
บทย่อ
เรื่องนี้เป็นภาคต่อเนื่องจาก ทัณฑ์คนเถื่อน เสน่หาคนเถื่อน คร้า ฝากภาคต่อด้วยนะคะ รับรองสนุกไม่แพ้กันจ้า*** ธรณ์ มาโรน่า สาบานกับตัวเองว่าจะไม่ขอมีห่วงผูกมัด แต่แล้ววันหนึ่งห่วงแสนสวยอย่างทิพย์อัปสรก็เข้ามาโอบรัดเขาเข้าโดยบังเอิญ ชายหนุ่มพยายามสลัดห่วงออกจากตัวด้วยเหตุผลต่างๆ นานา แต่สุดท้ายเมื่อห่วงแสนสวยเกิดมาเพื่อให้เขาปกป้องเธอจากการถูกฆาตกรรมในคดีโจรกรรมเพชรล้ำค่าของบิดาเพราะเธอเพียงคนเดียวที่เห็นหน้าโจรขโมยเครื่องเพชรอาถรรพ์เม็ดงาม ความใกล้ชิดและความรักจึงก่อเกิดร้อยรัดหัวใจสองดวงเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นตำนานรักของเสือตัวสุดท้ายที่ทั้งชีวิตไม่คิดจะมีห่วงผูกคอ…
1.เตรียมงานใหญ่
*** ทักทายคร้า โจรกรรมรักคนเถื่อน เป็นภาคต่อของเสน่หาคนเถื่อน ความสนุกครบเครื่องทั้งเลิฟซีนทั้งบทแง่แม่งอนของพ่อนางจ้า ไปสนุกกันเลยคร้า ***
หลังกลับจากผจญภัยในดินแดนทะเลทรายที่ร้อนระอุ ธรณ์ มาโรน่า เสือตัวที่สาม ก็ต้องกลับมาสะสางงานของตัวเองที่เมืองไทย เกือบเดือนที่เขาทิ้งงานไปทำให้งานหลายอย่างค้างอยู่บนโต๊ะ แม้ช่วงนั้นบิดาจะเข้ามาทำงานแทน แต่ท่านก็ตัดสินใจเฉพาะเรื่องด่วนและเรื่องสำคัญเท่านั้น
งานเร่งด่วนที่ทำให้ธรณ์หน้ายุ่งอยู่ขณะนี้ก็คือ มีบริษัทอัญมณีข้ามชาติของรัสเซียต้องการจัดงานแสดงโชว์อัญมณีล้ำค่าในเมืองไทย และได้จองห้องบอลรูมของโรงแรมระดับห้าดาวในเครือมาโรน่ากรุ๊ปเป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งมูลค่าเครื่องประดับที่จะมาโชว์นั้นคือเพชรสีฟ้าดาราแห่งทะเลทรายและเพชรชุดสายฝนแห่งอัญมณี ซึ่งมูลค่าเครื่องประดับทั้งสองชุดรวมกันแล้วไม่ต่ำกว่าหกร้อยล้าน เจ้าของงานจึงต้องการหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด ทำให้ธรณ์ต้องวางแผนอย่างรัดกุม เพราะหากเพชรถูกโจรกรรมไป มาโรน่ากรุ๊ปจะต้องชดใช้ค่าเสียหายเท่ากับมูลค่าของเครื่องประดับทั้งสองชุดเลยทีเดียว
ภายในห้องทำงานของรองประธานกรรมการมาโรน่ากรุ๊ปในเมืองไทย ร่างสูงสง่าสวมสูทสีเข้มกำลังหันหลังให้กับประตู มองทิวทัศน์แม่น้ำเจ้าพระยาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนรออะไรบางอย่าง
“บอสครับ ผู้พันอัคนีกับผู้พันแฮริสจากเอฟบีไอมาแล้วครับ ตอนนี้รออยู่ในห้องประชุมเล็ก” มาโนชผู้ทำหน้าที่เป็นทั้งเลขาฯ และบอดี้การ์ดคนสนิทของชายหนุ่มเปิดประตูเข้ามา
เจ้าของห้องพยักหน้าแล้วเดินตรงไปที่ห้องประชุมทันที มาโนชหยิบเอกสารบนโต๊ะแล้วรีบเดินตามไป
ร่างสูงสง่าของธรณ์ก้าวเข้าไปในห้อง ทำให้คนที่นั่งรออยู่ลุกขึ้นอย่างให้เกียรติ ธรณ์ยิ้มให้กับทุกคนอย่างสุภาพพร้อมกับยื่นมือออกไปทักทาย
“สวัสดีครับผู้พันแฮริส”
ผู้พันแฮริสเป็นชายวัยสี่สิบต้นๆ ทำงานในหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ได้เข้าร่วมอารักขาเครื่องประดับสุดหรูนี้เช่นกัน ส่วนผู้พันอัคนีนั้นสนิทกับธรณ์มาตั้งแต่เด็ก เพราะผู้พันหนุ่มเติบโตมาในบ้านแห่งชีวิตซึ่งวราลีแม่ของธรณ์เป็นผู้เลี้ยงดูมา
“สวัสดีครับคุณธรณ์”
ทั้งคู่เขย่ามือกันเบาๆ พร้อมเอ่ยภาษาอังกฤษทักทายกันอย่างคุ้นเคย ก่อนจะปล่อยมือแล้วนั่งลง ธรณ์หันไปยิ้มทักทายอัคนีนิดหนึ่ง
“เรามาเข้าเรื่องกันเลยนะครับ…” ธรณ์ยืนขึ้นกล่าวเปิดการประชุม ทุกคนจึงหันไปมองผนังสีขาวที่ปรากฏพื้นที่การจัดงานทั้งหมด “นี่เป็นผังการจัดงานทั้งหมดในวันนั้น เพชรสีฟ้าดาราแห่งทะเลทรายจะโชว์อยู่จุดนี้” ธรณ์ชี้ไปยังจุดตรงกลางผังสี่เหลี่ยม “เพชรชุดสายฝนแห่งอัญมณีจะตั้งโชว์ถัดมาทางซ้ายครับ ส่วนรอบๆ จะเป็นเครื่องเพชรชุดอื่นๆ ทั้งหมดสิบชุดด้วยกัน”
“แล้วงานนี้เครื่องประดับของมาโรน่ามีโชว์ด้วยไหม” อัคนีถามขึ้นหลังจากดูรายละเอียดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
“ไม่มี งานนี้มีเฉพาะเครื่องประดับจากไดมอนด์จิวเวลรี่ของรัสเซีย” ธรณ์ตอบเสียงเรียบ
ผู้พันแฮริสขยับตัวแล้วลุกเดินไปยังผังจัดงาน เพื่ออธิบายเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยส่วนที่รับผิดชอบให้เข้าใจตรงกัน
“ผมคิดว่าเราต้องรักษาความปลอดภัยรอบๆ บริเวณงาน ชั้นแรกหน้าห้องจัดงาน และส่วนรอบๆ ฐานที่ตั้งเครื่องเพชรทั้งหมดจะมีสัญญาณกันขโมยทรงประสิทธิภาพติดอยู่กับแท่นโชว์” ผู้พันร่างบึกหันไปขอความเห็นจากอัคนี
“ผมจะดูรอบๆ โรงแรมส่วนนอกทั้งหมด ส่วนช่วงกลางคืนเราจะใช้กำลังผสมระหว่างหน่วยของเอฟบีไอกับตำรวจไทย”
ธรณ์พยักหน้าเห็นด้วยแล้วก็ยิ้มให้กับทุกคน ก่อนจะกล่าวปิดการประชุม ทุกคนเริ่มทยอยออกจากห้องยกเว้นอัคนีและผู้พันแฮริส
“ใกล้เที่ยงแล้ว ไปกินข้าวด้วยกันก่อนนะครับผู้พัน”
“เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับคุณธรณ์ ผมต้องกลับไปประชุมที่หน่วยต่ออีก ขอตัวนะครับ” ผู้พันร่างบึกยิ้มให้ทั้งธรณ์และอัคนี ก่อนจะเดินออกจากห้อง
“เหลือฉันกับนายสองคน” อัคนีเอ่ยยิ้มๆ
“วันนี้ประชุมเสร็จไม่ไปไล่จับผู้ร้ายที่ไหนเหรอวะ” ธรณ์ถามพลางชำเลืองมองเพื่อนยิ้มๆ ปกติเขาไม่เห็นอัคนีว่างสักที ถ้าไม่วิ่งไล่จับผู้ร้ายก็ไปช่วยแม่เขาดูแลเด็กๆ ที่บ้านแห่งชีวิต
“ช่วงนี้ฉันพักร้อนอยู่”
“มิน่า พ่อถึงให้นายมาช่วยฉัน” ร่างสูงเดินนำเพื่อนรักออกจากห้องประชุมตรงไปที่ห้องอาหารของโรงแรมที่อยู่ชั้นล่าง
ธรณ์และอัคนีเดินเข้าไปในห้องอาหาร ร่างสูงสง่าบวกกับหน้าตาคมเข้มเรียกความสนใจจากลูกค้าที่มาใช้บริการในช่วงเที่ยงให้หันไปมอง โดยเฉพาะสาวๆ ทั้งไทยและเทศ ผู้จัดการห้องอาหารเดินเข้ามาต้อนรับรองประธานกรรมการหนุ่มด้วยตัวเอง แล้วพาเดินไปยังโต๊ะอาหารที่มาโนชโทรมาจองเอาไว้
ขณะรับประทานอาหารพร้อมกับคุยเรื่องทั่วๆ ไปก็มีสาวสวยสองคนก้าวผ่านประตูเข้ามา ความสวยและความน่ารักของสองสาวทำให้ผู้พันหนุ่มจ้องมองอย่างสนใจ คนหนึ่งนักข่าวสาวมาดทอมที่เขารู้จักดี ส่วนอีกคนที่รูปร่างโปร่งระหงหน้าตาสะสวยออกไปทางลูกครึ่ง ถ้าเขาจำไม่ผิด เธอคนนี้คือทิพย์อัปสร ศรีสกุลกาล นางแบบชื่อดังของเมืองไทย สองสาวเดินคลอเคลียโอบเอวกันไปนั่งที่โต๊ะ ผู้หญิงมาดเท่เลื่อนเก้าอี้ให้สาวหน้าคมสวยที่มาด้วยกัน การแสดงออกแบบนั้นเห็นได้ชัดว่าสองสาวหน้าตาสะสวยคนละแบบคู่นั้นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอย่างแน่นอน
“โอ้แม่เจ้า อย่าบอกนะว่าสองคนนั้นเป็นคู่ขากัน” อัคนีพึมพำพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
ธรณ์ซึ่งนั่งหันหลังให้ประตูหันหลังกลับไปมอง
“พวกไม้ป่าเดียวกัน” ริมฝีปากหยักได้รูปของธรณ์ยกขึ้นเหมือนจะหยันอยู่ในที ก่อนจะหันกลับมา “รู้จักเหรอ”
อัคนีพยักหน้ารับ
“ไอ้หน้าทอมนั่นเป็นนักข่าวคู่อริฉัน ยัยนี่แสบเจอทีไรซวยทุกที ส่วนอีกคนนางในดวงใจฉันชื่อนางทิพย์อัปสร นางแบบลูกครึ่งไทย-รัสเซีย ลูกสาวคุณหญิงพิมพรรณ”
“ชื่อลิเกจัง ทิพย์อัปสร” ธรณ์บอกอย่างไม่สนใจ แต่ตาคมเหลือบมองเพื่อนรักที่ยังคงมองสองสาวตาไม่กะพริบ ใบหน้าคมส่ายไปมาพร้อมกับรอยยิ้มขำ ใช่ว่าเขาจะเกลียดผู้หญิงที่ทำตัวผิดธรรมชาติ แค่ว่าไม่ชอบเท่านั้นเอง ผู้หญิงต้องคู่กับผู้ชายอยู่แล้ว ทำไมต้องทำตัวผิดธรรมชาติก็ไม่รู้
“ได้ข่าวว่าเธอเป็นคนเดินโชว์ชุดฟินาเล่ในวันงานด้วยนะ”
“ไม่รู้ว่ะ ไม่สนใจหาห่วง” ธรณ์บอกหน้าตาย
“ระวังจะได้ห่วงโดยไม่ตั้งใจล่ะ” อัคนีบอกยิ้มๆ ก่อนจะตักอาหารเข้าปาก
*** ขอบคุณคร้า ***
