๔ ความหวังว่ายังรักกัน (๒)
พอได้ยินเขาบอกเช่นนั้นจึงรีบไปหยิบไวน์มาตั้งบนโต๊ะ กำลังจะเปิดก็ถูกสามีห้าม บอกว่ารับประทานอาหารให้หมดค่อยจัดการไวน์ขวดใหญ่ หล่อนทำตามไม่เกี่ยงงอน กินข้าวจนหมดแล้วนำจานไปล้างให้สะอาด
ค่อยหยิบแก้วก้านยาวจากในครัวมาสองใบ นั่งลงที่โซฟาห้องนั่งเล่นที่หันหน้าไปทางทะเล รินไวน์ใส่แก้วแล้วยื่นให้เขาทันที ทรุดนั่งลงข้างชายหนุ่มพลางเอนกายซุกซบเมืองหมอก จิบไวน์รสหวานดื่มด่ำกับความสุขให้เต็มที่
“คิดถึงตอนเด็กเหมือนกันนะ เรามาเที่ยวด้วยกันสองครอบครัว พี่หมอกดูแลโซ่ตลอดส่วนพี่ชาก็ชอบแกล้งน่าน แต่วันนี้...เขาไม่อยู่แล้ว” คิดถึงตอนเด็กที่พวกเราทุกคนเล่นด้วยกัน หล่อนเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวทุกคนจึงทะนุถนอมเป็นอย่างมาก
พอหวนคิดก็ทำให้ภาพเหล่านั้นกลับมา บิดามารดาที่คอยอยู่ข้างกายตลอด พี่ชายที่ประคบประหงมน้องราวไข่ในหิน แต่ตอนนี้ทุกคนทิ้งหล่อนไปหมด
“พี่อยู่ไง...พี่ยังอยู่กับโซ่” เหลียวมองร่างบางที่นิ่งเงียบ เห็นถึงแววตาเหม่อลอยของหล่อนก็รู้ได้ทันทีว่าชีวาพรกำลังจมในอดีตที่ไม่อาจหวนกลับ เขาวางแก้วไวน์ไว้บนพื้น รีบโอบกอดภรรยาเอาไว้ นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมาว่าจะช็อคอีกรอบ
“พี่หมอกห้ามทิ้งโซ่ไปไหนนะ ห้ามทิ้ง...” เลือกจะวางแก้วไวน์บนพื้น กอดตอบเขาแน่นพลางสูดกลิ่นคุ้นเคยจากร่างสูงเข้าปอด มีความสุขยามได้อยู่กับเมืองหมอกจนกลัวว่าวันหนึ่งจะเสียเขาไป หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริง
ตนก็ไม่ขออยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป...
“ไม่ทิ้งหรอก พี่ไม่ทิ้งโซ่ อื้อ” ลูบศีรษะมนเป็นการปลอบ แต่เธอกลับดันกายออกแล้วประคองดวงหน้าคม จุมพิตที่ปากหยักอย่างอาจหาญ ถือเป็นการเสียจูบครั้งแรกของชีวาพร หล่อนเก็บมันเอาไว้ให้เขาเพื่อจะสร้างความทรงจำร่วมกัน วันนี้เป็นจริงแล้ว
แต่ความเงอะงะไม่ประสาก็ทำให้ชายหนุ่มนึกเอ็นดู คนที่อยากรุกกลับกลายเป็นแช่ค้างเอาไว้อย่างนั้น ค่อยผละออกแล้วมองสามีด้วยสายตาเว้าวอน หมดมาดที่วางเอาไว้ มีเพียงความต้องการที่อยากสานสัมพันธ์ให้ถึงปลายทาง
คำขอของหล่อนค่อนข้างตรงไปตรงมา เล่นเอาเมืองหมอกนิ่งอึ้งพูดไม่ออก ยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เธอก็ลุกจากโซฟารวดเร็วแล้วนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขา เอ่ยขอร้องจนร่างสูงไปไม่เป็น ไม่เคยมีผู้หญิงคุกเข่าให้ตนมาก่อน
“เป็นของโซ่ได้ไหม ขอร้องล่ะ เป็นของโซ่เถอะนะพี่หมอก” ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบรูดซิปกางเกงของสามีออกพร้อมจับแท่งอุ่นเต็มสองมือ ดวงตาคมเบิกกว้างไม่คิดว่าจะถูกรุกรวดเร็วเช่นนี้ เธอยังไม่ประสากับเรื่องบนเตียง ทำไมถึงอาจหาญใช้วิชาที่ต้องมีความชำนาญในการเริ่มต้น หญิงสาวกำลังเรียนหลักสูตรเร่งรัดทั้งที่ยังทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
“อย่าโซ่ มันสกปรก...อื้อ” อยากห้ามปรามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ปากอวบอิ่มครอบครองท่อนเอ็นอุ่นเรียบร้อย เขาถึงกับหลับตาคิดว่าอย่างไรฟันก็ครูดกับเนื้ออ่อนแน่นอน แต่กลายเป็นว่าหล่อนระวังเป็นอย่างดี แถมยังรู้จักจังหวะในการทำให้เขาเสียวกระสันจนเผลอครางแผ่วอีกต่างหาก
จ้องมองดวงหน้าหวานที่ตั้งใจในการทำเหลือเกิน เขานึกแปลกใจว่าหล่อนทำเป็นได้อย่างไร แล้วไปเรียนมาจากไหน แต่ใบหน้าคมก็เหยเกพูดอะไรไม่ออก ยอมรับว่ามีอารมณ์เพียงแค่ได้จุมพิตกับเธอ ใจเขาก็ลิงโลดอยากกดภรรยาลงบนพื้นเย็นแล้ว ไม่คาดคิดว่าชีวาพรจะทำถึงขนาดนี้
ปากหยักเม้มแน่นไม่กล้าส่งเสียงคราง แม้ว่าตอนนี้แทบจะนั่งไม่ติดโซฟา แอ่นสะโพกเล็กน้อยเพื่อให้แก่นกลางชายเข้าไปในความอุ่นนุ่ม เธอดูดเข้ามาลึกมากจนเขากลัวว่าจะอาเจียน แต่ท่าทีของชีวาพรก็ยังสบาย ทั้งยังเหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มเพื่อเช็คว่าชอบหรือเปล่า
เห็นทันทีว่าการกระทำของตนคงสร้างความเสียวกระสันให้เป็นอย่างมาก จึงได้เพิ่มแรงและจังหวะการเข้าออกให้เร็วกว่าเดิม จนน้ำสีขุ่นพุ่งเต็มปากถึงขยับออกห่างเขาเล็กน้อย ชายหนุ่มตกใจอย่างมากนึกขอโทษหญิงสาว แต่เธอก็เลือกจะคายของเหล่านั้นลงบนมือ มองดวงหน้าคมแล้วยิ้มให้เขา
“โซ่ยอมทั้งหมด ขอแค่เป็นพี่หมอก” พอพูดจบก็ลุกไปล้างปากกับล้างมือ เธอมองตัวเองในกระจกแล้วสูดลมหายใจลึกเข้าปอด
ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องให้เขาเป็นของตนโดยสมบูรณ์...
แต่ยังไม่ทันออกจากห้องน้ำ ร่างแบบบางก็ถูกยกขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์อ่างล่างหน้า ตกตะลึงเมื่อหันมาพบสามีที่อยู่ใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจที่รินรดใบหน้าตน เขาไม่รอช้าจุมพิตที่ปากอวบอิ่มอย่างดุดัน คล้ายกับว่าโกรธกันมาแต่ชาติปางก่อน มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างงาม ค่อยถอดเสื้อที่เธอสวมออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งชีวาพรก็ให้ความร่วมมือเต็มที่
“มาฮันนีมูน...ก็ต้องทำให้ครบสิ” เขาไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้อีกต่อไป กว่าหนึ่งปีที่ไม่แตะต้องผู้หญิงคนไหนหลังเลิกรากับแฟนสาว มาตอนนี้ที่โดนลูบคมก็ไม่คิดปล่อยหล่อนให้รอด เธอเองก็ยินยอมพร้อมใจทอดกายให้เขาเชยชม
เพราะคนตรงหน้าคือสามี ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ตนรักมาตลอด...
จำไม่ได้ว่าเมื่อวานจบลงที่ตรงไหน รู้เพียงว่าเขาอึดมากยกหล่อนเดินว่อนรอบบ้านเป็นว่าเล่น อาจเพราะอยู่กันเพียงแค่สองคน ค่อนข้างมีความเป็นส่วนจึงได้ไม่ต้องสนใจว่ามีใครเข้ามาเห็นหรือขัดจังหวะ เสร็จจากห้องน้ำก็ต่อที่ห้องนั่งเล่น
อุ้มกระเตงหล่อนขึ้นบนห้องนอน พักผ่อนครู่หนึ่งแล้วตื่นมาอีกทีก็จัดถึงสองครั้ง ชายหนุ่มไม่ได้เร่งเร้าแต่ทำทุกอย่างด้วยความใส่ใจ คนที่ไม่เคยมีชั่วโมงบินถึงกับครางกระเส่า เสียงแหบแห้งไปหมดกระทั่งตื่นเช้าของวันถัดมา
พลิกกายหมายจะกอดสามีแต่ก็สัมผัสได้เพียงความเย็นชืด นึกสงสัยว่าเขาออกไปไหน จนได้กลิ่นหอมของอาหารโชยมาจึงรีบลุกจากเตียงเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปข้างล่าง ทำหน้ามุ่ยเมื่อเดินติดขัดก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำยามคิดถึงค่ำคืนแสนหวานของเรา
ทำตั้งแต่บ่ายลากยาวมาถึงพลบค่ำ...
เมืองหมอกปฏิเสธตนตลอดเวลา ไม่คิดเลยว่าวันนี้เขาจะเป็นคนเริ่มทุกอย่าง เพียงแค่คิดถึงก็ยามที่ถูกเขาสอดใส่เข้ามาในกายก็นึกเขินอายเหลือคณา
ยามได้มองร่างกายเปลือยเปล่าของสามี ได้รับกอดที่แนบแน่น...ช่างมีความสุขเหลือเกิน
“พี่หมอก! ทำอะไรคะ” เดินมากอดเขาจากทางด้านหลัง ทักทายเสียงสดใสกระปรี้กระเปร่า
