บทที่10 เธออาจจะเป็นบ้าไปก่อน
ดวงตาคมเหลือบมองร่างบางในชุดนักศึกษาก่อนจะสอบถาม “วันนี้เปิดเทอมเหรอ?”
“อือ” กรรณณาราตอบรับสั้น ๆ พร้อมกับกินข้าวต้มอย่างอารมณ์ดี จะไม่ให้เธออารมณ์ดีได้ยังไงกันล่ะ เจ้าตุ๊กแกเมื่อคืนนี้ทำเอาชนะชลขอบตาคล้ำแทบจะเป็นหมีแพนด้าเชียวนะ ตัวก็ใหญ่อย่างกับหมีอยู่แล้วยิ่งดูยิ่งเหมือนหมีเข้าไปใหญ่ ตลกชะมัด
“หึ ขอให้โชคดี” หนุ่มใหญ่ผู้นอนไม่หลับขวัญผวาตลอดทั้งคืนเอ่ยก่อนจะลุกออกไปทำงาน ไม่ได้คิดจะไปส่งแม่สาวมหาลัยเลยสักนิด
ให้ตายเถอะ มาใส่ชุดนักศึกษานั่งหน้าใสอยู่ตรงหน้าแบบนี้ทำเอาเขาจิตตก ยัยคนนี้กลับไปเป็นนักศึกษาอีกแล้ว นี่เขาจะถูกหาว่าไปล่อลวงเด็กมหาลัยมั้ยเนี่ย?
เขาไม่อยากเห็นยัยคนนี้ใส่ชุดนักศึกษาเอาเสียเลย
กรรณณารามองตามคนหัวเสียก่อนจะหลุดขำออกมา เดาว่าชนะชลคงหัวเสียเรื่องตุ๊กแกเมื่อคืนนี้อย่างแน่นอน แต่รอก่อนเถอะ วันนี้เธอจะหาตัวจริงเสียงจริงมาเซอร์ไพรส์ รับรองว่าสนุกแน่
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกแต่ไม่ใช่ปีแรกของการศึกษาในระดับปริญญาตรีของกรรณณารา หญิงสาวคุ้นเคยกับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ดีเพราะเธอเคยเรียนคณะบริหารธุรกิจของที่นี่มาแล้วถึง3ปีครึ่ง ความจริงมีหลากหลายคนแนะนำให้เธอต่อปริญญาโทดีกว่าการเก็บปริญญาอีกใบ ทว่าตัวเธอชอบการถ่ายภาพและอยากจะเป็นช่างภาพ หลักสูตรปริญญาโทของมหาวิทยาลัยไม่ได้เน้นเรื่องวิธีและขั้นตอนการถ่ายภาพเธอจึงเลือกเก็บปริญญาตรีอีกใบแทน
ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เธอได้ไปสอบชิงทุนเป็นเพื่อนเตชินทร์ที่มีตากล้องระดับโลกมาทาบทามไว้ แต่สอบผ่านคนละที่กับเตชินทร์แต่ก็ทำไงได้ล่ะ เธอคงต้องตัดใจแล้วมาเรียนที่นี่ ปล่อยเจ้าเตชินทร์ไปผจญโลกคนเดียว ก็ห่วงเพื่อนผู้แสนดีที่คล้ายน้องชายเธออยู่หรอกนะ แต่พี่สาวคนนี้มีเหตุจำเป็นให้ไปไม่ได้จริง ๆ ต้องโทษไอ้น้องเล็กอย่างชัชรินทร์นั่นล่ะที่เปลี่ยนแผนมาหักหลังเธอน่ะ
สำหรับกรรณณาราแล้วเพื่อนรักสองคนอย่างเตชินทร์และชัชรินทร์เป็นเหมือนน้องชายที่พี่สาวคนนี้ต้องคอยดูแล ดังนั้นแล้วแม้จะโกรธเจ้าน้องเล็กบ้างแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นเกลียดหรอกนะ เมื่อคิดมาได้ถึงตรงนี้ก็คิดถึงเจ้าสองคนนั้นขึ้นมา
“โทรหาไอ้เตดูดีกว่า ขืนโทรหาไอ้ชัชมันต้องไม่รับแน่” หญิงสาวยืนเอ่ยกับตัวเองก่อนจะหยิบสมาร์โฟนเครื่องใหม่ที่เธอไถมาจากพ่อเลี้ยงกรณ์ก่อนจะมาอยู่ที่ไร่แสนรักขึ้นมาโทรหาเพื่อนหนุ่ม
“ฮัลโหล เตชินทร์พูดครับ” ปลายสายตอบกลับมาโดยไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร คาดว่าไอ้น้องชายกลางจะไม่ได้ดูชื่อที่ขึ้นหน้าจอ แสดงว่าต้องง่วนอยู่กับอะไรสักอย่างล่ะนะ
“ไปเรียกไอ้เพื่อนทรยศมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้เลยนะถ้าแกไม่อยากโดนหางเลขไปด้วย”
“อ้าว แกเหรอไอ้แต?” เตชินทร์ตอบกลับเสียงนิ่ง ๆ ในบรรดา3เกลอชายหนุ่มจะเป็นคนที่นิ่งที่สุดแต่ก็ขี้บ่นที่สุด บางทีก็เป็นน้องกลางแต่บางทีก็เป็นพี่ใหญ่ขี้บ่น งานถนัดคือบ่นให้เธอกับชัชรินทร์นี่ล่ะ
“ไอ้ชัชอยู่ไหน ฉันจะด่ามัน”
“มันอยู่ไร่ ฉันมาทำธุระ” เตชินทร์ตอบก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่องเหมือนจะหลบเลี่ยงช่วยชัชรินทร์ “ว่าแต่แกเป็นยังไงบ้าง โอเคมั้ย”
“โอเคกับผีอะไรล่ะ ประสาทจะกิน ไหนจะต้องสละทุน ไหนจะต้องมาอยู่ที่ไร่แสนรัก ฮึยเพราะไอ้ชัชคนเดียว”
“สละทุน ขนาดนั้นเลยเหรอ? งั้นวันนี้ม.เปิดแกก็อยู่ม.สิ ...ใช่มั้ย?” เตชินทร์ถามอย่างคาดเดา
“เออ มาทำเรื่องสละทุนแล้วก็เข้าเรียน” หญิงสาวตอบก่อนจะบอกเล่าถึงสาเหตุที่ต้องสละทุน
“เอาน่า ยังไงก็ยังได้เรียนสิ่งที่ชอบนี่ ไม่ต้องเศร้าไป เดี๋ยวเพื่อนคนนี้จะเรียนเผื่อ” เตชินทร์ปลอบใจหลังจากที่ฟังจนจบ “แต่จริง ๆ แล้วยอมมีเบบี๊สักคนแล้วให้อาชลเลี้ยงแล้วได้ไปเรียนที่ตั้งใจไว้มันก็ไม่ได้ยากนี่”
“ไม่ยากอะไรเล่า อาชลเชียวนะอาชล แกลองคิดดู สมมุติว่าฉันยอมทุกอย่างเพื่อได้ไปเรียนแต่เขาไม่เล่นด้วยก็ไม่มีเบบี๊ถูกมั้ย แต่ถึงเขาจะเล่นด้วยแล้วผลล่ะ ไม่ได้ปุ๊บปั๊บติดง่ายเหมือนในละครนะเว้ย แล้วก็นะถ้าสมมุติไปไกลกว่านั้นแกไม่คิดบ้างเหรอว่ากว่าฉันจะกลับมาอีตาอาชลนั่นจะเป่าหูลูกให้เกลียดฉันหรือให้ลูกเรียกคนอื่นว่าแม่แทนฉันน่ะ ไม่ดี คิดยังไงการยอมมีเบบี๊ก็ไม่เวิร์ค” หญิงสาวร่ายยาวให้เพื่อนหนุ่มฟังด้วยความหงุดหงิดก่อนจะทอดถอนใจ
“ช่างเถอะ ความจริงฉันก็ไม่ได้คาดหวังไปต่อนอกแต่แรกแล้วแค่อยากไปเป็นเพื่อนแก แต่ถึงจะได้ไปก็เป็นคนล่ะที่ เพราะงั้นแล้วสละสิทธิ์ไปก็ไม่เป็นไรหรอก เก็บปริญญาอีกสักใบค่อยคิดต่อโทนอกก็ได้”
“บางทีฟ้าอาจลิขิตให้เรื่องมันเป็นไปแบบนี้ก็ได้นะแต อีกอย่างอาชลก็ไม่ได้แย่นี่ ไม่แน่นะอยู่กันไปแกกับอาชลอาจจะรักกันและมีความสุขจนคนอื่น ๆ อิจฉาเลยก็ได้ ใครจะไปรู้” เตชินทร์เอ่ยก่อนจะขอตัดสายไปทำธุระ กรรณณาราเก็บโทรศัพท์ก่อนจะยิ้มน้อย ๆ
ขอให้มันเป็นแบบที่เพื่อนพูดเถอะ เธอกลัวแต่จะทะเลาะกันบ้านแตกน่ะสิ อีตาอาชลนั่นยิ่งมีผู้หญิงเยอะแยะไปหมด บางทีเธออาจจะเป็นบ้าไปก่อน
