บทที่๘ ถล่มรังโจรตอนแรก
ในยามเช้าของหมู่บ้านเฟรินนี่พ่อค้าต่างพากันรีบตั้งร้านให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งวันนี้เป็นตลาดนัดประจำสัปดาห์ ถึงตลาดที่หมู่บ้านแห่งนี่จะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินทางมาจากหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อมาซื้อของในตลาด เสียงของผู้คนมากมายพูดกันดังเป็นระลอกในวงตลาด มันเปรียบดั่งนาฬิกาปลุกเพอร์สันดี ๆ นี่เอง เขาตื่นขึ้นมายืดเส้นยืดสายก่อนที่จะสวมชุดเกราะเบาสีดำเทา และตามด้วยเสื้อคลุมสีน้ำตาลเทาและมีฮู้ดคลุมหัว เขาเดินลงมาด้านล่างตรงห้องโถงของโรงเตี้ยม
“อรุณสวัสดิ์ขอรับ” โอ๊คมนุษย์ครึ่งแพะกล่าวพร้อมโค้งคำนับ “เช้านี้ท่านมีอะไรให้ข้ารับใช้หรือไม่”
“เช้านี้มีเมนูอาหารอะไรบ้าง” เพอร์สันถาม ก่อนที่จะนั่งลงบนโต๊ะใกล้ ๆ หน้าเคาร์เตอร์
“มีเนื้อไก่อย่างดีย่างกับสมุนไพรสับละเอียด แล้วก็มีหมูป่าขนแดงที่ลูกของท่านแรมเดสไปล่ามาเมื่อเช้าตรู่ ท่านต้องการแบบไหนหรือขอรับ” โอ๊คถามด้วยถ้อยคำนุ่มนวล
“ข้าเอาอย่างแรกแล้วกัน แล้วก็เบียร์เย็น ๆ สักเหยือก” เพอร์สันสั่ง
“ได้ขอรับ” โอ๊คบอกก่อนที่จะเดินไปรินเบียร์และเอามาให้เพอร์สัน “ส่วนเรื่องอาหารกรุณารอสักครู่” เขาบอกก่อนที่จะเดินเข้าไปในครัวหลังห้องโถง
“อรุณสวัสดิ์ขอรับ เช้านี้ท่านสั่งอะไรทานรึยัง” แรมเดสเจ้าของโรงเตี้ยมถาม เมื่อเดินเข้ามาในโรงเตี้ยมพร้อมกับหิ้วของมาเต็มมือ
“ข้าสั่งแล้ว” เพอร์สันบอก “ดูเหมือนท่านจะไม่มีลูกค้าเลยนะ”
“เดี๋ยวตอนสาย ๆ ก็คงจะทยอยกันมา วันนี้มีตลาดด้วย ลูกค้าจะเยอะเป็นพิเศษ” แรมเดสบอกก่อนที่จะหอบของไปยัดไว้ใต้เคาร์เตอร์
เนื้อไก่อย่างดีย่างกับสมุนไพรสับละเอียดอร่อยอย่างที่เพอร์สันคิด เขากินไปพลางจิบเบียร์ไปพลาง หลังจากที่เขาทานเสร็จและจ่ายค่าอาหารแล้วเขาก็เดินข้ามบึงสีเขียวมรกตไปยังตลาดทันที ระหว่างที่เขาเดินผ่านบ้านมาหลายหลังจู่ ๆ เขาก็สัมผัสถึงสิ่งแปลก ๆ จึงใช้คลื่นเสียงอุลตราโซนิกตรวจดู
“เจ้าเป็นใครถึงสะกดลอยตามข้า!!” เพอร์สันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
“โดนจับได้ซะแล้ว” ชายลึกลับเดินออกมาจากจากซอยแคบของหมู่บ้าน “เจ้าดูแปลกไปจากเดิมนะเพอร์สัน”
“แอรีสงั้นหรอ” เพอร์สันกล่าว “ทำไมเจ้าถึงต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วย และเป็นเจ้าใช่หรือไม่ที่แอบมองข้าตั้งแต่เมื่อคืน” เพอร์สันกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน
“โดนจับได้ตั้งแต่เมื่อคืนเลยรึนี่” แอรีสบอก เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่กำยำ มีผมสีทองยาวแปะบ่า เขาอยู่ชั้นเรียนเดียวกันกับเพอร์สันและยังมีฝีมือที่ยอดเยี่ยมในระดับต้น ๆ ของชั้น “ข้าแค่เห็นท่าทางของเจ้าแปลกไปก็เลยลองแอบตามดู”
“แค่นั้นงั้นหรอ” เพอร์สันเอ่ย พลางใช้สายตาจ้องมองมาที่ดวงตาสีเขียวของแอรีสเหมือนพยายามที่จะอ่านใจเขา “ถ้าจะทำเพียงแค่นั้นก็เลิกซะ! ข้าไม่ชอบให้ใครมาจับผิด” เขาพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว
“โอ้ว! เจ้าชักจะน่ากลัวขึ้นมาแล้วแฮะ ถึงข้าจะไม่ค่อยมาสุงสิงกับเจ้าและไม่ได้รู้จักเจ้าดีนักแต่ข้าก็ดูออกว่าเจ้านั้นเปลี่ยนไป มันทำให้ข้าเกิดสนใจในตัวเจ้าขึ้นมา” แอรีสบอก “ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายสักหน่อย”
“ลาก่อน หวังว่าเจ้าจะไม่สะกดลอยตามข้าอีกนะ” เพอร์สันบอกก่อนเดินจากไป
“บ้าเอ๊ย! หมอนั้นมันเปลี่ยนไปจนน่ากลัวจริง ๆ” แอรีสพูดพึมพำ เขายังจดจำสายตาเมื่อครู่ได้ขึ้นใจ ‘ดวงตาสีแดงแว๊บ ๆ เมื่อกี้นี่มันอะไรกันและไอสังหารนั่นอีก หมอนี่ไปทำอะไรมานะในสองเดือนมานี่’ เขาคิดในใจ
ณ ลานกว้างของหมู่บ้านที่กำลังคึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย เพอร์สันเดินดูของต่าง ๆ ที่พ่อค้านำมาขายมากมาย ก่อนที่จะมาหยุดที่ร้านของขณะพ่อค้าที่เขาร่วมทางมาด้วย
“เพอร์สันนี่! ท่านต้องการซื้ออะไรเป็นพิเศษ” เนลผู้เป็นหัวหน้าพ่อค้ากล่าว “บอกข้ามาเลย ข้าจะลดราคาให้”
เพอร์สันสังเกตเห็นหนังสือหนังปกหนา ขอบและสันหนังสือเป็นสีเงินที่ประดับประดาอย่างสวยงามและตัดกับปกหนังสือที่มีสีน้ำตาลเข้ม มันทำให้หนังสือเล่มนั้นสะดุดตาเขายิ่ง“หนังสือเล่มนั้น!” เขาบอก
“หนังสือเล่มนี้ทำจากหนังหมีรูมที่หายาก เป็นหนังสือเปล่าไว้จดบันทึกสิ่งต่าง ๆ” เนลยิ้ม “ข้าลดเหลือยี่สิบเหรียญเงิน ถ้าท่านสนใจมัน”
“ข้าสนใจมาก” เพอร์สันบอก พรางเปิดดูเนื้อกระดาษข้างใน
หลังจากที่เพอร์สันซื้อหนังสือเล่มนั้น เขาก็เดินไปนั่งที่ม้านั่งแถวบึงน้ำสีเขียวมรกต เขาเลือกนั่งหันหน้าไปฝั่งที่มีทิวทัศน์สวยงาม ก่อนที่จะหยิบหนังสือมาเปิดและนำดินสอขึ้นมาวาดทิวทัศน์ตรงหน้า รูปที่เขาวาดไปเบื้องหน้าทางซ้ายคือสะพานข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง มีเรือสองลำผูกไว้อยู่ฝั่งตรงข้าม และมีบ้านเรือนเป็นภาพพื้นหลังของรูปที่เขาวาด รูปที่เขาวาดออกมานั้นชั่งถ่ายทอดอารมณ์ของสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตของชาวบ้านออกมาได้อย่างดี บนโลกเก่าบางครั้งบางคราวเขามักจะสื่ออารมณ์ที่เขาประทับใจและ ถ่ายทอดออกมามาเป็นภาพวาดไม่ก็เป็นงานประติมากรรมเสมอ
ในเวลาบ่ายของวันในขณะที่เพอร์สันกำลังนั่งดื่มเบียร์เย็น ๆ กลุ่มโจรเมื่อคืนก็ปรากฏเข้ามาในโรงเตี้ยม ดูเหมือนว่าวันนี้พวกมันจะมากันแต่หัววัน พวกมันพากันไปนั่งที่โต๊ะตัวเดียวกับเมื่อคืนนี้ เพอร์สันนั่งจิบเบียร์และคิดไตร่ตรองในแผนการก่อนที่จะจ่ายค่าเบียร์และขึ้นไปเก็บกระเป๋าสัมภาระ หลังจากนั้นก็เดินเอากุญแจไปคืนแรมเดสที่อยู่เคาร์เตอร์
“ท่านจะไปแล้วงั้นรึ” แรมเดสถาม “แต่ที่ท่านจ่ายมันพักได้ถึงพรุ่งนี้นะ”
“ข้าจะรีบไปแล้ว ส่วนค่าห้องที่ข้าจ่ายไปล่วงหน้าท่านเก็บไว้เถอะ” เพอร์สันบอกก่อนที่จะเดินไปที่คอกม้า เขาจูงม้าออกมาที่หน้าโรงเตี้ยมและขี่ม้าออกไป
เขาขี่ม้าไปในที่ลับตาคนแถว ๆ หลังหมู่บ้าน ก่อนที่จะปล่อยคลื่นเสียงอุลตราโซนิกเพื่อตรวจดูว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือไม่ เมื่อรู้ว่าปลอดภัยดีแล้วเขาก็เอาแร่เกล็ดมังกรและเงินใส่ไว้ในกระเป๋าใบเล็กที่พาดอยู่กับเอว เขารีบสวมหมวกเหล็กสีดำเทาที่อยู่ในกระเป๋าสัมภาระเพื่อปกปิดหน้าตา ก่อนจะเอาโล่ประจำตระกูลใส่พาดที่หลังและสวมผ้าคลุมที่เขาซื้อมาใหม่ตอนที่อยู่ตลาดเพื่อบังโล่ไว้ หลังจากที่เอาของมีค่าไว้กับตัวและเตรียมตัวเรียบร้อย เขาก็เอากระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ทิ้งไว้ในพุ่มหญ้า
เขาเอาม้าไปขายให้กับเจ้าของไร่สวนเล็ก ๆ ในหมู่บ้านด้วยราคาแสนถูก ก่อนจะมุ่งหน้ากลับไปที่โรงเตี้ยมอีกครั้ง เขาเดินไปนั่งที่มุมหนึ่งของร้านใกล้ ๆ โต๊ะพวกมัน เวลาร่วงเลยไปถึงค่ำจู่ ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
“นี่แก!!” ชายผิวสีเข้มที่กำลังเมาได้ที่ตะโกนขึ้นเมื่อพนักงานสาวเสิร์ฟทำเบียร์หกใส่โต๊ะ “ก้มลงเลียให้หมดเลยนะยัยบ้า”
ชายสีผิวเข้มใช้มือหนาจับศีรษะพนักงานสาวเสิร์ฟกดลงไปบนโต๊ะเพื่อให้ใช้ลิ้นทำความสะอาด พวกของมันหัวเราะออกมาอย่างชอบใจที่เห็นหญิงสาวใช้ลิ้นทำความสะอาดโต๊ะและมีน้ำตาไหลพรากออกมา โอ๊คมนุษย์ครึ่งแพะที่เป็นพนักงานอีกคน เดินเข้าไปห้ามปรามกับโดนโจรที่มีผ้าปิดตาข้างหนึ่งใช้ดาบฟันเข้าที่คอหอยจนเลือดทะลักออกมาไม่หยุด ทำให้บรรยากาศในร้านตอนแรกมีผู้คนคุยกันเจี๊ยวจ๊าวอย่างสนุกปาก พร้อมจิบเบียร์เลิศรสไปพลางและเสียงดนตรีอันไพเราะต้องเงียบสงัดลง เมื่อได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่และสร้างความแตกตื่นให้ผู้ที่อยู่ในร้าน แอรีสที่นั่งจิบเบียร์อยู่ เมื่อเห็นเหตุการณ์เขาก็ชักดาบคู่เล่มใหญ่ออกจากฝักเตรียมจะลุกขึ้นไปสังหารพวกมัน ทันใดนั้นก็มีชายสวมหมวกเหล็กและชุดเกราะสีดำเทาพร้อมกับสวมเสื้อคลุมสีดำยืนขึ้น
“เจ้าของร้านข้าขอทำร้านสกปรกหน่อยนะ” เพอร์สันบอก ก่อนจะยื่นหนึ่งเหรียญทองใส่มือแรมเดสที่เข้ามามุงดูและยังช็อคในเหตุการณ์เมื่อครู่
เพอร์สันชักมีดใบคมออกมา และขว้างเข้าไปที่ศีรษะชายผิวสีเข้มอย่างรวดเร็วทำให้มีดทะลุศีรษะแนบไปติดกับเสาของร้านดัง “ปั้ก!!”เสียงกรีดร้องของพนักงานสาวเสิร์ฟร้องขึ้น พวกกลุ่มโจรหันไปดูร่างที่ไร้วิญญาณของเพื่อนที่ตายในสภาพที่ศีรษะแนบกับเสาในร้าน สร้างความตกตลึงให้พวกมันและคนที่เห็นเหตุการณ์ พวกโจรเมื่อละสายตาจากพนักงานสาวเสิร์ฟ นางจึงใช้โอกาสนี้รีบวิ่งออกมาจากที่เกิดเหตุ
“คูส!!” เจ้าหน้าเหี้ยมเกรียมที่สุดในกลุ่มตะโกนขึ้น “ไอ้บ้าตัวไหนกันที่กล้ามาหือ!!” เจ้าหน้าเหี้ยมเกรียมรีบดึงดาบออกจากฝัก แต่ก็ไม่ทันการเพราะมันและเจ้าผ้าปิดตาโดนมีดขว้างเข้าใส่อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
ฉึก!! ฉึก!! ฉึก!!
“อึ๋ย” โจรร่างเล็กร้องเสียงหลง เมื่อมันมองร่างของเพื่อนทั้งคู่ล้มลงไปนอนที่พื้น มันรีบหันไปมองเพอร์สันและตะโกนขึ้น “หน๋อยแกบังอาจ!!”
มันปล่อยพลังจิตวิญญาณออกมาและกระชากดาบออกพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาเพอร์สัน เขาเอามือไปคว้ามีดในกระเป๋าที่พาดไว้ข้างเอวแต่ที่สัมผัสได้ในตอนนี้กับมีแต่ความว่างเปล่าของกระเป๋า เขาจึงรีบชักดาบออกมาปัดป้อง เสียงปะทะของดาบดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เพล้ง!! เพล้ง!! เพล้ง!!
ฉัว!! เสียงดาบของเพอร์สันฟันข้อมือข้างที่ถือดาบของโจรจนขาด และเลือดไหลกระเซ็นออกมา จนมันลงไปนอนดาวดิ้นอยู่กับพื้น
“อ๊ากกก! แขนข้า!” โจรร่างเล็กตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เจ้าช่วยพาข้าไปที่กบดานของพวกเจ้าได้ไหม” เพอร์สันถามขึ้น ก่อนใช้เท้าเหยียบไปที่แผลฉกรรจ์ของมัน”
“อ๊ากกกก!!” มันร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด “ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ” มันร้องอ้อนวอนอย่างทรมาน
“ข้าไว้ชีวิตเจ้าแน่ ถ้าพาข้าไปที่กบดานของพวกเจ้า” เพอร์สันพูดขึ้น
“ดะ...ได้ข้าจะพาไป” โจรร่างเล็กพูดเสียงสั่นด้วยความกลัวตาย ในตอนนี้มันทำได้ทุกอย่างเพียงขอให้ตัวเองรอด
เพอร์สันจับคอเสื้อมันดึงขึ้นและนำเชือกมาหมัดตัวและแขนของมันเข้าด้วยกัน พร้อมกับลากมันออกมาจากโรงเตี้ยม แอรีสที่ดูเหตุการณ์เมื่อครู่จ้องมองชายในชุดเกราะสีดำเทาเดินออกไป
“เจ้าเป็นใครกัน ต้องการอะไรจากพวกเรา” โจรร่างเล็กถามขึ้น พร้อมกับกัดฟันไปด้วยเพราะความเจ็บปวดจากเเผลฉกรรจ์
“หุบปาก เจ้าควรจะพูดในสิ่งที่ควรพูดเท่านั้นในตอนนี้” เพอร์สันบอก
เวลาค่ำของวัน โจรร่างเล็กพาเพอร์สันเดินไปทางตะวันออกของหมู่บ้านซึ่งอยู่ไกลจากผู้คนพอสมควรมีบ้านหลังใหญ่ตรงด้านหน้าไกลออกไป โจรร่างเล็กมันชี้บอกเพอร์สันว่าที่กบดานของพวกมันอยู่ที่นั้น ก่อนเขาจะใช้ด้ามดาบทุบเข้าไปที่ท้ายทอยของเจ้าโจรจนสลบไปและลากมันไปที่พุ่มไม้ในป่าข้างทาง
เมื่อเพอร์สันเดินมาถึง เขาเห็นบริเวณบ้านหลังนี้ใหญ่โตกว้างขวางอยู่มากทีเดียว เขาคิดว่าคงมีเนื้อที่รอบ ๆ บ้านประมาณหนึ่งไร่ มีกำแพงหินกั้นอาณาเขตโดยรอบ ลักษณะตัวบ้านทรุดโทรมมากทีเดียว เขาเงยหน้าไปมองหน้าบ้านอยู่ข้างกำแพง หน้าบ้านมีพวกโจรยืนเฝ้าอยู่หลายสิบคน ก่อนเขาจะหันหลังไปมองทางที่เขาเดินผ่านมา
“ออกมาได้แล้วเจ้าสะกดรอยตามข้ามาทำไม” เพอร์สันพูดขึ้น
“ข้าแค่อยากหาอะไรสนุก ๆ ทำ เลยตามเจ้าออกมาจากโรงเตี้ยม” แอรีสกล่าว หลังจากเดินออกมาจากแนวป่าข้างทาง “อีกอย่างก็เพื่อประเดิมดาบคู่เล่มใหม่ที่ข้าซื้อกับพ่อค้าในตลาด”
“มันไม่ใช่โกงการอะไรของเจ้าอย่ามายุ่ง” เพอร์สันบอก ก่อนสบตาเข้ากับนัยตาสีเขียวอย่างไม่สบอารมณ์ ‘บ้าจริง! เราไม่ได้ใช้คลื่นเสียงอุลตราโซนิกตรวจดูให้ดีหลังเดินออกมาจากโรงเตี้ยมซะด้วย และนี่มันครั้งที่สองแล้วนะที่ตามข้ามา หวังว่าเจ้านั้นจะไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร’ เขาคิดในใจ
“พวกแกมาทำอะไรกันที่นี่” โจรคนหนึ่งที่เดินตรวจตาดูสถานการณ์รอบ ๆ กำแพงถามขึ้น
