอนาคต

เฟยหมิงขุดหลุมลงไปใต้พื้นหิมะหนาใต้ต้นไม้เป็นโพรงใหญ่ โพรงแบบนี้ช่วยนางหลบลมหนาวได้เป็นอย่างดี แล้วยังสามารถใช้หิมะปิดไว้เป็นการหลบซ่อนตัวจากเหล่านักฆ่าได้ด้วย ซึ่งเป็นการหลบอยู่ใต้กระแสลมช่วยให้เหล่านักฆ่าไม่ได้กลิ่นหรือร่องรอย

เสียงฝีเท้าวนเวียนอยู่รอบด้านครู่ใหญ่ เฟยหมิงแทบจะลืมหายใจ จนเสียงฝีเท้าเริ่มห่างไกลออกไปจนไม่ได้ยิน หญิงสาวจึงเริ่มขุดหิมะที่กลบเอาไว้แล้วมุดตัวออกมา ทว่ามือของนางในตอนนี้นั้นหนาวจนแทบจะขยับไม่ได้ ฝ่าเท้าทั้งสองข้างก็แข็งและเริ่มเจ็บปวดจากอาการหิมะกัด เดาไว้แล้วว่ารองเท้าผ้าและชุดพวกนี้ไม่น่าจะต้านทานความหนาวเย็นได้มากนัก

นางเดินสวนไปตามทางคนละฝั่งกับรอยเท้าของนักฆ่าเหมันต์อย่างไร้จุดหมาย ด้วยความที่ร่างกายนั้นไร้ความรู้สึก แม้กิ่งไม้แหละหนามแหลมจะขีดข่วนตามร่างกายจนเลือดสีแดงไหลลงมาก หญิงสาวก็ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย

“เจ้าจะไปไหน”

ทันใดนั้นเสียงทุ้มพร้อมสัมผัสอันอบอุ่นแต่จับแน่นราวกับคีมเหล็กร้อนก็ฉุดรั้งร่างบางเอาไว้ ความร้อนจากฝ่ามือของเขาทะลุผ่านผิวของหญิงสาวเข้าไป จนความรู้สึกของเฟยหมิงที่หายไปเริ่มกลับมาอีกครั้ง

หญิงสาวพยายามดิ้นรนกระชากแขนออกจากการจับกุมของชายหนุ่ม ทว่ายิ่งนางออกแรงเขาก็มีแต่จะเพิ่มแรงบีบมากยิ่งขึ้น

“เจ้าไม่มีวันที่จะหนีออกจากป่าเหมันต์แห่งนี้ไปได้หรอก หากยังดื้อดึงก็มีแต่เร่งตัวเองให้ไปตาย”

“หากคนที่หวังจะฆ่าท่านตายไป ก็เป็นเรื่องดีแล้วมิใช่หรือ” เสียงหวานเอ่ยถามท่ามกลางความเงียบงันที่ปกคลุม เสียงของนางสะท้อนกังวานก่อนจะจางหายไปราวกับหมอกควัน

“แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าตาย” หยินหลันพูดโพล่งขึ้นมาดังก้อง ทำให้ความเงียบที่รู้สึกเปล่าเปลี่ยวมีพลังงานบางอย่างล้อมรอบ

เฟยหมิงรู้สึกหัวใจตนเองเต้นผิดปกติ นางเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาเบิกกว้างสับสนปนไม่เข้าใจ เหตุใดเขาถึงไม่อยากให้นางตายทั้งที่นางต้องการให้เขาตาย คนจิตใจโอนอ่อนเช่นนี้หรือเป็นได้ถึงรองประมุขหุบเขาเหมันต์ที่ผู้คนร่ำลือ และแทนที่เฟยหมิงจะรู้สึกขบขันความคิดของเขา นางกลับยืนนิ่งราวกับว่าคำพูดของเขานั่นเป็นกระบี่ที่แทงทะลุหัวใจนางจนมิอาจขยับขาหนีไปได้

“ท่านหมายความว่าอย่างไร” นางถามเสียงเบาและไม่มั่นใจ

ดวงตาคมคู่งามบนใบหน้าหล่อเหลาอันอ่อนโยนมองมาที่นางด้วยสายตาที่แสนเศร้า ราวกับนางคือคำตอบและความหวังสุดท้ายที่เขาหวังพึ่ง

“เจ้าเองก็อยากรู้คำตอบนั้น มากพอ ๆ กับข้ามิใช่หรือ”

ความหมายของเขาคือเรื่องกระบวนท่าเหล่านั้น เหตุใดเฟยหมิงที่เคลื่อนไหวได้เชี่ยวชาญราวกับสตรีผู้นั้น

เฟยหมิงเริ่มคล้อยตาม การที่ชายหนุ่มมาเชื้อเชิญนางเช่นนี้ หญิงสาวแทบไม่ต้องหาเหตุผลที่ต้องตีตัวเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขาเลย นางแทบจะตอบตกลงในทันที เพราะในใจเองก็เรียกร้องความปรารถนาเดียวกันกับเขาไม่ต่างกัน

“ข้อเสนอท่านคืออะไร”

หยินหลันขยับเข้ามาใกล้ ร่างของเขานั้นให้กลิ่นอายความอบอุ่น ชวนให้ร่างบางที่หนาวเหน็บอยากจะสัมผัส อยากที่จะเข้าไปใกล้มากกว่านี้ เสมือนว่าเขาคือแม่เหล็กที่ดึงดูดตัวนางให้เข้าไปหาจนแทบจะแนบชิดกัน ชายหนุ่มซึมซับบรรยากาศนี้ราวกับกำลังหลอกตัวเองด้วยความเชื่อบางอย่าง ทั้งเขาและนางต่างหลงลืมหน้าที่ของตนเองกันไปชั่วคราว แล้วปล่อยให้ความรู้สึกเป็นผู้ตัดสินใจ

ชายหนุ่มพลันก้มลงมากระซิบข้างหูหญิงสาวที่แดงก่ำ

“เป็นผู้ติดตามให้ข้า แล้วข้าจะมอบทุกอย่างที่เจ้าต้องการ”

ผู้ติดตาม...

จากนักโทษกลายมาเป็นผู้ติดตามท่ามกลางสายตาคัดค้านของผู้คนในหุบเขา

เฟยหมิงก้มลงมองมือตนเองที่ยังด้านชาเพราะความหนาวเย็นของอากาศภายในหุบเขาเหมันต์ที่รุมทำร้าย ที่แห่งนี้แม้จะไร้ซึ่งนักฆ่า แต่สิ่งที่ฆ่าคนได้อีกอย่างคือสภาพภูมิอากาศ ทว่าภายใต้ความโหดร้ายนางกลับยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ข้อมือยังคงไม่จางหาย เสมือนว่าร่างกายของนางจดจำสัมผัสของหยินหลันได้เป็นอย่างดี

นึกย้อนไปยังท่ามกลางอากาศอันแสนเลวร้าย เพียงแค่ชายหนุ่มโผล่ตัวมา นางกลับรู้สึกโล่งอกและปลอดภัยอย่างไร้เหตุผล มันเป็นความรู้สึกที่ซับซ้อนไม่อาจหาคำมาอธิบายได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะร่างที่อาศัย หรือเป็นเพราะความรู้สึกของนางเองกันแน่

หยินหลันดูมีสายสัมพันธ์บางอย่างกับร่างนี้ ไม่เหมือนนายแม่แห่งสำนักนภาเงิน ที่นางรู้สึกแสนจะว่างเปล่า

เฟยหมิงปลดปิ่นผมออก ปล่อยให้เส้นผมยาวสีดำสยายไปกลางหลังใบหน้าที่ดุดันของนางอ่อนโยนลงมาเพราะเส้นผมราวกับแพรไหมที่ค่อย ๆ ประโลมแต่ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงไร้ซึ่งรอยยิ้มและดวงตาก็ไร้ความรู้สึก ขณะที่จ้องมองไปยังเข็มพิษไม่วางตา

“ใครเป็นผู้ส่งเจ้ามา”

เสียงทุ้มอันนุ่มนวลของหยินหลันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันแสนจะวังเวงของหุบเขาเหมันต์ การปรากฏตัวของเขานั้นไร้สุ้มเสียงทุกครั้งไป แต่กลับไม่ทำให้ตื่นตระหนกเลยสักครา ยกเว้นก็แต่มือของนางนั้นไร้ความรู้สึกและอ่อนแรงทำปิ่นในมือร่วงลงพื้น เผยให้เห็นเข็มพิษที่หลายอันที่ซ่อนอยู่ภายใน และตัวปิ่นข้างในที่คมกริบพอจะเป็นกริชขนาดเล็ก

หยินหลันมองตามปิ่นที่ตกลงบนพื้นไม้สีน้ำตาล สายตาของเขานั้นเย็นชาเหมือนกับอากาศภายนอก ยิ่งหลอมรวมกับเส้นผมสีขาวโพลนแล้ว ใครได้พบเมื่อแรกเห็น ย่อมไม่เชื่อว่าบุรุษผู้นี้มีมุมที่อ่อนโยนและอบอุ่น ท่าทีของเขาในยามนี้ลบภาพจำของเขาในศาลาไปจนสิ้น

“ตอบมา ใครเป็นผู้ส่งเจ้าให้มาสังหารข้า”

ร่างบางช้อนดวงตาสีดำคู่งามและดุดันมองไปยังเขา หญิงสาวเผยสีหน้าไม่ยินยอม นางฉลาดพอที่จะไม่ตอบเขา เพราะหากมอบสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการไป เช่นนั้นแล้วนางจะเหลือข้อต่อรองใด ๆ อีก

“ท่านก็ตอบข้ามาก่อนสิ ใครกันคือผู้ที่สอนกระบวนท่าเช่นนั้นให้แก่ท่าน”

“หากคำตอบของเจ้าคือสิ่งที่ข้าต้องการ เช่นนั้นเจ้าจะฆ่าข้าหลังจากนี้ก็ย่อมได้ อย่างไรเสียชีวิตข้าในตอนนี้ก็ไร้ความหมายอยู่แล้ว เจ้าจะเป็นใครข้าไม่สนใจ ในเมื่อสิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือความหวังสุดท้ายในคำตอบของเจ้า และเพียงได้เห็นใบหน้านี้ก่อนสิ้นลมมันก็มากเกินพอแล้ว”

หยินหลันกล่าวด้วยน้ำเสียงเลื่อนลอยและตัดพ้อ น้ำเสียงของเขาดูเปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย เช่นเดียวกับสีหน้าเย็นชาที่ปรากฏความเศร้าสร้อยในแววตา ขณะที่มองมายังเฟยหมิงด้วยจิตใจที่ยังคงโกหกกับตัวเอง

เขาหวังว่านางจะเป็นคนผู้นั้น คนที่จากเขาไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ

ทว่าเฟยหมิงกลับรู้สึกถึงความไม่พอใจที่ปะทุขึ้นมาในอก บุรุษที่เพียบพร้อมไปทุกสิ่งอย่างกลับคิดที่อยากจะตาย ไม่ว่าเพราะเหตุผลอะไร เขาช่างโง่เง่าสิ้นดี

ถึงนางจะเคยทำงานเป็นบอดี้การ์ด มาเฟีย หรือนักฆ่า แต่นางคิดเสมอว่าทุกชีวิตของพวกเขานั้นมีค่า และทุกคนต่างดิ้นรนทุกลมหายใจเพื่อมีชีวิต

เพี้ยะ!

“ท่านช่างไร้ศักดิ์ศรียิ่งนัก”

เฟยหมิงตบหน้าชายหนุ่มเพื่อเรียกสติ ใบหน้าของหยินหลันหันข้างไปอีกทาง ขณะที่รอยแดงค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาบนแก้มขาว เขายังคงนิ่งอยู่แบบนั้นขณะซึมซับความเจ็บปวดอันน้อยนิด ส่วนเฟยหมิงกลับไม่รอให้เขาได้สติ นางก็กล่าวต่อว่า

“ท่านบอกชีวิตตนเองนั้นไร้ความหมาย ท่านรู้อะไรไหม ท่านไร้ความหมายไม่ใช่เพราะชีวิตหรอก แต่เป็นเพราะความคิดของท่านต่างหาก ท่านมีทุกอย่างที่ผู้คนต้องการ อำนาจ เงินทอง แต่ความคิดของท่านกลับดูถูกผู้คนมากมายเพียงแค่คิดว่าตัวเองนั้นไร้ความหมาย ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าท่านคือรองประมุขหุบเขาเหมันต์ที่ผู้ต่างหวาดกลัวกันนักหนา”

“เจ้าไม่มีทางเข้าใจหรอกว่านางมีความหมายกับข้ามากเพียงใด”

เฟยหมิงขมวดคิ้ว นางไม่เข้าใจว่าคนที่หยินหลันพูดถึงนั้นคือใคร แต่บางทีอาจเกี่ยวข้องกับการที่เขาชอบมองหน้านางแล้วเหม่อลอย

“ทำไมล่ะ นางเป็นมารดาบิดาของท่านหรืออย่างไร หรือนางหายใจแทนท่านล่ะ ถึงได้ยอมตายอย่างโง่เขลาเช่นนี้”

เฟยหมิงย้อนถามด้วยน้ำเสียงถากถาง คำถามปั่นประสาทของนางเริ่มละลายความสับสนและอ่อนโยนของหยินหลันอันเพียงน้อยนิดให้หายไป เขาพลันจับไหล่ทั้งสองข้างของนางแน่น

“ไม่อยากจะเชื่อว่าข้าหลงคิดไปอย่างมีความหวังว่าเจ้าคือนาง”

เฟยหมิงรู้สึกเจ็บที่ไหล่ แต่ความอุ่นที่แผ่เข้ามาในร่างทำให้นางรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก แต่ถึงกระนั้นใบหน้าขาวบางก็ยังฉายแววเย็นชาออกไป เขาคือคนที่นางต้องฆ่า แต่ความคิดของเขาทำให้นางรู้สึกโมโห จนอธิบายไม่ได้ว่าเขาสมควรตายหรือไม่ ในเมื่อเขาไม่คิดดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตเลย

“เช่นนั้นก็อย่าคิด อย่าคิดเปรียบเทียบข้ากับใคร เพราะสาบานต่อฟ้าดินเลย ข้าไม่มีวันเป็นคนที่ท่านคิดแน่นอน”

หยินหลันออกแรงบีบเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เหมือนกับว่าเขากำลังโกรธและไม่เชื่อสิ่งที่นางพูด มันคือคำโกหกที่เขากำลังหลอกตัวเองเพียงคนเดียว ใบหน้าของนางหลอกลวงเขาให้หลงใหล และคิดไปไกลจนสร้างความหวังที่มีอยู่เพียงแค่น้อยนิดให้กลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง

ทั้ง ๆ ที่ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ในเมื่อนางตายในอ้อมกอดของเขา และมือของเขาสองข้างนี้คือคนที่ฝังร่างของนางเอง

แต่ใครบางคนกลับเอาศพของนางไป แล้วส่งสตรีผู้นี้มาราวกับต้องการจะปั่นหัว

หยินหลันมองเข้าไปในดวงตาของเฟยหมิง หวังที่จะพบกับสายตาที่คุ้นเคย หรือสัญญาบางอย่างที่บอกกับเขาว่าจินหมิงยังคงมีชีวิตอยู่ แต่เขากลับพบเพียงแค่ความว่างเปล่า และใบหน้าไร้ลมหายใจของนางที่ซ้อนทับมา

“อึก”

เฟยหมิงเจ็บไหล่ทั้งสองข้างราวกับกระดูกกำลังถูกบดละเอียด แรงของเขาบีบแน่นขณะที่แววตากลับเหม่อลอย มันเจ็บจนนางเผลอร้องออกมา เรียกคนที่อยู่ในภวังค์การหลอกตัวเองรู้สึกตัว เมื่อเขารู้ตัวว่ากำลังทำให้นางเจ็บ ร่างสูงก็ปล่อยมือออกจากร่างบางทันควัน แต่เพราะมันกะทันหันเกินไป ประกอบกับเฟยหมิงยังคงอ่อนแรงจากอากาศหนาวที่ทำร้าย นางจึงล้มวูบ โชคดีที่หยินหลันคว้าร่างของนางไว้ทันแต่นั่นทำให้ทั้งนางและเข้าใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม

ร่างเล็กแนบชิดไปในอ้อมกอดของชายหนุ่ม แขนของเขาโอบรอบร่างของเธออย่างมั่นคง สายตาของเขามองมาวนเวียนอยู่บนใบหน้าของนางก่อนจะหลุบตาลงมองเรือนร่างที่ผอมเพรียว แล้วกลับมาที่ดวงตาคู่งามที่แม้จะเย็นชาแต่กลับเต็มไปด้วยความคุ้นเคย ยิ่งใกล้ชิดยิ่งทำให้นึกถึง

เฟยหมิงนิ่งแข็งไปทั้งร่าง จิตใจหนักอึ้งไปด้วยความสับสนเมื่อใบหน้าเย็นชาของหยินหลันทลายน้ำแข็งลงไปอีกครั้ง เขาจ้องมองมาที่นางราวกับตกอยู่ในมนต์สะกด ทั้งที่นางควรจะผลักเขาออกไปแต่งร่างกายกลับนิ่งงัน

นิ้วมือของเขาลูบไล้ไปตามเส้นผมสีดำงามราวกับแพรไหมของหญิงสาว ลูบไล้ไปด้วยสัมผัสอันอ่อนโยนที่กล่อมจิตใจให้ลุ่มหลงไปทุก ๆ ร่องรอยที่เขาลากผ่าน ไล่ไปจนถึงกลางแผ่นหลังทำให้นางสั่นสะท้าน ความโหยหาและต้องการค่อย ๆ เปิดเผยออกมาอย่างไม่อาจควบคุมผ่านสายตาคมกล้าของชายหนุ่ม

หากเขาจุมพิตนางในยามนี้จะเกิดอะไรขึ้น ความสงสัยในใจของนางและเขาจะได้รับคำตอบหรือไม่ นางอยากรู้และเขาเองก็เช่นกัน

“เจ้า...” หยินหลันอยากจะหลอกตัวเองต่อไป อยากจะโอบกอดนางเอาไว้

แค่ลิ้มลองเพียงครา... ความรู้สึกประหลาดเหล่านี้จะได้รับคำตอบหรือไม่

“ท่านและข้าต่างมีเรื่องสงสัยเรื่องเดียวกันอีกแล้วสินะ”

ความรู้สึกคุ้นเคยนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ มันช่างอันตรายแต่ก็น่าเย้ายวน เฉกเช่นสุรารสเลิศที่รู้ว่าอันตรายแต่ก็อยากที่จะลิ้มลอง

มือข้างหนึ่งเขายังคงโอบกอดนางด้วยไว้อ้อมแขนอันอบอุ่น ส่วนมืออีกข้างกลับเลื่อนขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากแดงอ่อนเย็นเยียบอย่างเบามือ ความอ่อนนุ่มนั้นยิ่งเชิญชวนให้เขากระทำในสิ่งที่ไม่ควร แต่ความรู้สึกที่กำลังร่ำร้องบอกว่านี่คือสิ่งที่ใช่ และความรู้สึกไม่เคยโกหก

“เจ้าอยากจะหาคำตอบนั้นไปพร้อมกันกับข้าหรือไม่เล่า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel