ตอนที่ 7
ประตูรั้วเหล็กอัลลอยด์เปิดออก รถบีเอ็มสีดำสนิทเหมือนใจของเจ้าของแล่นเข้าเขตรั้วบ้าน ตลอดทางทิวากรคิดวนเรื่องสาวน้อยไม่หยุด เขาไม่ต้องการคู่ชีวิต ตัดไปเสียตอนนี้ยังจะดีกว่า ไม่อยากให้ต้องมาติดพันกับชายมีอดีต สาวสวยหน้าตาน่ามองอย่างเรนิกาคงไม่มีหนุ่มคนใดปฏิเสธ รถจอดเทียบบันไดด้านหน้าทิวากรเปิดประตูลงมาเห็นมารดายืนรออยู่ เลยถอนใจยาวเมื่อรับรู้ได้ว่าวันนี้เป็นอีกวันที่ต้องหูชา ร่างสูงก้าวเท้าคิดจะผ่านมารดาไป
หมับ!
ท่อนแขนถูกจับไว้มั่นด้วยมือผู้ให้กำเนิด แววตาเขียวขุ่นจ้องมองคล้ายไม่พอใจ เมื่อรู้ชะตากรรมร่างสูงจึงเดินตามแรงดึงของมารดาหย่อนก้นลงโซฟาเอนกายพิงท่าทีเหนื่อยหน่าย
“ตาทิวา!”เสียงตวาดดังขึ้น ทิวากรยกมือห้าม
“เรื่องน้องเรนใช่ไหม”พูดขัดขึ้นทันที
“แกก็รู้นี่ตาทิวา ทำไมแกทำอย่างนั้นกับหนูเรน!”น้ำเสียงไม่พอใจ ท่อนแขนบางสองข้างยกกอดอกสายตาจ้องมองบุตรชายเขียวปัด แยกเขี้ยวประหนึ่งจะคำรามได้ตลอดเวลา
“ผมทำอะไร”ย้อนถามน้ำเสียงเรียบนิ่ง สีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ
“ทำไมแกต้องปฏิเสธหนูเรนด้วย หนูเรนทั้งหน้าตาการศึกษา ฐานะ ทุกอย่างดีหมดจะหาใครเพียบพร้อมเท่านี้ไม่มีอีกแล้ว”
ใช่... เขาไม่ปฏิเสธเรนิกาคือผู้หญิงที่เพียบพร้อม หากเป็นเมื่อก่อนเขาอาจพิจารณา แต่ ณ เวลานี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาแค่ต้องการอยู่คนเดียวเท่านั้น ไม่ต้องการใคร
“ผมไม่ต้องการ ผมขออยู่เป็นโสดได้ไหมครับแม่!”น้ำเสียงเจือด้วยความเจ็บปวด ดวงตาเริ่มแดงก่ำแม้พยายามกล้ำกลืนความรู้สึกไว้ในใจ แต่ทุกครั้งที่เอ่ยเรื่องคู่ชีวิตฝันร้ายเหล่านั้นจะย้อนคืนมา จนใจปวดหนึบ
วิรงรองมองบุตรชายด้วยความสงสาร จะมีใครที่สามารถทำให้ลูกผ่านพ้นความเจ็บปวด และฝันร้ายได้บ้าง หัวใจของคนเป็นแม่ร้าวรานไม่ต่างกัน รู้ดีว่าลูกพยายามเข้มแข็งมุ่งเอาแต่เรื่องงานเพราะไม่อยากคิดถึงเรื่องราวในอดีต แต่ยามค่ำคืนบางครั้งยังได้ยินเสียงครวญอย่างปวดร้าวทรมาน
เธอต้องฉุดดึงลูกชายเพียงคนเดียวซึ่งเป็นเสาหลักของตระกูลออกจากฝันร้ายให้ได้ และแน่แก่ใจว่าเรนิกาคือผู้หญิงคนนั้นต่อให้ต้องบังคับหรือใช้สิทธิ์ความเป็นแม่ก็ตาม
“แม่จะให้ลูกหมั้นกับหนูเรน ระหว่างนี้ลูกก็ศึกษานิสัยใจคอหนูเรนซะ!”วิรงรองยืนคำขาด สีหน้าเอาจริง
“ผมไม่หมั้น!”
“แต่แกต้องหมั้น แม่จะจัดงานหมั้นให้แก ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นแม่ก็หมั้นซะตาทิวา!”
“แม่อย่าบังคับผมได้ไหม ผมไม่ได้รักน้องเรนเลย”ชายหนุ่มพยายามอธิบาย เขาไม่ต้องการให้แม่ดึงผู้หญิงอย่างเรนิกามาตกนรกทั้งเป็น
“ไม่ได้! แกต้องหมั้น ถ้าแกไม่หมั้นไม่ต้องเรียกฉันว่าแม่!”เธอเดินหันหลังจากบุตรชายมา หลังจากหมั้นแล้วความสดใสน่ารักของเรนิกาคงช่วยเยียวยาบาดแผลของบุตรชายได้ เธอหวังไว้เช่นนั้น
ทิวากรขบกรามแน่นข่มความเจ็บแน่นในอก ไม่ต้องการ! ชีวิตนี้เขาไม่ต้องการใครทั้งนั้น เรนิกา... เขาได้แต่ภาวนาอย่าได้รับหมั้นเขาเลย เพราะเขาไม่อยากดึงเธอมาทรมาน
รั้วบ้านวิราชย์ ณ บดินทร์มีโอกาสได้ต้อนรับวิรงรองอีกครั้ง พาวินีสั่งสาวใช้ให้มาเสริฟ์กาแฟและของว่างต้อนรับแขก จังหวะนั้นเรนิกาเดินลงมาจากชั้นบนพอดี
“เรนมานี่หน่อยลูก”พาวินีเรียกบุตรสาว เรนิกาเดินมาตามคำสั่งนั่งลงข้างมารดาสีหน้าไม่สู้ดี
วิรงรองเอื้อมจับมือว่าที่ลูกสะใภ้ แววตาทอประกายด้วยความชื่นชม เรนิกาเหมาะกับบุตรชายของตนมากเลยทีเดียว
“หนูเรนอย่าไปถือพี่ทิวาเค้าเลยนะ ช่วงนี้พี่ทิวาทำงานหนักเลยหงุดหงิดง่ายแต่แม่จัดการให้เรียบร้อยแล้วนะ”วิรงรองบอก เรนิกาเหลือบมองมารดาเขาท่าทางขัดเขินเหตุใดถึงได้เรียกตัวเองแทนว่าแม่กับเธอเล่า
“ค่ะคุณอา”
มือบางถูกปล่อยเป็นอิสระ วิรงรองหันไปให้ความสนใจเพื่อนรุ่นเดียวกันต่อ
“พาวันนี้ฉันมีเรื่องสำคัญจะมาปรึกษา หนูเรนอยู่ด้วยก็ดีเลย”
“เรื่องอะไรเหรอ?”สีหน้าแปลกใจ เมื่อเห็นเพื่อนระบายยิ้มออกมา
“ฉันอยากจะขอหมั้นหนูเรนให้ตาทิวาน่ะ”
ดวงตาเรียวเบิกกว้างถ้อยคำที่ได้ยินอยู่นั้นใช่เรื่องจริงหรือเปล่า หมั้นอย่างนั้นหรือ... กับพี่ทิวา ทั้งๆ ที่เขาตั้งท่าเหมือนจะรังเกียจเสียมากกว่าแล้วทำไมอาวิรงรองถึงได้ขอหมั้นเธอ
“จะดีเหรอวิ ทิวาไม่ได้ชอบยัยเรนไม่ใช่เหรอ”คนเป็ฯแม่ออกความเห็น เพราะทิวาไม่มีทีท่าว่าจะชอบบุตรสาวเลยสักนิด
ลมหายใจยาวทอดถอน “ทิวาเป็นคนปากแข็ง ไม่ค่อยยอมรับอะไรหรอก” เธอไม่กล้าเล่าเรื่องในอดีตให้เพื่อนฟัง เพราะคิดว่าพาวินีคงไม่มีวันให้บุตรสาวมาแต่งงานกับลูกชายเธอแน่
“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอวิ ฉันว่าให้สองคนเค้าคบหากันมากกว่านี้ดีกว่าไหม”เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน แล้วบุตรสาวเธอเป็นผู้หญิง
“แค่หมั้นเองพา ไม่ได้จับแต่งงานกันสักหน่อย อย่างน้อยก็อยากจองหนูเรนไว้ก่อน”ปรายสายตามองมาทางเรนิกา หญิงสาวก้มหน้างุดเพราะรู้สึกขัดเขิน
“ฉันน่ะยินดีอยู่แล้วเพราะเป็นลูกชายเธอ แต่ยัยเรนจะเอายังไงไม่รู้เหมือนกัน ฉันคงตามใจลูก” พาวินีหันไปมองบุตรสาวเห็นก้มหน้านิ่งอยู่ “เรนล่ะว่ายังไงลูก จะหมั้นกับพี่เขาไหม”
มือไม้กำลังสั่นความคิดตีกันมั่วไปหมด เธอชอบพี่ทิวานี่คือความจริง แต่พี่ทิวาคิดยังไงนั้นไม่อาจรู้ ท่าทางเขาเหมือนผลักตัวเองให้ออกห่าง ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ใคร จริงๆ แล้วเรื่องที่พี่พสินบอกกับเธอนั้นยังคาใจอยู่ “ทิวาเป็นพวกเด็กมีปัญหาปมมันเยอะ” ปมที่ว่าคืออะไรกันแน่
จะพอมีโอกาสไหมที่เขาจะยอมรับในตัวเธอ บางครั้ง... ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ยึดติดกับเขา หรือเพราะแววตาแสนเศร้านั้น “พรหมลิขิต โชคชะตา”เธอนึกได้สองคำนี้ พี่ทิวาเปรียบเหมือนพรหมลิขิตและโชคชะตาของเธอ ชายหนุ่มมากมายก้าวผ่านเข้ามา ไม่เคยมีใครเรียกความสนใจได้นอกจากเขา จะยอมรับหมั้นดีไหม... หมั้นกับพี่ทิวาแล้วเอาชนะใจเขาให้ได้
“เรนจะหมั้นค่ะ”ตอบรับผู้ใหญ่ไป น้ำเสียงจริงจังจนวิรงรองมองแล้วอมยิ้ม
“แน่ใจแล้วเหรอลูก”พาวินีถามย้ำอีกครั้ง
“ค่ะแม่ หนูจะหมั้นกับพี่ทิวาค่ะ”
“ดีมากเลยจ้ะหนูเรน เป็นอันตกลง เดี๋ยวฉันจะกลับไปจัดการเรื่องฤกษ์ให้แล้วจะโทรมาบอกนะพา”วิรงรองบอกน้ำเสียงตื่นเต้นลุกยืน
“จะกลับแล้วเหรอวิ”หันไปถามเพื่อนสีหน้าสับสน
“กลับแล้วสิ จะรีบไปเตรียมงานหมั้น”
เรนิกายกมือกระพุ่มไหว้เห็นมารดาเดินไปส่งเพื่อนหน้าบ้าน ร่างบางทรุดลงนั่งบนโซฟาราวกับคนหมดแรง
ตัดสินใจถูกหรือเปล่านะที่รับหมั้นไป พี่ทิวาจะคิดยังไงบ้าง
