๓ สงสารแต่ไม่รัก (๔)
คนอื่นก็รีบแซวจนบรรยากาศครึกครื้น หล่อนเห็นอย่างนั้นก็เขินอายจนพูดอะไรไม่ออก ทำเพียงทักทายด้วยการโบกมือแล้วเอ่ยเสียงเบา
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
พูดคุยเพียงครู่เดียวก็ต้องเข้ามารอเขาในห้องเพราะชายหนุ่มมีประชุมกับทีมงาน ตนไม่รู้ว่าสามารถช่วยอะไรเขาได้บ้าง ความสามารถก็ไม่มาก กว่าจะเรียนจบเศรษฐศาสตร์มาได้เล่นเอาหืดขึ้นคอ และดูเหมือนสิ่งที่หล่อนเรียนมาจะใช้กับที่นี่ไม่ได้
“แก้ม อยู่เป็นเพื่อนโซ่หน่อยนะ” บอกพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้เข้าไปอยู่เพื่อนภรรยา อย่างน้อยเขาจะได้สบายใจว่าหล่อนมีเพื่อน ไม่ต้องจมกับความเศร้าในอดีต
“ค่ะ”
สาวมากความสามารถรับคำแล้วรินน้ำเข้าไปเสิร์ฟแฟนเจ้านาย แย้มยิ้มอย่างอัธยาศัยดี สงสัยคงต้องศึกษานิสัยภรรยาเมืองหมอกหน่อยแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่าเป็นคนอย่างไรจึงกุมหัวใจชายหนุ่มเอาไว้ได้อยู่หมัด
“น้ำค่ะ” ค้อมศีรษะขอบคุณแล้วหยิบแก้วน้ำมาดื่ม แก้มนั่งลงที่โซฟาเยื้องกันเพื่อคอยคุยเป็นเพื่อนหล่อน
“พี่หมอกทำงานที่นี่นานหรือยังคะ แล้วมีผู้หญิงมาหาเยอะหรือเปล่า” เรื่องที่ทำให้กังวลคือผู้หญิงที่อยู่รอบกายเขาเนี่ยแหละ
ไม่อยากเป็นคนขี้หึงแต่ก็กลัวว่าโลกทั้งใบของหล่อนจะสลายไปกับตา แล้วไปเป็นโลกของคนอื่นแทน เธอไม่มีทางยกชายหนุ่มให้คนอื่นเด็ดขาด
“มาไม่เว้นวันเลยค่ะ คุณหมอกเสน่ห์แรง ก็คนมันหล่อนี่คะ ขนาดคนในบริษัทยังชอบเลยค่ะ” พออีกฝ่ายถามก็พูดตามความคิดของตัวเอง หัวเราะราวกับเป็นเรื่องสนุก แต่ดวงหน้าหวานกลับนิ่งขรึมเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“อุ้ย แก้มก็ไม่อยากพูดนะคะ แต่ก่อนแต่งงานเหมือนว่าคุณหมอกจะกิ๊กกับของขวัญ แต่ไม่รู้ทำไมถึงแต่งงานสายฟ้าแลบ” เธอจำผู้หญิงคนนั้นได้ทันที หน้าตาสะสวยแต่เหมือนจะไม่ใช่ไทป์ที่สามีหล่อนชอบ คงเป็นรักข้างเดียวสินะ
“แก้มก็พูดไปเรื่อยค่ะ คุณโซ่อย่าเอาไปใส่ใจเลยนะ”
“ค่ะ” พยักหน้าไม่อยากใส่ใจแล้วชวนเปลี่ยนเรื่อง เธอไม่อยากเอาเรื่องเล็กน้อยมาคิดให้ปวดหัว ทว่าไม่อาจทำอย่างนั้นได้
เมื่อรู้ว่าของขวัญมีใจให้แฟนตัวเอง เธอจึงจับตาดูฝ่ายหญิงทั้งวัน แล้วก็เห็นว่าหล่อนส่งสายตาให้เมืองหมอกบ่อยครั้ง ขณะที่สามีหล่อนมักจะเดินไปคุยเรื่องงานด้วยจนคนมองนึกหงุดหงิด หากปล่อยไว้แบบนี้ก็กลัวความใกล้ชิดของทั้งคู่จะพัฒนาไปไกลกว่าเจ้านายลูกน้อง
“ขวัญ เดี๋ยวออกไปข้างนอกกับพี่หน่อย”
“ค่ะ”
“โซ่ไปด้วยค่ะ” เธอจึงเลือกตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการตามติดเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เกาะแขนหนาเอาไว้แล้วยิ้มให้เมืองหมอกอย่างออดอ้อน
“รอพี่อยู่ที่นี่แหละ พี่ต้องไปหลายที่น่าจะไม่สะดวก” แกะมือบางออกแล้วหยิบเอกสารเพื่อไปคุยกับลูกค้ารายใหญ่ ถ้าได้ทำงานด้วยกันไม่ใช่แค่จะได้เงินเป็นเท่าตัว แต่ยังได้คอนเนคชั่นอีกต่างหาก เขาจะพลาดไม่ได้จึงพาคนที่เก่งด้านการเจรจาอย่างของขวัญไปด้วย
“โซ่จะไป!” พูดเสียงดังจนคนอื่นหันมามองอย่างตกใจ อาการของหล่อนทำให้เขาจำต้องพยักหน้าไม่อยากมีเรื่อง
“โอเค ไปก็ไป”
ชีวาพรกลับมายิ้มได้อีกครั้ง เดินเคียงข้างเขาไปคุยงาน แต่ระหว่างนั้นหล่อนไม่ได้ร่วมโต๊ะด้วย นั่งอยู่ห่างๆ แล้วมองเขาทำงานอย่างมืออาชีพ การคุยผ่านไปด้วยดีจนเซ็นสัญญา เห็นชายหนุ่มยิ้มตนก็ยิ้มตาม แต่เขากลับหันไปยิ้มให้ของขวัญไม่ได้มองภรรยาสักนิด
เธอเห็นอย่างนั้นก็นึกน้อยใจ ทั้งยังโกรธคนที่ได้รับรอยยิ้มของเมืองหมอกไปครอง ระหว่างที่เดินออกจากลิฟต์ที่มีคนโดยสารค่อนข้างเยอะ จึงใช้โอกาสผลักผู้ช่วยของร่างหนาจนอีกฝ่ายสะดุดพื้นที่ไม่ใช่ทางเรียบล้มลงบนพื้น
“โอ๊ย”
“ระวังหน่อยสิขวัญ เดินไหวหรือเปล่า” เขาประคองลูกน้องขึ้นยืนพลางถามด้วยความเป็นห่วง หล่อนทำหน้าเหยเกแต่ก็พยักหน้า เหลียวมองคนที่ยืนเยื้องกันซึ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งที่ตั้งใจผลักเธอให้ล้มแท้ๆ
“ไหวพี่หมอก”
“มาพี่ช่วยประคอง” เขาคิดจะประคองเพื่อพาคนเจ็บไปที่รถ แต่ชีวาพรกลับขันอาสาแล้วเข้ามาประคองของขวัญ ผลักร่างสูงให้ออกห่าง คล้ายจะหวังดีแต่แววตากลับประสงค์ร้าย
“โซ่ช่วยดีกว่าค่ะ”
เพราะเดินไปแค่สองสามก้าวก็ปล่อยคนเจ็บให้ล้มลงบนพื้นอีกครั้ง คราวนี้ข้อเท้าของหล่อนพลิกจนลุกไม่ขึ้น เมืองหมอกเห็นอย่างนั้นก็กำมือแน่น มั่นใจว่าภรรยาตั้งใจแกล้งพนักงานของตน เขาไม่รอช้ารีบเข้าไปอุ้มของขวัญด้วยท่าเจ้าหญิง
“โอ๊ย”
“ขอโทษค่ะ โซ่ไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“พี่อุ้มดีกว่า เดินกะเผลกแบบนี้คงนานกว่าจะถึงรถ ต้องรีบกลับบริษัทไปทำงานด้วย” ของขวัญก็ไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นเดียวกัน หล่อนไม่คิดว่าเจ้านายจะอุ้มโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งยังทำต่อหน้าภรรยาอีกต่างหาก รู้เลยว่าต่อจากนี้ตนคงไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายแน่
“เอ่อ...” พูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่ขอให้ถึงรถโดยเร็ว สายตาของชีวาพรที่มองมาน่ากลัวเหลือเกิน
ร่างบางทำได้แค่มองแผ่นหลังกว้างตาเขม็ง จำยอมเดินไปที่รถแล้วนั่งข้างคนขับ เธอกำมือแน่นไม่พูดอะไร จนกระทั่งเข้ามาในห้องทำงานของเขา บรรยากาศตึงเครียดและค่อนข้างอึดอัด ทว่าเมืองหมอกก็ไม่คิดจะพูดกับหล่อนสักคำ
ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน ชีวาพรก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เธอยังเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจ อารมณ์ร้อนและชอบรังแกคนอื่นเหมือนเคย
“พี่หมอกชอบมันใช่ไหม” ไม่อาจทนไหวจึงเดินมาหยุดตรงหน้าเขา พร้อมคาดคั้นในเรื่องที่ตนอยากรู้
“พูดเรื่องอะไร”
“คนที่ชื่อของขวัญ พี่หมอกชอบเขาใช่ไหมถึงไปอุ้มแบบนั้น พี่เป็นสามีของโซ่นะไปชอบคนอื่นไม่ได้! เราแต่งงานกันแล้วพี่ต้องรักแค่โซ่ มองแค่โซ่คนเดียว” โวยวายเอาแต่ใจ ดวงตากลมแดงก่ำแล้วพูดอย่างเอาแต่ใจ
เขาคือโลกทั้งใบของเธอ จะไปเป็นของคนอื่นไม่ได้...
“พี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” พยายามใจเย็นแล้วพูดกับหล่อนให้รู้เรื่อง แต่เหมือนว่าชีวาพรจะไม่อยู่ในอารมณ์ที่สามารถพูดคุยได้ อาจต้องรอให้ใจเย็นกว่านี้หน่อย
“โซ่เห็นว่าพี่เอาแต่มองมัน”
“อย่าเรียกคนอื่นว่ามัน ถ้าเขาเรียกโซ่ว่ามันบ้างจะชอบหรือเปล่า” เตือนเสียงเข้มเพราะตนก็พยายามควบคุมอารมณ์เช่นเดียวกัน กลัวว่าถ้าร้อนเจอร้อนจะมีแต่ความบรรลัย
“โซ่ไม่สน พี่ห้ามชอบคนอื่น ชอบได้แค่โซ่!” ทวงสิทธิ์ของตัวเองแล้วเดินไปนั่งบนตักหนาอย่างเอาแต่ใจ เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากพรูลมหายใจเสียงเบา ยอมนิ่งเพื่อให้หล่อนนั่งตัก ค่อยปลอบปะโลมด้วยวาจาแสนหวาน
คิดซะว่าทำเพื่อครอบครัวที่จากไปแล้วของหล่อน...
“เข้าใจแล้ว พี่ชอบแค่โซ่ พอใจไหม”
ตอนนี้หญิงสาวตัวคนเดียวไม่มีคนให้พึงพิง มีเพียงเขาเท่านั้น หากอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงพอจะทำให้ได้ ตนก็จะยอมทำแล้วกัน
“ค่ะ” อารมณ์ดีทันทีแล้วเอนกายพิงอกกว้าง มีความสุขกับการได้ครอบครองเขา
เชื่อว่าอนาคตก็จะมีเมืองหมอกเป็นสามี...ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
