๒ เขาคือโลกทั้งใบ (๒)
วันนี้ถูกยกเลิกการหมั้นหมาย ไม่อยากคิดเลยว่าบ้านจะลุกเป็นไฟหรือเปล่า...
“วัยรุ่นเสียใจไม่นานหรอก อีกอย่างผมก็ต้องไปทำงานที่แคนาดา พาลูกไปด้วยคงพอทำให้ลืมได้บ้าง โตขึ้นคงมองว่าความรักพวกนี้เป็นเรื่องไร้สาระ” ท่านต้องย้ายไปประจำการที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวาประเทศแคนาดา สบโอกาสพาลูกสาวบินไปเรียนต่อนั่นพร้อมลูกชายที่จะต่อปริญญาโท
ครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา กำลังคิดพอดีว่าตนประจำการที่นั่นแล้วจะวางใจฝากชีวาพรไว้ที่นี่ได้หรือเปล่า
ตอนนี้ไม่ต้องห่วงเลยนั้นแล้ว เพราะจะพาลูกไปอยู่ด้วยกันเลย เผื่อจะลืมความเสียใจหรือบาดแผลที่ได้รับจากรักที่ไม่สมหวังในครั้งนี้
“งั้นเราไปคุยกับลูกนะ” ประมุขของบ้านอย่างคุณชัชพล ฉันท์หทัยก็พยักหน้า เคาะประตูแล้วเอ่ยขออนุญาตคนข้างใน
“โซ่ ทำอะไรอยู่ แม่เข้าไปได้หรือเปล่า” รอเพียงครู่เดียวก็ได้ยินเสียงหวานตอบกลับ ท่านหน้าเคร่งไม่อาจแสดงเป็นยิ้มแย้มได้ เพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่นาทีต่อมาลูกสาวจะร้องไห้เสียใจแค่ไหน ทว่าพวกตนก็คงต้องปลอบปะโลมกันเอง
จะไปขอร้องอ้อนวอนเมืองหมอกมาช่วยดูแลก็ไม่ได้ พึ่งบ้านมงคลทิวัตถ์มาโดยตลอด ตอนนี้ก็ทำได้เพียงต้องพึ่งตัวเองบ้าง
“ค่ะ เข้ามาเลยค่ะ” เปิดประตูเข้ามาข้างใน พบชีวาพรที่นั่งเขียนงานอยู่โต๊ะอ่านหนังสือ เห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้แล้วลูบศีรษะมน ดวงหน้าหวานเหลียวมามองก่อนยิ้มให้มารดา เธอเป็นเด็กที่อ่อนโยนไร้เดียงสาในสายตาของท่าน
แต่ก็พอรู้ข่าวคราวเรื่องทะเลาะวิวาทที่โรงเรียนบ้าง ตักเตือนลูกสาวไปแล้วหลายครั้ง ก็ได้คำตอบว่าไม่ได้เริ่มก่อน และทำเพื่อป้องกันตัว จึงไม่อาจต่อความยาวได้อีก ทางโรงเรียนหรือผู้ปกครองฝ่ายนั้นก็ไม่ได้เอาเรื่อง
จนมาคิดย้อนหลังว่าตนถือหางลูกสาวเกินไปหรือเปล่า บางทีควรให้ชีวาพรรู้จักกับความลำบากบ้าง...ทว่าเมื่อคิดจะลงโทษก็ทำไม่ลง
“ทำอะไรเหรอ”
“เขียนการ์ดขอโทษพี่หมอกค่ะ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นพี่หมอกก็ไม่หายโกรธโซ่สักที เลยอยากจะเขียนไปขอโทษแสดงความจริงใจสักหน่อย พ่อกับแม่มีอะไรหรือเปล่าคะ” แม้จะเห็นเต็มสองตาว่าเขาทิ้งขนมที่ตนทำไปให้ทิ้งลงถังขยะ
ทว่าความรักที่มีต่อชายหนุ่มก็ไม่เปลี่ยนแปลง ยังคงรู้สึกเช่นเดิมและเห็นถึงความผิดของตัวเอง จึงอยากจะขอโทษเขาแบบเป็นทางการ แสดงถึงความจริงใจสักหน่อย
บุพการีหันมองหน้ากันทันที กลืนน้ำลายอย่างยากลำบากไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นจากตรงไหน คุณชัชพลจึงเป็นฝ่ายเริ่มเพราะดูท่าภรรยาคงพูดอะไรไม่ออก
“พ่อต้องไปทำงานที่แคนาดาเลยอยากพาพวกเราไปด้วย...”
“โซ่ไม่ไปค่ะ โซ่จะอยู่กับพี่หมอก” ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเพียงแค่ท่านเริ่มเกริ่น ปิดกระดาษที่ตั้งใจเขียนความรู้สึกทั้งหมดแล้วยัดเข้าลิ้นชักของโต๊ะไม้สีขาว หันกลับมามองบุพการีที่มีสีหน้าปั้นยาก ไม่รู้จะโน้มน้ามลูกสาวอย่างไร
“โซ่จะทิ้งพ่อกับแม่แล้วก็พี่ชาเหรอ” คนเป็นแม่ถึงได้แสร้งแสดงสีหน้าเศร้าสร้อย หล่อนเห็นอย่างนั้นก็รีบลุกมากอดเอวท่านเอาไว้ แล้วบอกความในใจไม่ปิดบังสักนิด
“เปล่านะคะ โซ่แค่...กลัวว่าถ้าไปแล้วพี่หมอกจะมีคนอื่น โซ่ไม่อยากเสียพี่หมอกให้ใคร” ไม่อยากห่างจากเมืองหมอก กลัวว่าจะมีคนมาแย่งคู่หมั้นของตัวเอง เธอคิดไม่ออกเลยว่าหากไม่มีเขาจะเป็นอย่างไร ทุ่มเทรักทั้งหมดให้ชายผู้เดียวมาตลอด
ยึดติดเพียงพี่ชายบ้านตรงข้าม ไม่เคยชายตาแลใครอื่น...
เขาคือโลกทั้งใบของเธอ...
“คือ ความจริงแม่อยากให้หนูกับหมอกถอนหมั้นกันนะ” เพียงแค่ได้ยินก็ผละออกแล้วตะโกนถามเสียงดังลั่น ไม่เข้าใจว่าเหตุใดมารดาจึงคิดเช่นนั้น หล่อนไม่เห็นว่ามันจะเข้าท่าเลยสักนิด
“ทำไมคะ! ทำไมต้องถอนหมั้น โซ่ไม่ถอนหมั้นหรอก ไม่เอา ไม่เอานะแม่” ยืนกรานเสียงแข็ง
กว่าจะได้หมั้นหมายกันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วเหตุใดเธอจะต้องยอมถอนหมั้นด้วยล่ะ เหมือนบอกให้ตัดใจจากเขา ซึ่งตนทำไม่ได้ ให้ตายอย่างไรก็ทำไม่ได้
“ลูกของแม่ยังเด็ก ยังสาวยังสวยหาผู้ชายได้ดีกว่านี้อีกเยอะ ลองไปทำความรู้จักคนอื่น เรียนรู้โลกภายนอก...” ยกมือขึ้นประคองใบหน้ารูปไข่ที่สะสวย พยายามกล่อมให้ชีวาพรเลิกยึดติดกับชายเพียงผู้เดียว แต่กลายเป็นโดนหล่อนก้าวถอยหลังหนี ปฏิเสธทุกอย่างไม่ต้องการจะหาผู้ชายอื่นอีก
แค่เมืองหมอกคนเดียว...เขาคนเดียวเท่านั้น
“ไม่เรียน ไม่เอา โซ่รักพี่หมอกจะแต่งงานกับพี่หมอกคนเดียว” ยังคงยืนกรานเช่นเดิม แต่คุณชัชพลที่ทนไม่ไหวเพราะใช้ไม้อ่อนดูท่าจะไม่ได้ผล ท่านตัดสินใจบอกความจริงที่ทำร้ายจิตใจคนฟัง ทว่าอีกแง่ก็อาจทำให้ชีวาพรตัดใจได้เร็วกว่าเดิม
ผู้ชายเขาไม่ต้องการแล้วจะยื้อไว้ทำไม พอจะมองออกว่าเมืองหมอกไม่ได้ชอบลูกตนในทางชู้สาวสักนิด อย่างไรวันหนึ่งเรื่องนี้ก็ต้องเกิดขึ้น
“แต่หมอกขอถอนหมั้นกับลูกแล้ว”
“พ่อ!” ภรรยาหันไปปรามสามี ไม่คิดว่าคุณชัชพลจะพูดตรงขนาดนี้
