บทที่3. ต่อ1
ภาสกรกลับมาบ้านก็ต้องหน้าตึงเมื่อเห็นว่าคุณหญิงศจีกับแพรวามาที่บ้าน ชายหนุ่มงงหนักเข้าไปอีกเมื่อเห็นแพรวาร้องห่มร้องไห้ท่าทางเหมือนจะเป็นจะตาย
“สวัสดีครับคุณหญิง” ด้วยมารยาทเขาก็ทำความเคารพผู้สูงวัยกว่าอย่างนอบน้อม
“แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นครับ..”
“คืองี้จ้ะ...” คุณปานวาดกำลังจะพูดขึ้นแต่คุณหญิงศจีขัดขึ้นเสียก่อน
“ก็ลูกแพรวาของแม่น่ะสิคะ เสียใจมากกกกก ที่คุณแสนต่อว่าเรื่องที่ไปหาคุณแสนที่บริษัทวันนี้ ทำไมคะ แค่ลูกแพรไปหาเนี่ย ทำไมต้องต่อว่าลูกแพรวาของแม่ด้วย แบบนี้ใช้ไม่ได้นะคะ เราไม่ใช่ตาสีตาสานะคะที่คุณจะมาต่อว่าแบบนี้” คุณหญิงศจีใส่เป็นชุด ภาสกรแอบพ่นลมหายใจหนักๆ แล้วหันกลับมามองสองแม่ลูกแล้วมองเขม็งไปที่แพรวา
“คุณบอกคุณแม่คุณว่ายังไงหรือแพรวา..”
“อะ เอ่อ คือ ฮือออ.. คุณแม่ขา..”
นอกจากไม่ตอบแล้วแพรวายังเล่นใหญ่ไฟกะพริบร้องไห้หนักขึ้นโผมาซบอกผู้เป็นแม่สะอึกสะอื้น ภาสกรถอนใจแล้วหันไปสบตาบิดามารดาของตนอย่างเบื่อหน่ายไม่ปิดบังซึ่งท่านทั้งสองเข้าใจดี...
“พูดคุยกันดีๆ ดีกว่านะคะคุณหญิง” คุณปานวาดพูดอย่างอ่อนโยน
“ไม่ได้ค่ะ... ลูกชายเธอทำร้ายจิตใจลูกแพววา ต่อว่าลูกแพรวาจนเสียใจร้องไห้ไม่หยุดเลย เธอต้องจัดการสิ โถๆ ลูกแม่หยุดร้องนะลูก ตาบวมเดี๋ยวไม่สวยนะคะ” คุณหญิงศจีหันมาตวาดใส่คุณปานวาดอย่างไม่เกรงใจทำให้ภาสกรหมดความอดทน
“เอาล่ะครับ ผมว่าเรื่องนี้ผมควรจะพูดให้หายข้องใจและเลิกแล้วต่อกันเสียที..” ภาสกรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระด้าง แววตาและใบหน้าหล่อเหลาดูเข้มขรึมรังสีอำมหิตแผ่กระจายจนผู้เป็นพ่อแม่ของเขารู้สึกได้
คุณปานวาดกับสามีกุมมือกันไว้ภาวนาว่าอย่าให้ลูกชายของตนทำอะไรรุนแรง และที่พวกเขาไม่ยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของภาสกรที่จะต้องจัดการเอง ซึ่งการทำงานของลูกชายหรือเรื่องส่วนตัวนั้นคุณปานวาดกับคุณลูอิสจะให้สิทธิการตัดสินใจเป็นของภาสกรโดยไม่เข้าข้องเกี่ยว
“คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงได้ต่อว่าแพรวา จะบอกอะไรให้นะครับ ลูกน้องผมทุกคนทุกระดับผมไม่เคยกดขี่พวกเขาเกินหน้าที่ความรับผิดชอบและไม่เหยียดหยามพวกเขา ผมให้เกียรติคนทุกคนที่ทำงานกับผมไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน คนกวาดขยะหน้าบริษัท หรือพนักงานธรรมดา ไม่เคยเรียกพวกเขาอย่างจิกหัว ไม่เคยอาละวาด่าทอลูกน้องเลยแม้แต่ครั้งเดียว.. แต่ลูกสาวของคุณทำ และไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ทำการหยามเกียรติลูกน้องของผม ข่มขู่ ด่าทอพนักงานในบริษัทผมสารพัดเหมือนคนไม่มีการศึกษา แล้ววันนี้ข่มขู่ รปภ. ที่บริษัท เรียกเลขาของผมว่า มัน.. ซึ่งไม่น่าเชื่อคนที่ชาติตระกูลที่นับว่าดี มีคนนับหนาถือตาจะมีกิริยามารยาทเสื่อมทรามแบบนี้ ถ้าจะให้พูดง่ายๆ คือ ลูกสาวของคุณ แค่จะหายใจร่วมกันผมยังไม่อยากทำเลยครับ.. แล้วยิ่งคุณมาตะคอกใส่คุณแม่ของผมซึ่งท่านให้เกียรติคุณในฐานะเพื่อนเก่ามาตลอด ผมก็ยิ่งรังเกียจ..”
ภาสกรพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาจริงจัง แววตาคมมืดดำจนคนมองรู้สึกเสียวสันหลังวาบ คุณหญิงศจีสบตากับแพรวาซึ่งหยุดร้องไห้อย่างอึ้งๆ และพูดไม่ออกหน้าม้านไปด้วยความอับอายที่ถูกต่อว่าตรงๆ โดยไม่ไว้หน้า...
“และหากรู้แบบนี้แล้ว เชิญพากันออกไปจากบ้านผมได้แล้ว ผมไม่ชอบผู้หญิงที่วิ่งไล่ตามผู้ชาย เหมือนชะนีคลั่งกามกระหายการผสมพันธุ์..”
“กรี๊ดดดด คุณแสนพูดแบบนี้กับแพรวาได้ยังไงคะ” แพรวาลุกขึ้นกรีดร้องรู้สึกเจ็บแสบกับคำพูดของภาสกรจนทนไม่ไหว
คุณหญิงศจีตกใจกับท่าทางกรีดร้องโวยวายของลูกสาวคนสวยแม้ว่ากิริยาเช่นนี้นางจะเห็นลูกสาวทำบ่อยๆ และไม่เคยว่ากล่าวตักเตือนเมื่อทำกับสาวใช้ที่บ้าน แต่นอกบ้านและในบ้านคนอื่นยังไม่เคยทำ.. อีกทั้งในบ้านของคนที่อยากจะเกี่ยวดองด้วย นางรีบกระตุกมือลูกสาวเบาๆ ให้รู้สึกตัว แต่แพรวาไม่สนใจการเตือนของมารดา
“คุณแสนขอโทษแพรวาเดี๋ยวนี้นะคะ”
“คุณกับแม่คุณต่างหากที่ต้องขอโทษผม แต่ไม่เป็นไรเพราะคิดอยู่แล้วว่าคนอย่างพวกคุณคิดอะไรแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว เชิญออกไปจากบ้านผมแล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกไม่ว่าในฐานะไหน อีกอย่างเรื่องงานไม่ต้องห่วงผมได้นางแบบคนใหม่แล้ว ส่วนค่าตัวของแพรวานั้นผมจะจ่ายค่าเสียเวลาให้คุณห้าล้านก็แล้วกัน รับก็รับ ไม่รับก็ไม่เป็นไรเพราะแค่เดินไปเดินมาทำหน้าสวยๆ ให้คณะกรรมการเห็นไม่ถึงสามครั้งห้าล้านผมยังว่ามากเกินไปด้วยซ้ำ.. ผมมีเรื่องจะพูดแค่นี้ล่ะ ขอตัวนะครับคุณแม่ คุณพ่อ..”
ภาสกรพูดจบก็เดินจากไปโดยไม่สนใจสีหน้าตื่นตะลึงของสองแม่ลูกที่ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ผมว่านี่ก็ดึกแล้วเราไปพักผ่อนกันเถอะที่รัก..”
คุณลูอิสลุกขึ้นแล้วชักชวนภรรยา คุณปานวาดมีสีหน้าลำบากใจแต่สำหรับคนเป็นสามีแล้วรู้ดีว่าหากปล่อยภรรยาไว้กับสองแม่ลูกนี้ก็ไม่พ้นจะถูกคุณหญิงศจีข่มเอาอีก
“ผมไม่ส่งนะคุณหญิง ไปกันเถอะที่รัก.. ป้านิ่ม ส่งแขกให้ฉันด้วยนะ..” คุณลูอิสเรียกหัวหน้าแม่บ้านมาสั่งงานแล้วประคองภรรยาเดินกลับห้องของตนโดยไม่สนใจสองแม่ลูกจอมวุ่นวายอีก...
คุณหญิงศจีพูดไม่ออกอยากจะกรีดร้องก็ทำไม่ได้เพราะมีสายตาของป้านิ่มและแม่บ้านอีกสามคนยืนมองอยู่เงียบๆ
“คุณแม่คะ แพรวาไม่ยอมนะคะ มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้” แพรวายังคงไม่อยากจะยอมแพ้ เพราะเธอตั้งใจไว้สูงมากกับการจะได้ครอบครองภาสกรยิ่งเห็นว่าอาณาจักรของเขายิ่งใหญ่อลังการแค่ไหนก็ยิ่งอยากได้
“เรากลับไปตั้งหลักก่อนลูก วันนี้ตื้อไปก็เท่านั้น กลับกันเถอะ..” แพรวาหน้างอแต่ก็ขัดมารดาไม่ได้ ได้แต่เดินกระแทกเท้าตามคุณหญิงศจีไป แต่ก็ไม่วายหันมามองหน้าป้านิ่มกับพรรคพวกอย่างไม่เป็นมิตร
“คอยดูนะ ถ้าแพรวาได้เป็นเมียคุณแสนเมื่อไหร่ แพรวาจะไล่อีขี้ข้าพวกนี้ออกให้หมดเลยค่ะคุณแม่ ดูสิคะมันมองเราด้วยสายตาแบบนั้นได้ยังไงเราเป็นใครมันเป็นใคร พวกชั้นต่ำ ยี๊”
แพรวาทำท่าขนลุกขนพองกล่าวหาว่าป้าน้อยกับพวกมองตนด้วยแววตาเหยียดหยัน
“จ้ะลูก เราจะไล่อีพวกนี้ออกไปให้หมด ใครที่อ่อนข้อให้เราค่อยเก็บไว้..” สองแม่ลูกจอมเย่อหยิ่งพูดคุยกันอย่างมีความหวัง
