บทที่ 2
“เดี๋ยวๆ แกจะโดนอีกคน” มาศิตาหมั่นไส้ จึงยกมือทำท่าจะตบปากคนพูด ส่วนโรซี่นั้นได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน นั่นเพราะอยู่ๆ วันนี้มาศิตาก็ให้เธอมาเป็นเพื่อน เพราะจะตรวจร่างกายอย่างละเอียด
“รีบไป เดี๋ยวเขาก็เรียกแกอีกหรอก คราวนี้ดังกว่าเดิมแน่ๆ”
“เออๆ แกก็นั่งรอฉันตรงนี้ดีๆ อย่าใจลอยตามหมอหล่อๆ ไปเชียว” ก่อนไป มาศิตาก็ไม่วายกำชับ
“ไม่ เพราะฉันเล็งบุรุษพยาบาลสุดหล่อตรงนู้นไว้แล้วต่างหาก เห็นมะ…เค้าส่งสายตาหาฉันด้วย” โรซี่ยิ้มเขิน เมื่อหันไปสบตาเข้ากับบุรุษพยาบาลคนที่ว่า
“คุณมาศิตา กระกูลยศยิ่ง เชิญ…”
“อยู่นี่ค่ะคุณพยาบาล” ก่อนที่พยาบาลจะเอ่ยประโยคหลังซ้ำอีก มาศิตาก็รีบเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือบอกพิกัด ก่อนจะหันมาคุยกับ โรซี่
“เดี๋ยวฉันมานะแก” เอ่ยจบก็เดินตามพยาบาลไปยังห้องตรวจหมายเลขสอง โชคดีที่เธอเจาะจงขอหมอที่เป็นผู้หญิง เพราะขืนหมอเป็นผู้ชายละก็ เธอไม่ยอมตรวจเด็ดขาด
แต่ก็ใช่ว่ามาศิตาจะไม่ประหม่า หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วขึ้นนอนรอหมอบนเตียง พร้อมๆ กับท่าขาหยั่ง เธอนั้นทั้งอาย ทั้งกลัว ทั้งเกร็งและประหม่าจนขานี่สั่นพับๆ
หลับตาปี๋ยามที่หมอตรวจร่างกายให้ นี่ถ้าไม่ใช่คำสั่งพิฆาตของพ่อ เธอไม่ยอมทำแบบนี้แน่นอน ยังไงก็ไม่ยอมมมมม...ม่ายยยยย
เสียงร้องโหยหวนของเธอดังอยู่ในใจ กระทั่งได้ยินคำว่าเสร็จแล้วค่ะ เท่านั้นแหละ เธอถึงกับรีบหุบขาเข้าหากันแน่น พร้อมๆ กับเสียงถอนหายใจที่ดังออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะรีบแต่งตัวแล้วออกไปคุยกับหมอสองสามประโยค จากนั้นก็กลับออกไป และค่อยมารับผลตรวจในวันพรุ่งนี้
ทันทีที่เห็นมาศิตา โรซี่ที่ยืนคุยกับบุรุษพยาบาลคนที่หมายตาอยู่ถึงกับจ้ำกลับมาหาเพื่อนแทบไม่ทัน
“หมอว่าไงบ้างแก”
“ไม่ว่าไง พรุ่งนี้ค่อยมารับผลตรวจ”
“แล้วนี่แกเป็นไงบ้าง เสียวๆ อะไร ตรงไหนเป็นพิเศษมั้ย” โรซี่ถามไปยิ้มไป นั่นยิ่งทำให้มาศิตาเขิน รู้สึกวูบๆ วาบๆ ตรงนั้นอย่างบอกไม่ถูก จนต้องตวัดสายตาเคืองๆ มองคนถาม
“แกจะมาถามอะไรฉันเล่า กลับได้แล้ว ไป” เอ่ยจบก็จ้ำอ้าวไปยังลานจอดรถ โดยมีโรซี่เดินยิ้มตามมาติดๆ และพอเข้าไปนั่งในรถได้เท่านั้นแหละ มาศิตาก็ร่ายยาวทันที
“ฉันไม่เข้าใจพ่อจริงๆ ก็แค่งานสอนพิเศษธรรมดาๆ ทำไม๊...ทำไมต้องบังคับให้ฉันมาตรวจร่างกายอย่างละเอียดขนาดนี้ด้วย แถมยังกำชับต้องขอผลตรวจจากแผนกสูติอีก โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย เขินก็เขิน อายก็อาย อยู่ดีไม่ว่าดี ต้องให้หมอมาจับๆ คลำๆ จิ๊มิเนี่ย” มาศิตาเอ่ยสรรพนามจุดซ่อนเร้นของร่างกายได้อย่างน่ารักอยู่ไม่น้อย แต่ต่อให้คำเรียกจะน่ารักขนาดไหน เธอก็ไม่ปลื้มที่ต้องมานอนอ้าซ่าให้คนมาตรวจ แม้คนๆ นั้นจะได้ชื่อว่าเป็นหมอก็เถอะนั่น เพราะมั่นใจว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ไม่รู้ว่าคืนนี้เธอจะนอนหลับลงไหม...ฮือๆ
“เออ…พ่อแกทำยังกับจะส่งแกไปถวายตัวเป็นนางในอย่างนั้นแหละ”
“หรือพ่อคิดจะทำอะไรกับฉันเปล่าวะ” ขณะขับรถอยู่นั้น มาศิตาก็หันมาถามโรซี่ด้วยสีหน้าจริงจัง หวังว่าพ่อคงไม่คิดจะจับเธอคลุมถุงชนแต่งงานกับใครจริงๆ หรอกนะ ไม่งั้นเธอได้ตกนรกทั้งเป็นแน่นอน
“หรือพ่อแก คงคิดว่าแกไม่จิ้นแล้วมั้ง”
“ยัยพจน์” มาศิตาหันมาเอ่ยเรียกชื่อดั้งเดิมของโรซี่เสียงห้วน นั่นทำเอาเจ้าของชื่อหน้ามุ่ย ยกมือขึ้นปิดหูทันที
“อย่ามาเรียกชื่อนี้ ฉันไม่ปลื้ม”
“เหรอจ๊ะ นายประพจน์” ชื่อพจน์ว่าไม่ปลื้มแล้ว เจอมาศิตาเรียกชื่อบนบัตรประชาชนเข้าแบบนี้ โรซี่ก็ยิ่งไม่ปลื้มไปกันใหญ่
“เรียกอีกเดี๋ยวแม่ตบปากเลย ฉันชื่อโรซี่...โรซี่ ยูโนว”
“โนว…นายประพจน์”
“แกนี่ ฉันบอกว่าชื่อโรซี่” เมื่อใช้คำขู่ไม่ได้ผล โรซี่ก็ชักดิ้นชักงอเป็นเด็กๆ เพื่อให้มาศิตาเรียกตัวเองว่าโรซี่อย่างที่ต้องการ
ส่วนคนข้างๆ ได้แต่หัวเราะชอบใจกับท่าทางของเพื่อน ที่ตอนเด็กๆ นั้นมาศิตาคิดเสมอว่าเธอมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายที่ชอบแต่งหญิง เล่นตุ๊กตาเท่านั้นเอง
แต่พอโตมาถึงตอนนี้ ฟ้าถึงกระจ่าง นั่นเพราะได้รู้แน่ชัดว่าเธอมีเพื่อนสาวต่างหาก กิริยาท่าทางของประพจน์หรือตอนนี้ใครต่อใครเรียกว่าโรซี่ เหมือนผู้หญิงไม่มีผิดเพี้ยน ยิ่งผ่านมีดหมอด้วยการผ่าตัดแปลงเพศ เสริมหน้าอก ทำหน้า โดยเฉพาะดั้งมาด้วยแล้วก็ยิ่งเหมือนคูณสอง เหมือนเสียจนผู้หญิงบางคนซึ่งหนึ่งในนั้นคือเธอนี่แหละยังต้องอาย เพราะสวยสู้ไม่ได้
“โรซี่ก็โรซี่อ่ะ เลิกหน้างอคอหักเป็นปลาทูแม่กลองได้แล้วย่ะ หิวข้าว แวะหาอะไรกินกันก่อนกลับได้มะ” คนหิวเอ่ยชวน
“งั้นก็เลี้ยวซ้ายแยกหน้า มีร้านอร่อยๆ อยู่ร้านนึง รับรองแซ่บ”
“พูดแบบนี้ ปลาร้าลอยมาเลย”
“แม่น มีไข่มดแดงด้วยนะแก สนไหม”
“หูย…งั้นรีบๆ ไป น้ำลายสอแล้วเนี่ย” ยิ่งพูดถึงเมนูโปรด มาศิตาก็ยิ่งหิว
“แกนี่สาวกความนัวจริงๆ บอกใคร ใครเขาจะเชื่อว่าหล่อนโตที่เมืองนอกเมืองนามา” โรซี่ส่ายหน้าให้มาศิตา นั่นเพราะเพื่อนคนนี้บินไปเรียนที่แคนาดาตั้งแต่จบประถม พอคว้าปริญญาตรีมาได้ ก็ยังบินไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษมาอีก จากนั้นก็กลับมาช่วยบริหารโรงเรียนอินเตอร์ระดับท็อปของประเทศ ซึ่งลูกศิษย์ของที่นี่มาจากตระกูลดีๆ ทั้งนั้น
เพราะเทคโนโลยีสุดล้ำสมัย ทำให้เธอกับมาศิตายังคงติดต่อกันอยู่เสมอๆ คำว่าเพื่อน แม้จะอยู่ไกลแต่มันก็เชื่อมต่อกันได้
“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อดิ ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” มาศิตาไหวไหล่เบาๆ อีกครั้ง
“ย่ะ” โรซี่เอ่ยรับอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่ทั้งคู่จะหาอะไรอร่อยๆ กินกัน เพราะความหิว ทำให้มาศิตาสั่งอาหารแบบไม่ลืมหูลืมตา กินกันอยู่สองคนแต่กับข้าวบนโต๊ะมีเกือบสิบจาน ทีแรกก็คิดว่าคงกินกันไม่หมดแน่ๆ แต่กลับผิดคาด เพราะกินไปกินมา ทุกอย่างที่มีก็หมดเกลี้ยง
