บทที่๒ สิ่งที่ไม่คาดคิค
ณ แคว้นฟาร์โอฮาย ซึ่งเป็นเขตชายแดนของอาณาจักรวิซลาร์ส มีสาวน้อยคนหนึ่งกำลังเดินทางอย่างรีบเร่งผ่านฝูงชนมากมายที่กำลังออกมาซื้อของ ซึ่งวันนี้ของทุกเดือนจะมีพ่อค้าเร่เดินทางมาจากทั่วสารทิศของอาณาจักร เพื่อนำสินค้ามาขายที่แคว้นแห่งนี้ ทำให้วันนี้ดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีสินค้ามากมายรวมทั้งของหายากมาให้เลือกซื้อ เสียงพ่อค้าแม่ค้าต่างพากันส่งเสียงร้องแข่งกันเพื่อเชิญชวนลูกค้าให้ไปที่ร้านของตน ที่กิลด์ประจำแคว้นแห่งนี้ก็ดูคึกคักไม่แพ้ด้านนอกเลย เพราะมีเหล่านักผจญภัยเดินทางมาที่แคว้นนี้มากมายเช่นกัน บ้างก็มาเพื่อซื้อของหายากในตลาดประจำเดือน บ้างก็มาเพื่อรับงานที่ชายแดนแห่งนี้ ภารกิจที่ชายแดนถึงจะมีระดับกิลด์ต้น ๆ ก็มีความยากและอันตรายไม่ต่างจากระดับกิลด์สูง ๆ เลย เพราะต้องเสี่ยงกับสัตว์อสูรในป่าลึกรวมทั้งเผ่าพันธุ์ดุร้ายอย่างออร์คหรือก็อบลิน เฉลี่ยนักผจญที่ตายในเขตชายแดนอยู่ประมาณร้อยละสิบ ถึงอย่างนั้นในป่าแถบนี้ก็มีของหายากซุกซ่อนอยู่และค่าตอบแทนในภารกิจต่าง ๆ ในแถบนี้ก็สูง ทำให้นักผจญภัยมากมายยอมเสี่ยงเพื่อมัน
กริ่ง! เสียงกระดิ่งหน้ากิลด์ดังขึ้นเมื่อมีคนเปิดประตู
หญิงสาวคนดังกล่าวค่อย ๆ เปิดประตู นางมีเรือนผมสีบรอนทองยาวสลวย และมีใบหน้าอันสดใสเปล่งประกายอย่างงดงาม นางหันมองซ้ายมองขวาเพื่อดูรอบ ๆ ห้องโถง ทั่วห้องโถงนี้จะมีโต๊ะกลม ๆ วางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบทั่วทั้งห้อง ซ้ายมือของนางมีชายกลุ่มหนึ่งประมาณห้าหกคนพากันขับร้องบรรเลงเพลงอย่างสนุกสนาน รอบโต๊ะใบกลมของพวกเขามีอาหารนานาชนิดวางเกลื่อนกาดให้หยิบทาน พวกเขาพากันชนเหยือกเหล้าใบโตก่อนที่จะยกเหยือกเหล้าเข้าปาก มีชายร่างผอมคนหนึ่งในกลุ่มปีนขึ้นไปบนโต๊ะข้าง ๆ และร้องเพลงออกมา ผู้คนโต๊ะข้าง ๆ ต่างพากันส่งเสียงเชียร์ ทางขวาของนางมีเผ่าคนแคระนั่งจับเข่าคุยกันกับมนุษย์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางหันไปสบตาคนแคระคนหนึ่งเข้าก่อนที่เจ้าตัวจะรีบหลบสายตาที่จ้องมา นางเดินไปที่กระดานไม้แผ่นใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าเพื่อรับภารกิจ
“อืม! มีแต่ภารกิจเกินขั้นพลังของเรา ถึงมันจะอยู่ในระดับกิลด์ของเราก็ตาม แต่มันก็เสี่ยงอันตรายเกินไป” นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ กระดานไม้ที่มีแผ่นกระดาษมากมายแปะอยู่
“นี่เจ้าป็นผู้ใช้ธาตุใช่ไหม กำลังมองหาภารกิจอยู่ซินะ สนใจมาทำภารกิจร่วมกับเราไหม” หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดเกราะสีเงินวาววับเอ่ยถาม “ข้ามีนามว่า แคลร์ เป็นนักดาบ ส่วนชายคนนี้มีนามว่า ลูคัซ เป็นนักดาบเช่นเดียวกัน” นางแนะนำชื่อคนที่อยู่ข้าง ๆ
“ข้ามีนามว่า โนร่า เป็นผู้ใช้ธาตุน้ำและลม” นางตอบด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีที่ได้รู้จัก ว่าแต่ระดับกิลด์ของเจ้าอยู่ระดับไหนรึ” ชายหนุ่มที่สวมเกราะหนาสีดำ และมีผมสีน้ำตาลเอ่ยถาม
“ข้าอยู่ระดับเหล็ก ว่าแต่ภารกิจที่เจ้าบอกมันเป็นภารกิจแบบไหนกันรึ” โนร่าถาม อย่างสนใจ
“จริงรึที่เจ้าเป็นกิลด์ระดับเหล็ก! เหมือนกับเราสองคนเลย มาที่เรื่องภารกิจต่อ ภารกิจนี้เป็นภารกิจไม่ยากเท่าไหร่สำหรับระดับเหล็กอย่างพวกเรา เขาให้พวกเราไปกำจัดรังของหนูยักษ์หูยาวที่อยู่ในป่าแถวหมู่บ้านรูฟ ซึ่งหมู่บ้านนี้ติดกับป่าเขตชายแดน พวกมันเข้ามาทำลายพืชผักของชาวบ้านและยังทำร้ายเด็ก ๆ จนบางคนถึงกับเสียชีวิตไปเลย” แคลร์บอกลายละเอียด
“ภารกิจนี้ดู ๆ แล้วรู้สึกว่าจะง่ายกว่าภารกิจอื่นด้วยซิ แถมยังมีเพื่อนร่วมกลุ่มด้วย อะไร ๆ คงจะง่ายขึ้นเยอะ” โนร่าพูดพึมพำ “ข้าตกลงร่วมภารกิจกับพวกเจ้าแล้วกัน” นางตอบ
“เยี่ยม! แบบนี้เราก็มีผู้ใช้ธาตุร่วมกลุ่มแล้ว” ลูคัซเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ลูคัซ และแคลร์ อายุสิบเจ็ดปี มีพลังจิตวิญญาณระดับก่อเกิดขั้นที่ห้า ส่วนโนร่า อายุสิบแปดปี มีพลังผู้ใช้ธาตุระดับก่อเกิดขั้นที่หก พวกเขารู้จักกันมากขึ้นระหว่างที่มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านรูฟ ซึ่งอยู่ห่างจากแคว้นฟาร์โอฮายประมาณสามไมล์ ระหว่างทางมีพ่อค้าหรือชาวบ้านเดินสวนทางเป็นบางครั้งบางคราว ดวงอาทิตย์เริ่มลอยสูงและแผดกล้าขึ้น ช่วงเวลานี้ก็คงจะประมาณบ่าย ๆ ทั้งสามนั่งลงพักใต้ต้นไม้ใหญ่ริมทางเพื่อทานอาหารมื้อกลางวัน หลังจากที่ทานขนมปังและชาร้อน ๆ ทั้งหมดก็ออกเดินทางต่อ หลังจากที่มาถึงหมู่บ้านพวกเขาก็เข้าไปสอบถามชาวบ้านเมื่อรู้แหล่งที่อยู่ของหนูยักษ์หูยาวทั้งหมดก็เตรียมตัวและออกเดินทางเข้าป่า ในที่สุดทั้งสามก็มาถึงรังของมัน ปากทางเข้ารังสูงประมาณหนึ่งเมตรและมันเชื่อมต่อลงเข้าไปในเนื้อดินทำให้ยากต่อการกำจัด
“นั้นไงรังของพวกมัน แต่ว่าพวกมันอาศัยอยู่ในดิน คงต้องเป็นหน้าที่เธอแล้วโนร่า” แคลร์บอก
โนร่าพยักหน้าเหมือนเข้าใจในสิ่งที่แคลร์บอก นางร่ายคาถาน้ำลงไปในรังของพวกมันและตามด้วยคาถาลมและผสานกันจนเกิดเป็นน้ำแข็ง แต่หนูยักษ์หูยาวที่หนีออกมาจากอีกรูหนึ่งพวกมันรวมตัวกันนับสิบตัว ก่อนที่จะมุ่งหน้ามาหาพวกเขา
“คอยซัพพอร์ตให้ด้วยนะโนร่า พวกเราจะเข้าไปปะทะกับพวกมัน” ลูคัซกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน ลูคัซและแคลร์ต่างรุกและรับกับพวกหนูยักษ์หูยาวอย่างดุเดือด ส่วนโนร่าก็ร่ายคาถาเบา ๆ ก่อนจะปล่อยกระสุนน้ำแข็งนับสิบลูกใส่พวกหนูยักษ์หูยาว
ระหว่างที่ลูคัซกำลังต้านเจ้าหนูยักษ์หูยาวที่มีความสูงกว่าหนึ่งเมตร จู่ ๆ ก็มีพวกมันอีกตัวพุ่งเข้ามากัดเขาจากทางด้านข้าง มันกัดทะลุเข้าไปที่เอวของเขาอย่างจัง โนร่ารีบใช้กระสุนน้ำแข็งโจมตีใส่เจ้าตัวนั้นจนมันปล่อยเขี้ยวออกมาก่อนจะตายในที่สุด จังหวะนั้นเองลูคัซก็ผลักเจ้าหนูยักษ์ที่สูงหนึ่งเมตรออกไปและตามด้วยดาบที่ห่อหุ้มพลังจิตวิญญาณฟันจนร่างของมันขาดเป็นสองท่อน ส่วนทางด้านแคลร์มีชั้นเชิงดาบที่ดีทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บเท่าไหร่นัก
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้างลูคัซ” แคลร์เอ่ยถาม หลังจากที่สำรวจรอบ ๆ และแน่ใจว่ากำจัดพวกมันหมดแล้ว
“ข้าบาดเจ็บนิดหน่อยนะ” ลูคัซกล่าวในขณะที่นั่งพิงต้นไม้ใหญ่ในป่า ที่มือกุมบาดแผลและมีเลือดไหล
“เดี๋ยวข้าจะปฐมพยาบาลให้เอง” โนร่ากล่าว ก่อนที่จะหยิบเครื่องมือมารักษา หลังจากที่ทำการรักษาเสร็จ ทั้งหมดก็ทำการถลกหนังและถอนเอาเขี้ยวของพวกหนูยักษ์หูยาวกับไปด้วย เพื่อนำไปขายให้เหล่าพ่อค้าที่รับซื้อ
หลังจากวันนั้นทั้งสามร่วมกันทำภารกิจหนูยักษ์หูยาวแถวหมู่บ้านฮาน ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านรูฟประมาณห้าไมล์ ถึงหมู่บ้านนี้จะอยู่คนละเส้นทางกับหมู่บ้านรูฟแต่ก็ติดป่าเขตชายแดนเหมือนกัน อีกอย่างรังของหนูยักษ์หูยาวจะมีมากกว่าทำให้ทั้งหมดต้องหารังและปราบพวกมันอยู่หลายวัน
“นี่มันก็เย็นแล้ว ข้าว่าพวกเราควรจะกลับไปที่หมู่บ้านก่อนนะ” โนร่ากล่าว เพราะตอนนี้นางรู้สึงถึงรางสังหรที่เป็นอันตราย
“เดินดูอีกหน่อยเถอะ ข้าว่ารังของมันต้องอยู่ใกล้ ๆ นี้แหละ” ลูคัซบอก แคลร์พยักหน้ารับและเห็นด้วยกับลูคัซ ทำให้โนร่าต้องตามไปด้วยแต่นางยังคงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างที่น่ากลัว
จี๊ด!! จี๊ด!!
“นั้นไงเสียงของพวกมัน” ลูคัซกระซิบบอกสองสาว ก่อนที่วิ่งไปหาต้นเสียง
“ลูคัซอย่าพึ่งวิ่งไป” โนร่าร้องบอก แต่ลูคัซนั้นวิ่งไปไกลแล้ว “ข้ารู้สึกไม่ดีเลย พวกเรารีบวิ่งตามเขาไปเถอะ” โนร่าบอกกับแคลร์ ตอนนี้รอบ ๆ ป่าก็เริ่มอบอวลไปด้วยความมืดไปทุกทีบวกกลับบรรยากาศที่แปลกประหลาดและน่ากลัว
เมื่อทั้งคู่ไปถึงก็ต้องเบิกโพลงกว้าง เมื่อพบว่าลูคัซกำลังเว้นระยะห่างจากพวกออร์คสองตัว ที่กำลังทำการกินพวกหนูยักษ์หูยาวอย่างเอร็ดอร่อย
“พวกเราแย่แล้ว!!” แคลร์พูดเสียงสั่น เมื่อต้องมาเจอกับพวกออร์คซึ่งพวกมันไม่ใช่ระดับที่พวกเขาจะสามารจัดการได้เลย เธอนั้นไม่เคยประมือกับพวกมัน แต่ก็สัมผัสได้ถึงพลังที่น่ากลัวและน่าขยะแขยงจากพวกมัน
“ระ…..ระหว่างที่พวกมันกำลังสนใจกับพวกหนู เราควรจะรีบหนีกันนะ” โนร่ากล่าวเสียงสั่น ตอนนี้นางก็หวาดกลัวไม่แพ้แคลร์เลย ลูคัซและแคลร์พยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสามจะค่อย ๆ ถอยออกไป
“พวกเจ้าคิดจะไปไหน!!” ออร์คตัวหนึ่งร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงน่ากลัว “อุตส่าห์มาถึงนี้คิดจะออกไปง่าย ๆ งั้นรึ” มันพูดขณะที่ตาสีแดงกล่ำของมันเบิกโพลงขึ้น ออร์คอีกตัวหันมามองเช่นกันพร้อมกับแสยะเขี้ยวอันแหลมคมและน่ากลัวออกมา
“อย่างนี้ก็คงต้องสู้ให้ถึงที่สุดแล้วละ” ลูคัซกล่าว ตอนนี้หัวใจของเขานั้นเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ “ขอโทษนะที่ข้าวิ่งออกมาจากกลุ่มเมื่อกี้ ไม่งั้นเรื่องคงไม่เป็นแบนี้”
“ลูคัซระวัง!!” แคลร์ตะโกนร้อง เมื่อเห็นว่าพวกมันสองตัวพุ่งมาหาลูคัซ
ลูคัซปล่อยพลังจิตวิญญาณอย่างเต็มที่และปะทะกับพวกมันสองตัว โนร่าเองก็พยายามทำจิตใจให้นิ่งและร่ายคาถา ส่วนแคลร์ในขณะที่จะไปช่วยลูคัซ ออร์คสองตัวที่มาจากทางด้านหลังก็พุ่งไปหาโนร่า แคลร์ผลักโนร่าออกไป ก่อนที่นางจะเอาดาบเข้าปะทะกับขวานเล่มใหญ่ของพวกมัน ส่วนลูคัซเองก็หาจังหวะและใช้ท่าดาบพิฆาตมารฟันแขนข้างที่ถือดาบของมันตัวหนึ่งขาด และพุ่งเข้าไปแทงเจ้าออร์คตัวนั้นจนมิดด้าม แต่ออร์คอีกตัวก็ไม่ปล่อยโอกาสมันเหวี่ยงขวานเล่มใหญ่ตัดเอาหัวของลูคัซอย่างรวดเร็ว หัวของเขาปลิวและกระเด็นมาใกล้ ๆ จุดที่โนร่าล้มลงไป
“กรี๊ดดดดดดด!!” โนร่ากรีดร้องออกมาดังลั่น เมื่อสบตากับหัวของลูคัซที่เบิกโพลงอย่างน่ากลัว นางตัวสั่นและมีน้ำตาไหลซึมออกมา นางพึ่งรู้สึกถึงการกลัวตายอย่างแท้จริงก็วันนี้เอง
เสียงกรีดร้องของโนร่าดึงความสนใจของแคลร์ในขณะที่ตั้งรับการโจมตีจากพวกมันทั้งสองตัว มันตัวหนึ่งจับแขนของนางและบิดจนกระดูกแขนแตกละเอียด นางกรีดร้องอย่างทรมานก่อนที่จะล้มลงไปที่พื้น มันสองตัวกระชากชุดเกราะและเสื้อผ้าของนางออก
“ช่วยข้าด้วยโนร่า ช่วยข้าที” แคลร์พูดขอความช่วยเหลือพร้อมกับเสียงที่สั่นเทาและสิ้นหวัง ก่อนที่จะโดนพวกออร์คข่มขืนอย่างน่าอดสู “ม่ายยยยย….ม่ายยยย อ๊า…..” นางร้องครวญคางไม่เป็นภาษา
ตอนนี้โนร่าเองก็ควบคุมสติตัวเองไม่อยู่นางร้องไห้และตัวสั่น แรงที่จะรุกขึ้นก็แถบไม่มี นางได้แต่จ้องมองดูแคลร์ถูกกระทำชำเราต่อหน้าต่อตา เสียงกรีดร้องของแคลร์ร้องออกมาเหมือนคนเสียสติ
“ข้าต้องไม่ตาย ข้าต้องไม่ตาย” โนร่าพูดออกมาเบา ๆ ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนคนบ้า นางพยายามคลานและรุกขึ้น
“จะไปไหนรึนังหนู!!” ออร์คตัวที่สังหารลูคัซกล่าวเมื่อเดินมาหาโนร่า มันเอามือหนาจับศรีษะนางและดึงเส้นผมสีทองบรอนของนาง มันพูดกระซิบที่หูของนางเบา ๆ “เจ้าสองคนต้องถูกนำไปเป็นแม่พันธุ์ให้เผ่าพันธุ์ของพวกเรา” ทันทีที่มันพูดเสร็จ จู่ ๆ ก็มีเงาของใครบางคนเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว มันเหมือนสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตจึงรีบจับด้ามขวานและหมุนตัวกับไป
ฟับ!!!
เสียงขวานใบใหญ่จามใส่หัวเจ้าออร์คตัวนั้นจนเกิดเสียงอันดัง เลือดสีแดงของมันพุ่งออกมาดั่งน้ำพุ ออร์คสองตัวที่กำลังข่มขืนแคลร์อยู่มันรุกขึ้นและเตรียมอาวุธเข้าโจมตี เพอร์สันนั้นรีบดึงขวานออกจากหัวออร์คตัวนั้นและถีบร่างอันไร้วิญญาณไปหาพวกมันสองตัวที่กำลังวิ่งมา แต่มีตัวหนึ่งล้มลงไปกองที่พื้นพร้อมศพแต่อีกตัวหลบออกมาได้และกระโจนมาหาชายหนุ่ม เขาเองก็ไม่อยู่เฉยรีบขว้างมีดสั้นใส่มันอย่างรวดเร็ว แต่มันเองก็ใช้ขวานสกัดเอาไว้ได้ ในระหว่างที่มันสกัดมีดที่พุ่งมา เขาเองก็ทะยานมาหามันอย่างรวดเร็วและเหวี่ยงขวานตัดหัวมันจนขาดกระเด็น อีกตัวหนึ่งหลังจากที่ดึงศพที่ล้มมาทัพออกไปก็รีบพุ่งมาหาเขาทันที แต่เขาเองก็ใช้ประโยชน์จากร่างที่ไร้หัวกัมบังการโจมตีและพุ่งเข้าปะทะจนมันล้มไปกับศพ เขาทัพร่างของพวกมันและเอาขวานตัดแขนของมันทั้งสองข้าง ก่อนที่เขาจะทำการฝังเขี้ยวเข้าไปที่ต้นคอของมัน หลังจากที่สูบเลือดของมันจนหมดตัว เขาก็เดินมาหาโนร่าทันที
“นี่เจ้าเป็นอะไรไหม” เพอร์สันถามในขณะย่อเข่าลงมาหาหญิงสาวที่กำลังนั่งตัวสั่นอยู่
“ข้า........ข้าไม่รู้” โนร่ากล่าวเสียงสั่น และพูดซ้ำอีกหลายที และเอามือทั้งสองข้างกุมหัวไว้ ถึงนางจะเห็นการต่อสู้เมื่อครู่จบลงไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้นั้นนางยังคงตกเป็นทาสของความกลัวอยู่
“มันจบแล้วตอนนี้ เธอรอดแล้ว” เพอร์สันพยายามพูดปลอบ ในใจเขาหวังว่านางจะให้ข้อมูลอะไรเขาได้บ้าง แต่ดูเหมือนว่านางยังคงช็อคอยู่
เพี๊ย!! เสียงฝ่ามือหนาฟาดไปที่ใบหน้าหญิงสาว
“เจ้าเลิกบ้าได้แล้ว!! ตั้งสติหน่อยซิ” เพอร์สันตะโกนด้วยความโมโห หลังจากที่โดนตบเรียกสติดูเหมือนนางจะได้สติกลับมาแล้ว
“ละ...แล้วเเคลร์เพื่อนข้าละ” นั้นคือสิ่งแรกที่นางพูดเมื่อได้สติ นางหันไปหาแคลร์แต่ก็ต้องเบิกโพลงขึ้น เมื่อเห็นว่าร่างที่ไร้อาภรณ์ของนางได้ตายไปแล้ว โดยมีเศษไม้ชิ้นใหญ่เสียบทะลุท้องของนาง
นางรีบคลานไปหาร่างที่ไร้วิญญาณของแคลร์ นางร้องห่มร้องไห้ในความไร้ประโยชน์ของตนเอง และนางโทษว่าตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้แคลร์ต้องตาย
“นางคงจะหาไม้แถวนี้มาแล้วปิดชีพตัวเอง” เพอร์สันกล่าวเสียงเรียบ
“ข้าขอโทษ…….ข้าขอโทษ ฮือ ๆ” นางร้องครวญคราง และเอามือทั้งสองข้างช้อนร่างของแคลร์ขึ้นมาสวมกอด “ทั้งที่รู้ว่าพวกมันกำลังทำอะไรเจ้า แต่ข้ากับได้แต่นั่งมอง ข้ามันเลวสิ้นดีที่ไม่กล้าแม้แต่จะไปช่วยเจ้า” นางยังคงร้องไห้ออกมา ดวงใจของนางตอนนี้ทั้งปวดร้าวและบอบช้ำ
..........................................................................
ระดับกิลด์
ระดับทองแดง
ระดับเหล็ก
ระดับเงิน
ระดับทอง
ระดับมรกต
ระดับเพชร
ระดับพลีเมี่ยม
ตั้งแต่ระดับมรกตขึ้นไปถือเป็นระดับของเหล่าสุดยอดฝีมือ ซึ่งต้องมีพลังจิตวิญญาณระดับขั้นที่สี่ หรือผู้ใช้ธาตุระดับสี่ขึ้นไปถึงจะสามารถทำภารกิจคลาสนี้ได้ ซึ่งสามคลาสนี้ส่วนมากจะเป็นภารกิจปราบพวกสัตว์อสูรระดับสูง ๆ หรือช่วยเหลือเมืองจากการบุกของพวกสัตว์อสูร
