บทที่๓ กลับบ้าน
เพอร์สันยืนมองหญิงสาวที่กำลังร้องห่มร้องไห้โดยที่กอดร่างอันไร้วิญญาณของเพื่อนไว้ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเข้ารู้สึกสงสารหรือสมเพชนาง ตอนนี้ความรู้สึกของเขานั้นผสมปนเปกันจนไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร
“ถึงข้าจะเป็นคนแปลกหน้า แต่ขอกล่าวอะไรหน่อย ตอนนี้เจ้าคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำได้ก็คือการที่เจ้าต้องกล้าเผชิญกับสิ่งที่เป็นแล้วก้าวผ่านมันไปให้ได้” เพอร์สันกล่าว ก่อนที่แววตาของเขาจะประกายความเศร้าออกมาวูบหนึ่ง “โลกมันก็โหดร้ายแบบนี้แหละ”
โนร่าเอามือปาดน้ำตาแล้วพยายามที่จะไม่ร้องไห้ต่อ “ข้า...ข้าขอขอบคุณท่านมากที่ช่วยเหลือข้าไว้ และยังชี้แนะข้าด้วย” นางกล่าวแต่น้ำเสียงยังคงสั่นเทาอยู่ และหัวใจของนางตอนนี้ยังคงมิอาจรักษาได้
“เจ้าจะกลับไปที่แคว้นฟาร์โอฮายใช่หรือไม่” เพอร์สันถาม
“ใช่ แต่คืนนี้ต้องกลับไปที่หมู่บ้านฮานซึ่งอยู่ใกล้ ๆ นี้ก่อน เพราะเวลานี้มันค่ำมากแล้ว” โนร่ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเศร้าหมอง “แต่ก่อนอื่นข้าคงต้องฝังศพพวกเขาก่อน”
โนร่าทำการฝังศพเพื่อนทั้งสองคนที่ป่าแห่งนี้โดยใช้โล่ของลูคัซขุดดินบริเวณนั้น เพอร์สันยืนพิงต้นไม้ดูนางขุดดินอยู่นาน เขาจึงตัดสินใจไปช่วยขุดเพื่อให้เสร็จเร็วขึ้น ถึงเวลานี้จะมืดค่ำไปแล้วแต่ก็ยังคงมีแสงของดวงจันทร์เปล่งประกายงดงาม ทำให้โนร่ายังคงมองเห็นพื้นที่โดยรอบ ตอนนี้รอบป่านั้นมันเงียบสงัดจนน่ากลัว จะมีแต่เสียงของสองคนกำลังขุดดินบริเวณนั้นดัง 'ฉับ ฉับ'
“ต้องขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าฝังศพของสหาย” โนร่าพูด พลางยกแขนเสื้อขึ้นมาปาดเหงื่อ “ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ท่านนั้นช่างเป็นคนที่มีเมตตายิ่งนัก”
“ข้าไม่ได้มีเมตตาอย่างที่เจ้าคิดหรอก เพียงแต่ข้าไม่รู้ทางกลับแคว้นเท่านั้นเอง” เพอร์สันกล่าวหน้านิ่ง
“เอ๋ ท่านไม่ได้ออกมาจากแคว้นหรอกหรอ” โนร่าสงสัย
“ข้าก็ออกมาจากแคว้นนั้นแหละเพียงแต่ข้าเกิดหลงทางเท่านั้นเอง” เพอร์สันแก้ต่าง ที่จริงก่อนหน้านี้ไม่นานตอนที่เขายังอยู่ที่บ้านหลังเล็กนั่น จู่ ๆ เขาก็เกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง มันรู้สึกเหมือนมีค้อนมาทุบที่หัวก็ไม่ปาน ก่อนที่ความทรงจำของเจ้าของร่างคนก่อนจะหลั่งไหลเข้ามาในสมอง ถึงจะจำเรื่องราวต่าง ๆ ได้แล้ว แต่ที่จำไม่ได้ก็คงเป็นทางกลับนี้ละ
หลังจากที่ฝังศพเสร็จแล้ว เพอร์สันก็เดินไปหยิบเอาดาบของเจ้าออร์คตัวหนึ่งแทนขวานเล่มเก่า เขาหยิบเอามีดสั้นจากพวกมันใส่กระเป๋าเก็บมีด ส่วนอาวุธของแคลร์และลูคัซฝังไปพร้อมกับทั้งคู่ หลังจากนั้นโนร่าและเพอร์สันก็เดินลัดเลาะไปตามแนวป่าเพื่อกลับไปที่หมู่บ้าน ระหว่างการเดินทางทั้งคู่ก็ทำความรู้จักกันไปด้วย เพอร์สันหันมองรอบ ๆ เป็นระยะ ๆ อย่างระมัดระวัง ส่วนโนร่าเองนั้นก็ยังคงตื่นกลัวอยู่บ้างเพราะผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มา หลังจากมาถึงหมู่บ้านโนร่าพาเพอร์สันไปพักที่บ้านไม้หลังเล็ก ๆ ของหญิงชราคนหนึ่ง ที่มีนามว่าจูลี่ นางมีหุ่นท้วมและสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้สองวันโนร่า แคลร์ และลูคัซก็มาพักที่นี่ในระหว่างทำภารกิจ
“เจ้าเจอเรื่องร้าย ๆ มารีบพักผ่อนให้สบายเถิด” จูลี่กล่าวอย่างสงสาร “แคลร์ และลูคัซ พวกเขาเป็นคนดีมากไม่น่าจากไปเร็วอย่างนี้เลย” นางมองโนร่าที่นั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้องและทำหน้าเศร้า แต่ตอนนี้คงพูดอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้จึงเดินออกไปจากห้องโถงเล็ก ๆ ของบ้าน เพื่อให้ทั้งคู่พักผ่อน เพอร์สันทิ้งตัวลงนอนเหยียดกายก่อนจะหันไปมองโนร่าแวบหนึ่งที่อยู่อีกฝั่งของห้อง ก่อนที่เขาจะหันกลับมาและหลับตาลง
เวลาผ่านไปดวงจันทร์ก็เริ่มคล้อยต่ำลงสู่ผืนป่า และมีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ขึ้นมาแทนที่เฉกเช่นทุกวัน มันส่องสว่างจ้าสีส้มงาม แดดอุ่น ๆ ยามเช้าเช่นนี้ถ้าใครได้สัมผัสคงรู้สึกดีไม่น้อย
“ขอบคุณท่านป้ามากที่ให้ที่พักพิง ขอบคุณท่านป้าจริง ๆ” โนร่ากล่าวอย่างยิ้มแย้ม ตอนนี้นางคงทำใจขึ้นมาได้ไม่มากก็น้อย นางจับมือของหญิงชราขึ้นมาก่อนที่จะเอาถุงเงินขนาดเท่ากำมือใส่มือเหี่ยว ๆ “ท่านเก็บไว้ใช้เถอะ ถึงมันจะน้อยไปหน่อยแต่ตอนนี้ข้ามีเพียงเท่านี้ แต่ไม่ต้องห่วงข้าหรอก เดี๋ยวข้าจะกลับไปรายงานภารกิจนี้และรับเงินก้อนใหม่มาใช้”
“ขอบใจเจ้ามาก” จูลี่กล่าวจากใจ ด้วยเงินถุงนี้นางคงสามารถนำไปใช้หนี้หมดได้
“ขอบคุณสำหรับที่พักท่านป้า” เพอร์สันกล่าว “ลาก่อน” เขาพูดสั้น ๆ ก่อนหันหลังและเดินออกไป
“ลาก่อนท่านป้า” โนร่ากล่าวลา
“ขอให้เดินทางปลอดภัย” จูลี่บอก
โนร่าก้มตัวขอบคุณ ก่อนจะรีบเดินตามหลังเพอร์สันไป “ท่านจำเส้นทางได้แล้วรึ ถึงได้เดินออกมาก่อนข้า” นางถาม
“นั้นไงเส้นทางไปแคว้น” เพอร์สันแก้ต่าง พรางชี้นิ้วไปที่ถนนข้างหน้าในระหว่างที่ก้าวเท้าไปด้วย
“ตอนแรกข้าคิดว่าท่านเป็นคนเย็นชากว่านี้ซะอีก ไม่คิดว่าท่านจะมีมุมตลกเช่นนี้” โนร่าบอกพลางยิ้มไปด้วย ก่อนที่จะหยุดก้าวเท้า “นั้นมันเป็นเส้นทางไปหมู่บ้านรีฟต่างหาก ทางขวามือข้าต่างหากที่เป็นเส้นทางไปแคว้น”นางบอกก่อนที่จะหันตัวและเดินไปเส้นทางดังกล่าว
เพอร์สันหยุดชะงักลงทันทีเมื่อได้ยินที่นางพูด เขาเพียงแค่ขี้เกียจยืดเยื้อในการกล่าวลาจึงเดินออกมาก่อน และไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เขาพูดก่อนหน้านี้มันจะทำให้น่าอายเช่นนี้ หรืออาจเป็นเพราะเขามีความทรงจำของเจ้าของร่างคนก่อนก็เป็นได้ ทำให้เขาดูแปลก ๆ ไปจากที่เคยเป็นก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้กล่าวอะไรอีกเลยในระหว่างการเดินทางไปที่แคว้นฟาร์โอฮายเขาได้แต่เดินไปอย่างเงียบ ๆ จนในที่สุดทั้งคู่ก็เดินทางมาถึงแคว้นแห่งนี้ พวกเขาเดินผ่านประตูกำแพงโดยมีพวกทหารคอยยืนมองอยู่ มีทหารคนหนึ่งจ้องมองมาที่เพอร์สันก่อนที่จะทำหน้าตกใจขึ้นมา
“ข้าจะกลับไปที่กิลด์ แล้วท่านเพอร์สันละ” โนร่าถามเมื่อมาถึงทางแยกในตัวแคว้น
“ข้าจะไปกลับไปที่บ้านของข้า” เพอร์สันบอก “ถึงตอนนี้เจ้าก็จะยังคงเดินไปในเส้นทางของนักผจญภัยซินะ”
“ใช่ ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นในการเป็นนักผจญภัยเพื่อแคลร์ เพื่อลูคัซ และเพื่อตัวข้าเอง เพราะมีคนบอกข้าไว้ว่า…..” โนร่าหยุดพูดชั่วขณะและยิ้มออกมา “ต้องกล้าเผชิญกับสิ่งที่เป็นแล้วก้าวผ่านมันไปให้ได้” นางพูดประโยคนั้นก่อนขอตัวไปที่กิลด์
“หลังจากนี้ข้าเองก็คงต้องเผชิญกับสิ่งที่เป็นแล้วก้าวผ่านมันไปให้ได้เช่นกัน” เพอร์สันพูดกับตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มเดินทางกลับไปที่บ้าน
ณ ปราสาทของเจ้าแคว้นฟาร์โอฮาย ซึ่งปกครองโดยขุนนางระดับสูง ลอร์ดอลัน เทรย์เวอร์ เขาเป็นขุนนางและยังเป็นอัศวินมากฝีมือ ตระกูลเทรย์เวอร์นั้นเป็นตระกูลเก่าแก่และยังปกครองแคว้นฟาร์โอฮายมาตั้งแต่ยุคโบราณ ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลเทรย์เวอร์คือค้างคาว ถึงอย่างนั้นแคว้นนี้นั้นก็ยังคงห่างไกลจากแคว้นต่าง ๆ ของอาณาจักรอยู่มากทำให้ค่อนข้างหล้าหลังจากแคว้นอื่น อีกทั้งยังติดกับเขตป่าชายแดนซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมายที่เป็นอันตราย และที่น่าเกรงกลัวก็คงเป็นเผ่าพันธุ์ออร์คและก็อบลิน ซึ่งพักหลัง ๆ มานี่ดูเหมือนมันจะเริ่มมาป้วนเปี้ยนในป่าแถบนี้มากขึ้น ทำให้ทางอาณาจักรส่งทหารมาประจำที่นี้มากขึ้น
“นี่มันก็สองวันแล้วนะ แต่ลูกของเรายังไม่กลับมาเลยนะ” เลดี้จิอันน่า ผู้เป็นภรรยาของลอร์ดอลัน กล่าวออกมาด้วยเสียงอันดัง นางมีเรือนผมสีดำและใบหน้าหวานหยาดเยิ้ม ถึงตอนนี้อายุจะย่างเข้าสามสิบห้าแล้วแต่ก็ยังคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลง “ข้าไม่เห็นท่านจะทำอะไรเลยนะ อีกอย่างแถวป่าเขตชายแดนก็มีข่าวว่าพวกออร์คมาป้วนเปี้ยนแถวนั้นอยู่ ลูกเราต้องหนีไปหลบที่บ้านพักกลางป่าแน่นอน แล้วแบบนี้ท่านยังนิ่งดูดายอยู่ได้ ข้าจะไม่ทนแล้ว ข้าจะพาทหารไปตามลูกกลับมาเอง”เมื่อพูดเสร็จนางก็หันหลังกลับจากห้องทำงานของลอร์ดอลัน
“จิอันน่า เจ้าใจเย็นก่อนได้ไหม” ลอร์ดอลันรีบวิ่งออกมาดักหน้านาง ลอร์ดอลันนั้นมีเรือนผมสีน้ำตาลทอง และอายุสี่สิบแล้วแต่เขาก็ยังคงความสง่างาม “ถ้าเพอร์ยังไม่กลับมาในเย็นนี้ข้าจะให้ทหารไปรับกลับมา” ลอร์ดอลันกล่าว “อีกอย่างเขาอยากหนีการซ้อมดาบไปเอง เขาควรจะตระหนักได้แล้วว่าไม่ควรทำให้ตระกูลเทรย์เวอร์เสื่อมเสีย แค่นั้นมันก็เสื่อมเสียมากแล้ว ข้าไม่คิดเลยว่าการส่งเขาไปสถาบันอัศวินศักสิทธิ์ที่เมืองหลวงจะนำความเสื่อมเสียขนาดนี้มาให้ตระกูล” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่เพอร์เองก็พึ่งปิดเทอมกลับมาที่แคว้น ท่านก็เริ่มทำการฝึกให้กับเขาอย่างหนัก ลูกของเราเลยหนีออกจากบ้านเพราะท่าน” เลดี้จิอันน่ากล่าว
“ก็เพราะเจ้าเลี้ยงมันมาแบบนี้ไง มันถึงได้อ่อนปวกเปียก!! ถ้าเรื่องแค่นั้นมันยังหนี อย่าหวังว่ามันจะได้ปกครองแคว้นนี้!!” ลอร์ดอลันเริ่มขึ้นเสียง ทำให้เลดี้จิอันน่าไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะนางรู้ว่าตอนนี้สามีนั้นโกรธเป็นอย่างมาก ทำให้บรรยากาศในตอนนี้เงียบงันในทันที แต่ไม่นานก็มีทหารเข้ามาทำลายบรรยากาศนั้น
ทหารคนนั้นทำความเคารพ ก่อนที่ลอร์ดอลันจะพยักหน้าให้พูด “ท่านเพอร์สันกลับมาแล้วครับ”
ทางเพอร์สันเองหลังจากที่กลับมาที่ปราสาทเขาก็เดินมองดูรอบปราสาททันที เขาไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาในช่วงที่เหมือนยุคกลางแบบนี้ กลิ่นอายแบบนี้สัมผัสแบบนี้มันทำให้เขานึกถึงวันเก่า ๆ ในช่วงยุคกลางบนโลกเก่า
“มันแปลกตรงที่ว่าทำไมโลกนี้ไม่มีไวน์ให้ดื่มทั้ง ๆ ที่ในยุคกลางของโลกเก่ามันยังมีอยู่แท้ ๆ”เพอร์สันพูดพึมพำ เมื่อเขาเกิดอยากดื่มไวน์ขึ้นมา ที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าแวมไพร์อย่างเขาจะดื่มเพียงแต่เลือด แต่ถ้าเป็นพวกเครื่องดื่มต่าง ๆ เขาก็ดื่มได้อย่างมีรสชาติยกเว้นแต่พวกอาหารที่มีพวกเนื้อต่าง ๆ ที่เขาทานแล้วไร้รสชาติสิ้นดี แต่เมื่อเขามาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มคนนี้เขาสามารถรับรู้รสชาติอาหารได้ ซึ่งเขารู้ตั้งแต่ทานเนื้อหนูย่างก่อนออกจากบ้านของจูลี่
“กล้ากลับมาจนได้นะ เจ้าอย่าคิดนะว่าการที่เจ้าหนีไปแบบนั้น จะสามารถลดการฝึกลงได้” ลอร์ดอลันว่า หลังจากที่เดินลงมาจากบันไดปราสาท
“เพอร์ลูกแม่”เลดี้จิอันน่ากล่าว แล้วเดินเข้ามาสวมกอดลูกชายอย่างเป็นห่วง
“เอ่อ…….” เพอร์สันได้แต่ยืนแข็งทื่อให้ผู้เป็นแม่สวมกอด หลังจากที่เลดี้คลายอ้อมแขนออก ลอร์ดอลันก็เดินเข้ามาใกล้ ๆ และจ้องมองเขาอย่างคาดโทษ แต่เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อแววตาของเพอร์สันดูต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
เพี๊ย!! เสียงฝ่ามือหนาของลอร์อลันฟาดเข้าไปที่ใบหน้าของเพอร์สันอย่างแรง นั้นทำให้เลดี้ตกใจเป็นอย่างมาก
“นี้ยังน้อยไปที่เจ้ากล้าหนีการฝึก!! มันเป็นสิ่งที่เจ้าไม่สมควรจะทำ” ลอร์ดอลันพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังอีกแน่นอนพ่อข้า” เพอร์สันพูดอย่างหนักแน่น ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้แก่ลอร์ดอลันอย่างยิ่ง
“ขอให้ทำได้อย่างที่พูดแล้วกัน” ลอร์ดอลันกล่าวก่อนที่จะเดินกลับไปที่ห้องทำงาน เพื่อกลับไปสะสางงานที่ทำทิ้งไว้
