บท
ตั้งค่า

5. เปิดตัว

*** ทักทายคร้า ***

เมื่อธรณ์พาทิพย์อัปสรก้าวออกมาจากลิฟต์ นักข่าวที่มารอสัมภาษณ์อยู่ที่ห้องโถงชั้นล่างก็กรูกันเข้ามาถ่ายรูปคนทั้งคู่ทันที ธรณ์รู้สึกถึงความเย็นชื้นของฝ่ามือเล็กที่กุมอยู่ ชายหนุ่มจึงหันไปยิ้มให้อย่างอบอุ่นและบีบมือเล็กอย่างให้กำลังใจ การ์ดของมาโรน่าเข้ามากันนักข่าวออกห่างคนทั้งคู่ แต่ธรณ์ก็ยกมือห้าม หากเขายิ่งหนีคนก็ยิ่งอยากรู้ สู้ทำให้มันกระจ่างจะดีกว่า

“ไม่ทราบว่าภาพที่ออกมาจริงเท็จแค่ไหนคะคุณธรณ์” หนึ่งในบรรดานักข่าวยิงคำถามแรกกับชายหนุ่ม ธรณ์ยังคงยืนนิ่งอย่างใจเย็นตามแบบฉบับเสือยิ้มยากของเขา

“อย่างที่นักข่าวทุกท่านทราบนะครับ ภาพที่เห็นเป็นผมกับคุณทิพย์อัปสรจริง”

เสียงนักข่าวฮือฮาขึ้น แล้วเก็บภาพที่ชายหนุ่มหันไปส่งสายตาหวานเชื่อมให้นางแบบสาว

“แล้วคุณธรณ์กับคุณทิพย์อัปสรแอบคบกันมานานหรือยังคะ” นักข่าวอีกคนยิงคำถามต่อทันทีที่ชายหนุ่มตอบเสร็จ

“เราไม่จำเป็นต้องแอบหรอกครับ ผมกับสรเจอกันที่งานบ้านแห่งชีวิต ซึ่งแม่ผมเป็นคนจัดแล้วก็คบกันมาเรื่อยๆ แต่ไม่ได้มีข่าวเท่านั้นเอง”

“แล้วงานแต่งจะมีขึ้นเมื่อไหร่คะ”

“เท่าที่คุยกันพรุ่งนี้จะมีงานหมั้นที่บ้าน แล้วอีกสองเดือนหลังจากนั้นก็จะเป็นงานแต่งครับ” เขาบอกพลางวางมือบนเอวคอดอย่างเป็นเจ้าของ

“แล้วคุณทิพย์อัปสรล่ะคะ รู้สึกยังไงบ้างที่กลายเป็นผู้หญิงโชคดีที่สุดในรอบปี ที่กุมหัวใจเสือตัวเล็กของตระกูลมาโรน่าไว้ได้”

หล่อนฝืนยิ้มเก็บความกรุ่นโกรธชายหนุ่มไว้ข้างใน

“ค่ะ หัวใจของเขาจะอยู่กับฉันตลอดไปหลังจากนี้”

ริมฝีปากได้รูปยกขึ้น เมื่อเจอคำพูดห้วนๆ แกมข่มขู่ของเธอ เธอกำลังจะบอกเขากลายๆ ว่าจากนี้เธอจะเป็นห่วงที่ผูกมัดเขาไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว แล้วเขายินดีจะดูแลห่วงแสนสวยคนนี้อย่างเต็มใจหรือยัง ธรณ์ มาโรน่าได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจ

เสียงเอะอะโวยวายดังแว่วมา ทำให้รสิตาที่นั่งกินข้าวอยู่ในร้านรีบหยิบเงินจากกระเป๋ากางเกงวางไว้บนโต๊ะ แล้วคว้ากล้องกับกระเป๋าสะพายวิ่งออกมาทันที

“เฮ้ย!! หยุด” เสียงผู้พันอัคนีสั่งการพร้อมกับวิ่งไล่กวดชายร่างผอมสูงมาอย่างกระชั้นชิด “จ่าไปดักมันทางโน้น ฉันจะไปดักทางนี้เอง’’ ว่าแล้วร่างสูงเพรียวก็แยกไปอีกทาง เป็นจังหวะเดียวกับที่รสิตาวิ่งออกมาจากร้าน ผู้พันหนุ่มไม่ทันระวังเบรกจนตัวโก่งแต่ก็ไม่ทัน ชนกับร่างร่างบอบบางของหญิงสาวเต็มรัก จนกล้องที่อยู่ในมือกับกระเป๋าร่วงตกลงพื้น หญิงสาวเสียหลักหงายหลัง ข้อมือไปฟาดกับเสาโทรศัพท์เต็มแรง ก่อนจะล้มก้นกระแทกกับพื้น

“โอ๊ย!!” หล่อนร้องออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือและข้อเท้าอย่างรุนแรง จนน้ำตาคลอเต็มดวงตากลมโต รสิตาประคองตัวเองลุกขึ้น แต่คนที่วิ่งชนก็ยังไม่หันกลับมาดูดำดูดีเธอสักนิด หญิงสาวมองข้อมือที่มีรอยแดงช้ำขึ้นให้เห็นแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่ที่วิ่งมาชนเธอ ดวงตากลมเป็นประกายลุกวาวอย่างโมโห

“นี่คุณ ชนคนอื่นเขาแล้วมีน้ำใจจะช่วยบ้างไหม” เธอถามพลางพยุงตัวไปหยิบกระเป๋าและกล้องตัวโปรดขึ้นมาเช็กสภาพ ร่างสูงหันกลับมาหาคนตัวเล็กที่ทำให้เขาตามจับคนร้ายไม่ทัน

“คุณนั่นเอง เจอคุณทีไรผมได้เรื่องทุกทีสิน่า” อัคนีเท้าสะเอวมองคนตรงหน้าอย่างหงุดหงิด

“อ้าวคุณหินแตก พูดกับประชาชนแบบนี้ได้ยังไงกัน ฉันเสียหายนะจะบอกให้ ไม่รู้กล้องจะใช่ได้หรือเปล่า” หญิงสาวประสานสายตากับคู่อริอย่างไม่พอใจ ก่อนจะมองกล้องในมือ

“แล้วคุณจะรีบไปไหน อย่าบอกนะว่าวิญญาณนักข่าวเข้าสิงจะวิ่งตามไอ้มืดปากคลองไป” ชื่อที่หลุดออกมาจากปากผู้พันหนุ่ม ทำให้ตากลมโตเบิกกว้าง นั่นมันเอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่แถวปากคลองตลาดนี่นา

“คุณกำลังวิ่งไล่ มืด ปากคลองอยู่เหรอ”

“ใช่น่ะสิ จะจับมันได้อยู่แล้วเชียว” อัคนีบ่นอย่างหัวเสีย ใบหน้าคมสันก้มมองท่ายืนกระต่ายขาเดียวของหญิงสาว

“ไปคุณ รีบตามไปกันเดี๋ยวไม่ทัน” รสิตาดึงแขนเขาออกวิ่งไป แต่พอขยับตัวก็ต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ อัคนีส่ายหน้าเหมือนจะรำคาญนักหนา แต่ก็แอบยิ้มอยู่ในใจ

“จะไปไหน” เขาถามสั้นๆ เข้าไปจับแขนกลมกลึงไว้เพื่อประคองไม่ให้เธอล้มลงไปอีก

“ตามคุณไปทำข่าวน่ะสิ”

“ดูสังขารตัวเองซะก่อนสิ เดี้ยงขนาดนี้ยังซ่าไม่เลิกอีก” อัคนีมองร่างเล็กในกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวเสียบชายเข้าในขอบกางเกง ใบหน้าเนียนแดงปลั่งด้วยไอแดดยามบ่าย

“ฉันไหว” หล่อนกัดฟันพูด

“คุณต้องไปหาหมอเดี๋ยวนี้หมอก ไม่อย่างนั้นแผลจะเจ็บกว่านี้” เขาบอกเสียงดุ

“คุณรีบไปจับมันเถอะไม่ต้องห่วงฉันหรอก ปล่อยมันไปง่ายๆ ได้ยังไง” ในที่สุดหล่อนก็ฝืนตัวเองไม่ไหวนั่งลงริมฟุตพาทข้างทาง ทำให้คนที่เดินผ่านไปมามองหนุ่มสาวอย่างสนใจ บางคนก็หยุดมองการพูดคุยของทั้งสองอย่างต้องการรู้หัวข้อสนทนา ทำให้หญิงสาวเองก็กระดากอายขึ้นมา เพราะตัวเธอไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาคนสักเท่าไร

“ป่านนี้มันไปถึงไหนแล้ว แต่คุณต้องไปหาหมอ”

“เดี๋ยวไป” หล่อนตอบสั้นๆ พยายามพยุงตัวลุกขึ้น

“เดี๋ยวนี้หมอก” ว่าแล้วเขาก็จับร่างบอบบางพาดบนบ่า พาเดินไปที่รถยนต์คู่ใจโดยไม่สนสายตาประชาชีที่มองมา หญิงสาวกรีดร้องอย่างตกใจ มือบางทั้งทุบทั้งตีแผ่นหลังหนาแต่เขาก็ไม่สะเทือนสักนิด

อัคนีวางร่างบอบบางลงบนเบาะตรงข้ามคนขับ แล้วเดินอ้อมไปสตาร์ตรถขับออกไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมสันชำเลืองมองคู่กัดยิ้มๆ เมื่อเห็นใบหน้าเนียนใสงอง้ำอย่างขัดใจ แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้มากนักเพราะข้อมือเริ่มปวดและบวมขึ้นมา

พอมาถึงโรงพยาบาล ผู้พันหนุ่มก็อุ้มหญิงสาวขึ้นไปนั่งบนรถเข็น เจ้าหน้าที่จึงพาเธอไปที่ห้องฉุกเฉิน รสิตาหันไปมองเขาด้วยสายตาหวาดหวั่นทำให้ร่างสูงเดินมาเข้ามาใกล้ๆ

“เป็นอะไรคุณ กลัวเหรอ” อัคนีก้มมองใบหน้าผุดผาด สวยกระจ่างด้วยทรงผมซอยสั้นน่ารัก ดวงตากลมโตมีน้ำใสๆ คลอระเรื่อ

“ทำแผลมันเจ็บไหมคุณ”

หล่อนถามเสียงเครือ ทำเอาชายหนุ่มแทบปล่อยก๊ากออกมาแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้ เมื่อเห็นสายตาว้าเหว่ของอีกฝ่าย หัวใจของผู้พันหนุ่มกระตุกเต้นผิดจังหวะไป เฮ้อ ผู้หญิง ยังไงก็เป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ ชายหนุ่มคิดในใจ

“ไม่เจ็บหรอกแค่มดกัดเอง ใช่ไหมครับคุณพยาบาล” เขาหันไปหาพยาบาลคนสวยที่ยืนยิ้มมองความน่ารักของทั้งสองอยู่

“ค่ะไม่เจ็บ ยังไงเชิญผู้พันไปทำบัตรให้แฟนก่อนนะคะ”

“ฉันไม่ใช่แฟนเขานะคะ” หล่อนรีบแก้ต่างให้ตัวเอง ดวงตากลมโตวาววับส่งค้อนให้เขาที่ไม่คิดแก้ต่าง อัคนีเห็นแล้วยิ่งอยากแกล้งจึงนั่งลงตรงหน้าเธอแล้วจับมือบางมากุม

“แฟนน่ะถูกแล้ว หรืออยากให้เป็นมากกว่าแฟน”

“ไอ้...” หล่อนเตรียมคำบริภาษเขาแรงๆ แต่พอเห็นสายตาหลายคู่กำลังมองอยู่ก็ต้องกลืนเก็บลงไปในลำคอ

“เอาน่าคุณ สังขารดีกว่านี้ค่อยลงโทษผมก็ได้ ผมให้คุณลงโทษทั้งวันทั้งคืนยังได้”

หล่อนหน้าแดงซ่านกับคำพูดกำกวมของชายหนุ่ม พยาบาลสาวยื่นปากกาและกระดาษส่งให้เขา การสนทนาจึงหยุดลงโดยปริยาย

“ชื่อ นามสกุล” อัคนีถามเป็นงานเป็นการมากขึ้น ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นไม่ยอมบอกเขา จนกระทั่งเสียงทุ้มห้าวดังขึ้นอีกครั้ง

“เอ้าเร็วคุณ ผมเสียเวลานะ”

“รสิตา อังกุลไกร”

คิ้วหนายกขึ้นอย่างแปลกใจ นามสกุลนี้คุ้นหูเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหน แต่ชายหนุ่มก็มีเวลาคิดไม่มากนักเมื่อคนตัวเล็กออกอาการปวดข้อมือ

“อายุ”

“ยี่สิบหก เกิดวันที่สอง เดือนห้า”

“มีแฟนหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามโดยไม่ละสายตาออกจากกระดาษ

“ไม่มี” หล่อนตอบกลับเสียงเข้ม หน้ามุ่ยใส่เขา

“ถ้ามี อยากมีแฟนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” เขาถามเสียงล้อเลียน สบตากลมโตที่มีดวงไฟเล็กๆ ซ่อนอยู่ นี่ถ้าตามีไฟออกมาได้ เขาคงมอดไหม้อยู่ตรงนี้อย่างแน่นอน

“นั่นมันเรื่องส่วนตัวฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” หล่อนตอบเขาตาเขียวปัด แต่คนถามก็ยังอารมณ์ดี

“แต่วันนี้เราสองคนคงต้องเกี่ยวกันแล้ว เพราะเพื่อนคุณกับเพื่อนผมกำลังจะหมั้นกันพรุ่งนี้” เขาบอกพลางมองหน้าเนียนใสอย่างจับสังเกต รสิตาเองก็ลืมไปสนิทใจ เมื่อเช้าอ่านข่าวแล้วก็ตกใจ โทรหาเพื่อนก็ไม่ติดกินข้าวเที่ยงเสร็จว่าจะไปหาที่โรงเรียนอนุบาล ซึ่งคุณหญิงพิมพรรณแม่ของทิพย์อัปสรเป็นเจ้าของอยู่ ก็ดันเกิดเรื่องเสียก่อน

***ขอบคุณคร้า ***

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel