๔ ความหวังว่ายังรักกัน (๑)
๔
ความหวังว่ายังรักกัน
ความสัมพันธ์ของสามีภรรยาดูเหมือนแน่นแฟ้นเพราะหญิงสาวตามติดเมืองหมอกตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปทำงานหรืออยู่บ้าน เขาต้องอยู่ในสายตาหล่อน สร้างความอึดอัดแก่เจ้าตัวมากกว่าเดิม ทว่าเขาก็ไม่อาจทำอะไรได้
รับประทานอาหารยามเช้าก็มีชีวาพรคอยบริการ หล่อนยังคงยิ้มแย้มได้เป็นปกติ ขณะที่เขาทำหน้านิ่งไร้อารมณ์
ชีวิตหลังการแต่งงานของเราไม่ได้หวือหวา หล่อนเป็นแม่บ้านเต็มตัวจึงคอยดูแลสามี แต่ที่น่าเสียดายคือยังไม่ได้สานสัมพันธ์แนบแน่น ทุกคืนที่ต้องการเริ่มก็จบลงด้วยคำบอกปัดของสามีว่าทำงานมาเหนื่อยและง่วง
นึกน้อยใจแต่ก็ไม่ได้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพียงแค่ได้นอนกอดเขาทุกค่ำคืนก็พอแล้ว บาคืนร่างหนาก็กอดตอบทำให้ชีวาพรยิ้มกว้างมีความสุขทั้งวัน การกระทำเล็กน้อยของเขากลับมีค่ามหาศาลต่อใจเปราะบางดวงนี้
คิดไม่ออกเลยว่าหากไม่มีเมืองหมอกจะเป็นเช่นไร เธอจะใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้หรือเปล่า...
“แต่งงานมาสองเดือนแล้ว แม่เตรียมสถานที่ฮันนีมูนเอาไว้ให้ ไปกับน้องนะถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว” ถึงเวลาเหมาะสมจึงได้พูดขึ้น ท่านเรียกบุตรชายมาคุยเป็นการส่วนตัว เกรงว่าหากอยู่ต่อหน้าลูกสะใภ้แล้วเมืองหมอกปฏิเสธ จะทำให้ชีวาพรเสียใจ
นางพอจะมองออกว่าความรักของคนทั้งสองก็ยังไม่เท่ากัน แม้แววตาของเมืองหมอกจะอ่อนลงมากแต่ก็ไม่ได้มองหญิงข้างกายด้วยประกายตาหวาน ดวงตาสีเข้มคู่นั้นเรียบสนิทจนนึกใจหายแทนภรรยาที่ปักใจรักเพียงสามีผู้เดียวมาตลอด
แต่ไม่แน่หรอก...หากอยู่กันนานกว่านี้ความรู้สึกอาจจะเปลี่ยนก็ได้
“ผมไม่อยาก...” กำลังจะค้านแต่ก็ถูกตัดบท
“จะไปใช่ไหม” ถามย้ำพลางจ้องเขม็ง แล้วอย่างนี้เขาจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไร ทำเพียงพยักหน้าอย่างขอไปที ฮันนีมูนคราวนี้คงได้นอนทั้งวันไม่ต้องทำอะไรแล้ว
“ครับ ไปครับ” แล้วเขาทำอะไรได้หรือไง ทุกคนขีดเส้นชัดเจนให้เดินไม่ถามความสมัครใจสักคำ แต่อีกใจก็นึกสงสารชีวาพร
อาการสั่นกลัวของหล่อนยังติดตาเขาอยู่เลย ทั้งการนอนผวาจนต้องคว้าร่างแบบบางมากอด หล่อนจึงคลายความกังวลแล้วนอนหลับสนิทได้
น่าเสียดายที่เขาไม่รักเธอ มีเพียงแค่ความสงสารที่มีต่อชีวาพรเท่านั้น
คุณอนัญพรเลือกสถานที่คือบ้านพักริมทะเลมีชายหาดส่วนตัวไม่มีคนเข้ามาวุ่นวาย ร่างสูงขนของทุกอย่างลงจากรถโดยที่หล่อนวิ่งลงทะเลตั้งแต่รถจอดสนิท ดวงหน้าหวานแต้มรอยยิ้มมุมปาก ความสุขส่งไปถึงดวงตา มองผืนน้ำแล้วกางแขนออกสูดอากาศแสนสุขเข้าปอด
นอกจากได้มาเที่ยวทะเลกับคนรัก ยังเป็นการมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เธอเตรียมชุดว่ายน้ำไว้หลายแบบ ต้องใส่ให้คุ้มสักหน่อย
แล้วมาครั้งนี้จะกลับแบบตัวเปล่าเล่าเปลือยไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามแบบฉบับ คือการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีทุกค่ำคืน
คิดอย่างหมายมาดค่อยเหลียวมองคนตัวสูงที่จัดการนำกระเป๋าขึ้นชั้นบน หล่อนวิ่งมาล้างเท้าที่หน้าบ้าน ค่อยเดินเข้าไปหาเมืองหมอกแล้วกอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง ซุกซบแผ่นหลังกว้างอย่างมีความสุข คนที่เธอวาดหวังให้เป็นสามีมาโดยตลอด
วันนี้ความฝันนั้นเป็นจริงแล้ว
“ที่นี่สวยจังเลยค่ะพี่หมอก โซ่ชอบมากเลย เป็นส่วนตัวดีด้วย...ตอนเย็นเราทำบาร์บีคิวกินด้วยกันนะคะ เหมือนตอนเด็กที่มาเที่ยวทะเลไง” อ้อนเสียงหวานพลันคิดถึงช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
สองบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสนิทชิดเชื้อกันเป็นอย่างดี ครั้งอดีตที่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาก็มาเที่ยวทะเลแล้วทำอาหารรับประทานร่วมกัน จำได้ว่าเธอเล่นน้ำทะเลทั้งวันจนวันต่อมาไม่สบาย ได้เมืองหมอกคอยดูแลไม่ห่าง
นั่นคือความประทับใจที่มีต่อเขาไม่ลืมเลือน
“ได้” ตอบเสียงเรียบแล้วปลดมือบางออกจากเอว เธอยอมแต่โดยดีแล้วช่วยเขาจัดเสื้อผ้าเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบ ชวนชายหนุ่มคุยฟุ้งไม่หยุดพยายามทำตัวว่านอนสอนง่าย เป็นเด็กดีอย่างที่เขาชอบบอกเสมอให้หล่อนเป็นเช่นนั้น
ช่วงนี้ไปบริษัทของเขาบ่อยจึงได้จับตาดูของขวัญเอาไว้ ทว่าไม่เห็นหญิงสาวจะพูดคุยเรื่องอื่นหรือส่งสายตาหวานให้สามีของตน นอกจากคุยเรื่องงานอย่างเดียวจนเริ่มรู้สึกผิดสังเกต พอดูให้ดีอีกครั้งก็เห็นว่าคนที่ชอบเมืองหมอกคงไม่ใช่ของขวัญหรอก
น่าจะเป็นคุณแก้มมากกว่า...
หล่อนนึกโมโหที่เสียรู้อย่างง่ายดาย ทำร้ายคนบริสุทธิ์จึงได้เดินไปขอโทษ ยังดีที่เจ้าตัวไม่คิดโกรธเคือง ตั้งแต่วันนั้นมาถึงได้บอกตัวเองให้ใจเย็น ไม่โมโหกับเรื่องเล็กน้อยและพยายามปล่อยผ่าน
แต่ก็รู้ดีว่ามันทำได้ยาก เพราะทั้งที่กินข้าวเที่ยงด้วยกัน ชวนเขามองทะเลที่มีแสงแดดตกกระทบผืนน้ำ เป็นประกายระยิบระยับหยอกล้อกับแสง สามีของตนก็ไม่สนใจสักนิด เอาแต่ก้มกดโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น ทำให้เธอเริ่มหงุดหงิด
“อร่อยจังเลย...พี่คุยกับใคร” อาหารตรงหน้าที่ทำด้วยกันอร่อยขนาดนี้ เขากลับไม่สนใจสักนิด สายตาจดจ้องโทรศัพท์แล้วพิมพ์ข้อความมือเป็นระวิง อยากจะเข้าใจแต่สุดท้ายหล่อนก็ไม่เข้าใจ มาฮันนีมูนทั้งทีควรฝากงานไว้กับลูกน้องสิ จะทำเองทำไมล่ะ
“คุยเรื่องงานน่ะ”
“ก็กินก่อนไม่ได้เหรอ” เสียงหวานแข็งขึ้น เขาเห็นอย่างนั้นก็ขี้เกียจทะเลาะ จึงเลือกพยักหน้าแล้ววางเครื่องมือสื่อสารไว้ข้างกาย เธอยิ้มยินดีที่เขาเชื่อฟัง จากใบหน้าตึงก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานให้สามี พร้อมนึกขึ้นได้ว่านำของสำคัญติดตัวมาด้วย
“ก็ได้” เบื่อจะชวนทะเลาะ สุดท้ายก็จบที่ตนต้องยอมร่ำไป
อาหารเที่ยงมีไม่กี่อย่าง พวกเขาไม่ใช่คนทำอาหารเก่งเลยทำเท่าที่ทำได้ ส่วนช่วงเย็นคงซื้อของมาทำบาร์บีคิวกินด้วยกัน เหมือนไม่ใช่ฮันนีมูนแต่มาเที่ยวเล่นมากกว่า หลังเรียนจบก็เริ่มสร้างบริษัทของตัวเองแทบไม่ได้หยุดพัก ถือซะว่าการมาทะเลครั้งนี้เป็นการพักผ่อนก็ไม่เสียหาย
แต่มันคงดีกว่านี้ถ้าได้มากับคนที่รัก...
“ดื่มไวน์กันนะคะ โซ่เตรียมมาเยอะเลย พี่น่าจะชอบ” ถึงอาหารตรงหน้าจะเป็นอาหารไทย ไม่ได้เหมาะกับการดื่มคู่ไวน์ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เมื่อใจอยากดื่มก็ต้องได้ดื่ม หล่อนคิดดังนั้นแล้วมองเขานิ่งเพื่อให้อนุญาต
“เอามาสิ” พยักหน้าตามใจ เขาเองก็อยากจิบไวน์นั่งมองทะเลฟังเสียงคลื่นเช่นเดียวกัน
