๓ สงสารแต่ไม่รัก (๑)
๓
สงสารแต่ไม่รัก
เสร็จจากงานศพของครอบครัวหล่อนได้สามเดือน การแต่งงานใหญ่ก็ถูกกำหนดขึ้นว่าจะจัดในเดือนหน้า ทุกคนต่างเตรียมงานฉุกละหุก แขกนับพันถูกเชิญให้มาร่วมแสดงความยินดี ซึ่งทุกคนก็เต็มใจจะมาเป็นอย่างยิ่ง
ความเศร้าโศกของหล่อนแปรเปลี่ยนเป็นเบิกบานเมื่อคิดว่ากำลังจะได้เข้าพิธีวิวาห์กับชายในดวงใจ เธอยุ่งกับการจัดงานจนไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น ไหนจะต้องจัดการเรื่องพินัยกรรม มรดกนับร้อยล้านตกเป็นของหญิงสาวเพียงผู้เดียว
กลายเป็นเศรษฐีนีอายุน้อยที่สุด ทว่าหล่อนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ในหัวคิดถึงเพียงเรื่องแต่งงานอย่างเดียว จัดแจงทุกอย่างพร้อมกับคุณอรัญพรที่ยินดีต้อนรับสะใภ้เป็นอย่างยิ่ง
ในอดีตจำต้องถอนหมั้นตามความต้องการของบุตรชาย แต่ตอนนี้ได้แต่งรับสะใภ้ที่ถูกใจเข้าบ้านมงคลทิวัตถ์ ทุกคนในครอบครัวจึงมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคุณย่าที่ยิ้มแก้มปริ งานหมั้นช่วงเช้าท่านก็ชมชีวาพรไม่ขาดปาก
ทุกอย่างผ่านไปด้วยความราบรื่น กระทั่งถึงงานช่วงเย็นที่เป็นพิธีฉลองมงคลสมรส แขกเหรื่อกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคนมาร่วมแสดงความยินดีจนบ่าวสาวต้องยิ้มต้อนรับไม่หวาดไม่ไหว ดวงหน้ายิ้มทั้งวันจนปวดแก้ม แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขที่หล่อนยินดีจะทำ
ต่อให้ต้องยิ้มทั้งวันคือหรือยืนขาแข็งทั้งวัน ขอเพียงแค่คนข้างกายที่ยืนด้วยกันเป็นเมืองหมอก...หล่อนแสนจะยินยอม
“ดีใจด้วยนะน้องโซ่ไอ้หมอก หมั้นกันแต่เด็กโตมาก็ได้แต่งงาน เหมาะสมอะไรขนาดนี้” เพื่อนสนิทของเจ้าบ่าวมาช่วยงานตั้งแต่เช้าจรดวัน สบโอกาสเข้ามาถ่ายรูปร่วมกับเจ้าของงาน หล่อนรีบกอดแขนร่างสูงแล้วผายมือเป็นการเชื้อเชิญรุ่นพี่ให้มายืนข้างกัน
หญิงสาวเลือกสวมชุดเจ้าสาวเข้ารูปปลายกระโปรงยาวเป็นหางปลา เพื่อจะสามารถกอดแขนกับคนข้างกายได้ถนัด ไม่ใช่กระโปรงฟูฟ่องที่กั้นระหว่างเราเอาไว้ เธออยากตัวติดกับเขาตลอดเวลา เอาแต่มองเสี้ยวหน้าหล่อเพื่อให้มั่นใจว่าการแต่งงานคือความจริง
ไม่ใช่ความฝันของตัวเอง...
ภาพที่เคยวาดเอาไว้มาหลายปี บัดนี้เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่ามันต้องแลกมาด้วยชีวิตของครอบครัวตัวเอง
“ขอบคุณค่ะพี่ทุ่นพี่เทพ” ยิ้มให้ทั้งสองแล้วหันมายิ้มให้กล้อง แทบทุกภาพที่กดชัตเตอร์บ่าวสาวไม่เคยห่างกันเลย แขนเรียวคล้องแขนแกร่งเอาไว้ตลอด แสดงถึงความรักที่มีต่อเจ้าบ่าวอย่างสุดซึ้ง
“กินดื่มตามสบายเลยพวกมึง”
“แน่นอนอยู่แล้ว กูใส่ซองเยอะเพื่อการนี้โดยเฉพาะ” ร่างหนาถึงกับส่ายศีรษะระอาเพื่อนจอมตะกละ ยังคงมีคนมาร่วมถ่ายภาพด้วยเรื่อยๆ จนไม่ได้พัก รู้ตัวอีกทีก็ถึงเวลาเข้างานเพื่อทำตามกำหนดการณ์ที่วางเอาไว้
ไม่ว่าจะพรีเซนเตชั่นที่นำเสนอช่วงวัยของบ่าวสาวตั้งแต่เด็กจนถึงเรียนจบมัธยมศึกษาตอนปลาย แยกกันไปเติบโตจนวันนี้ได้ครองรัก ทุกคนจึงได้ชื่นชมเป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่ชีวาพรที่มองจอตรงหน้า แล้วเบนสายตากลับมาจ้องชายหนุ่มที่ยืนข้างกัน หล่อนขยับเข้าไปใกล้เขา กระซิบชายหนุ่มพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
“โซ่ดีใจที่เจ้าบ่าวของโซ่เป็นพี่หมอก” ยืนยันความรู้สึกของตัวเอง ต่างจากเขาที่ไม่ยินดียินร้ายสักนิด แต่ก็พยักหน้าตามเรื่อง
“ครับ” เขาไม่ได้ใจร้ายจนทำลายน้ำใจผู้หญิงคนหนึ่งได้ลงคอ
ตั้งแต่วันที่เห็นสภาพของชีวาพรที่เหมือนร่างไร้วิญญาณหลังสูญเสียคนสำคัญในชีวิต เขาก็ไม่อยากให้หล่อนกลับไปเป็นแบบนั้นอีก หากอะไรที่ช่วยได้และไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็อยากช่วย กระทั่งการแต่งงานครั้งนี้
หลังเลิกรากับศิศิราก็ครองตัวโสดมาตลอดหนึ่งปี ยอมรับว่าเขายังไม่อาจลืมแฟนเก่าได้ แต่เพราะการใช้ชีวิตของเราต่างกันเกินไป เขายินยอมจะให้เงินกับเธอ ทว่าหญิงสาวก็หยิ่งในศักดิ์ศรีไม่ยอมรับเงินแม้จะลำบาก
ไปกินข้าวด้วยกันแต่ละทีก็ต้องคิดเรื่องเงินตลอด เขาอยากกินของแพงแต่การเงินของเธอก็ไม่เอื้ออำนวย แต่หากให้กินกับหญิงสาวทุกวันตนก็เบื่อ สุดท้ายหล่อนก็เป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกเลิกเพราะไม่สามารถปรับหาตรงกลางได้
อีกทั้งคุณย่าก็คล้ายว่าจะไม่ค่อยชอบศิศิราเท่าไหร่ แม้ท่านไม่ได้พูดอะไรแต่การกระทำยามเขาพาหล่อนเข้าบ้านบอกหมดทุกอย่าง ทั้งหนีหน้าไม่ยอมพบ คุยด้วยสองสามคำก็เงียบ เป็นเช่นนี้ต่อไปอย่างไรก็ไม่รอด
สู้เลิกกันตอนนี้ให้จบในคราวเดียวดีกว่า...
และอีกเหตุผลที่เขาไม่ยอมบอกใคร การแต่งงานครั้งนี้ก็อยากประชดศิศิรา ส่งการ์ดเชิญเธอแต่ไม่รู้ว่าหล่อนจะยอมมาหรือเปล่า อยากให้เธอมาหยุดยั้งงานวิวาห์ครั้งนี้แล้วขอคืนดี หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริงเขายินดีจะหยุดทุกอย่าง
แล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่กับหล่อน ทว่าจนกระทั่งงานพิธีเสร็จสิ้น ผ่านอาฟเตอร์ปาร์ตี้จนเข้าห้องหอ กลับไม่มีวี่แววของหล่อนสักนิด จนเจ้าบ่าวทำได้เพียงเดินคอตกเข้าไปในห้องสุดหรูของโรงแรมที่จองไว้เป็นห้องหอ
“แม่ดีใจที่ได้หนูโซ่มาเป็นครอบครัวเดียวกัน มีเรื่องอะไรก็ปรึกษาแม่ได้ตลอดนะลูก คิดซะว่าแม่คือแม่ของหนู” สองบ่าวสาวนั่งบนพื้นแล้วฟังคำสอนของผู้ใหญ่ หล่อนโน้มกายน้อมรับคำนั้นมาปฏิบัติ เปลี่ยนคำเรียกจากคุณน้ามาเป็นคุณแม่ ดวงตากลมพราวระยับเต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขหลังจากหม่นหมองมาหลายเดือน
ร่างสูงนั่งนิ่งไม่ได้ซาบซึ้งกับคำพูดใด ความรู้สึกของเขาว่างเปล่าจนคนเป็นพ่อแตะที่บ่าแกร่ง สอนลูกชายผู้เปรียบเสมือนน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก แม้ปากจะแย้มยิ้มแต่ดวงตากลับเฉยชา เห็นแล้วก็นึกเป็นห่วงอย่างมากว่าชีวิตคู่จะไปตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า
“หมอก...ต่อจากนี้หมอกมีครอบครัวของตัวเองให้ดูแลแล้วนะ หนูโซ่คือคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันไปจนวันสุดท้ายของชีวิต พ่อเชื่อว่าหมอกจะมีสติในทุกย่างก้าว ก่อนทำอะไรก็คิดถึงหน้าเมียเข้าไว้ ถ้ามีเรื่องให้ขุ่นข้องหมองใจก็หันหน้าพูดคุยอย่าใช้อารมณ์ ที่สำคัญอย่าปล่อยเรื่องทุกข์ใจค้างคาข้ามวัน”
สองบ่าวสาวคอยคุณตรัยคุณแล้วน้อมรับคำสอน หล่อนคิดจะทำตามนั้นต่างจากเมืองหมอกที่เหมือนว่าเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
“ครับ”
“ย่าไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ แต่งงานกันแล้วก็มีเหลนให้ย่าอุ้มไวๆ นะลูก” คุณย่ายิ้มแก้มปริ บอกหลานชายกับหลานสะใภ้คนโปรด ทุกคนต่างแย้มยิ้มมีความสุขกับงานมงคล ยินดีต้อนรับสมาชิกคนใหม่ของบ้านมงคลทิวัตถ์
“ค่ะคุณย่า”
พูดคุยกันเสร็จก็หันไปมองนาฬิกา เห็นว่าสองบ่าวสาวควรพักผ่อนหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน คุณตรัยคุณเป็นตัวตั้งตัวตีรีบประคองมารดาของตนเพื่อออกไปข้างนอก อยากให้ค่ำคืนแสนหวานมีเพียงข้าวใหม่ปลามัน
“เอาล่ะ ไม่รบกวนคืนเข้าหอของเราแล้ว ไปกันเถอะครับคุณแม่” ผู้ใหญ่ต่างลุกจากโซฟาแล้วเดินออกจากห้อง เหลือเพียงเมืองน่านที่เก็บภาพบรรยากาศ ไม่วานหันมาตบไหล่คนเป็นพี่พร้อมยักคิ้วเป็นอันรู้กันว่าคืนนี้ให้จัดเต็มห้ามหมกเม็ดเด็ดขาด
“โชคดีนะพี่ชาย”
