บท
ตั้งค่า

คุณท่านภาคินทร์ 1.2

ภายในห้องที่ปิดม่านจนไร้แสงสว่างเข้ามาถึง ชายหนุ่มรูปงามดุจเทพเจ้าในนวนิยายสักเรื่องกำลังยืนทอดมองใบหน้าของตัวเองจากในกระจก

เรือนผมสีขาวเงางามที่มิใช่เกิดจากผมหงอกของคนในวัยชราหากแต่เป็นสีขาวธรรมชาติโดยกำเนิด ซึ่งมันกลมกลืนไปกับผิวสีขาวจนเกือบซีดคล้ายผืนหิมะในฤดูหนาว ริมฝีปากเรียวรูปกระจับสีแดงสุกดั่งผลเชร์รี ดวงตาของเขาที่ข้างหนึ่งเป็นสีแดงและข้างหนึ่งปรากฏเป็นสีน้ำตาลธรรมชาติ

ภาคินทร์

ภาคินทร์เป็นครึ่งแวมไพร์ครึ่งมนุษย์เลือดบริสุทธิ์ และเป็นแวมไพร์ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ อันเป็นหนึ่งในแวมไพร์ไม่กี่ตัวบนโลกที่มีเชื้อสายผสม ผสานกันขนาดนี้ นั่นทำให้ภาคินทร์เป็นแวมไพร์ที่พิเศษตนหนึ่งที่ปรากฏตัวอยู่บนโลกและยังมีชีวิตอยู่

เขามีพละกำลังมากกว่าแวมไพร์ทั่วไป สามารถดำรงชีวิตได้ด้วยอาหารของมนุษย์ แต่ต้องรักษาความเป็นอมตะด้วยการดื่มเลือดในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงเดือนละหนึ่งครั้ง

ด้วยใบหน้าที่หล่อและดูดีกว่าคนทั่วไป ในยามที่เขาออกล่า “เหยื่อ” เขาจึงสามารถจัดการเหยื่อเหล่านั้นได้โดยง่าย

แต่เพราะความฝันที่เขาเห็นผู้มีเลือดบริสุทธิ์ มันทำให้เขารู้สึกกระหายเลือดบริสุทธิ์นั่นจนยากจะอดใจไหว

เลือดบริสุทธิ์จากมนุษย์ เป็นสิ่งหายากมาก ๆ สำหรับแวมไพร์ ใน ร้อยปีจะปรากฏขึ้นมาสักคน หรือบางครั้งร้อยปีที่ผ่านไปก็ไม่อาจพบได้เลย

เลือดบริสุทธิ์เกิดจากหลายสาเหตุ

แต่หลัก ๆ ตามความเชื่อบอกเอาไว้ว่าผู้มีเลือดบริสุทธิ์คือบุตรอันเกิดจากการประทานพรของพระเจ้าที่มอบให้แด่ผู้มีบุญ

และทุก ๆ ครั้งที่มนุษย์คนนั้นปรากฏตัวขึ้น แวมไพร์ที่อยู่ใกล้จะเกิดนิมิตพร้อม ๆ กันถึงคนคนนั้น ซึ่งเท่ากับว่าไม่ได้มีเพียงภาคินทร์ที่เห็นและกำลังต้องการมนุษย์นั้น

มันก็หมายความว่าเขาต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อไม่ให้สิ่งที่มีค่าที่สุดในโลกตกไปอยู่ในมือแวมไพร์ตนอื่น

“คุณท่านพักผ่อนนะคะ ดิฉันจะลงไปเตรียมมือเย็นไว้ให้”

“ขอบใจมาก”

ภาคินทร์เปลื้องผ้าจนเหลือเพียงกางเกงผ้าแพรสีดำเพียงตัวเดียวก่อนจะก้าวขึ้นไปนอนบนเตียงไม้สักโบราณอายุหลายร้อยปีแล้วหลับตาลง

เพลงพรเดินมาเลื่อนมุ้งให้คลุมรอบเตียงเพื่อป้องกันแมลง ริ้น ไร

มิให้ไต่ตอมเจ้านายจนเกิดความรำคาญในยามพักผ่อน ก่อนที่เธอจะเดินลงมาจัดเตรียมอาหาร อันเป็นหน้าที่หลักของเธอในแต่ละวัน

ก๊อก ๆ ๆ

“กิ่งแก้ว”

“คะคุณเพลงพร”

เพลงพรเดินมาเคาะประตูบ้านพักของกิ่งแก้วหลังจากไปจัดเตรียมอาหารให้เจ้านายเรียบร้อยแล้ว

“นี่เงินค่าอาหารสัปดาห์นี้ของเธอ สองพันบาท เธอจัดการด้วยตัวเองนะ ครั้งหน้าฉันจะจ่ายให้เธอทุก ๆ วันจันทร์”

“ขอบคุณมากค่ะ”

กิ่งแก้วรับเงินสองพันบาทมาไว้ในมือ ปกติอยู่บ้าน สองพันบาทเธอสามารถใช้กินข้าวได้เป็นเดือน แต่มาอยู่ที่นี่เธอจะมีเงินกินข้าวรวม ๆ เดือนละเกือบหนึ่งหมื่นบาท มันมากมายเหลือเกินสำหรับเด็กสาวบ้านนอกวัย ยี่สิบสามอย่างเธอ

เธอกำเงินในมือเอาไว้จนแน่นแล้วเฝ้าฝันถึงครอบครัวที่กำลังจะสุขสบาย เพียงแค่เธออดทนกับงานนี้ให้ได้เท่านั้น

“วันนี้ขี้เกียจแล้ว สั่งอาหารง่าย ๆ มากินก่อนแล้วกัน”

กิ่งแก้วลองกดหาวิธีการสั่งอาหารออนไลน์จาก Internet แล้วจัดการสั่งอาหารง่าย ๆ มาประทังชีวิตในมื้อแรกของการมาเริ่มงาน และสั่งกับข้าวอีกสองถึงสามอย่างเผื่อไว้สำหรับวันพรุ่งนี้

โชคดีที่ในบ้านอันเป็นที่พักของเธอมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ห้องครัว มันดีกว่าบ้านของเธอที่ต่างจังหวัดเสียอีก

กิ่งแก้วกะเอาไว้ว่าถ้าทุกอย่างมันเข้าที่เข้าทางเธอคงจะเปลี่ยนเป็นซื้อของสด อาหารแห้งมาไว้ใช้ทำกับข้าวกิน ก็น่าจะช่วยเธอประหยัดไปได้อีกหลายบาทและเธอก็จะเหลือเงินมากขึ้น

สำหรับคนที่มาจากครอบครัวยากจนแบบเธอ “เงิน” คือปัจจัยสูงสุดของการดำรงชีวิต

“เอาร้านนี้แล้วกัน”

ไม่นานรายการอาหารที่สั่งก็มีพนักงานกดรับ ระหว่างรออาหารกิ่งแก้วก็จัดการทำความสะอาดบ้านพักของตัวเองเพื่อฆ่าเวลา

Rrrrrr เสียงกริ่งดังขึ้น

กิ่งแก้วจึงรีบละมือจากงานแล้วรีบวิ่งไปที่หน้าบ้าน

“ใครมา!!”

เสียงของเพลงพรดังจากด้านหลัง

“คนส่งอาหารค่ะ พอดีกิ่งสั่งข้าวมาไว้กิน”

เพลงพรหันไปมองที่หน้าประตู ชายแปลกหน้ากำลังเดินวนไปเวียนมา คงรอเจ้าของอาหารออกไปรับ

“คราวหน้าถ้าเธอจะสั่งอาหาร ให้เขามาส่งที่ประตูไม้ด้านข้างฝั่งนู้นเข้าใจไหม คุณท่านไม่ค่อยชอบให้ใครมาเพ่นพ่านหน้ารั้วใหญ่ของบ้านแบบนี้”

“ค่ะคุณเพลงพร”

กริ๊ง!!!!

เสียงกริ่งดังขึ้นในบ้าน นั่นเป็นเหตุให้เพลงพรต้องรีบเข้าไปในบ้านทันที

“คุณท่านมีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ผมได้กลิ่น”

“กลิ่น... กลิ่นของอะไรคะ”

“ใครมาที่หน้าบ้าน”

“คนส่งอาหาร พอดีแม่บ้านสั่งอาหารมากิน แต่ดิฉันแจ้งแล้วว่าครั้งหน้าให้มาส่งทางฝั่งประตูเล็ก”

เพลงพรแจ้งเรื่องทั้งหมดกับภาคินทร์ในทันที ด้วยรู้จักนิสัยของเจ้านายเขาดีว่าไม่ชอบความวุ่นวายอันเกิดจากคนภายนอก แต่เธอก็เข้าใจในตัวแม่บ้านคนใหม่ด้วยเช่นกัน ในส่วนตรงนี้ยังพอประนีประนอมกันได้ไม่ร้ายแรง

เพราะเราต่างก็อยู่ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีไปไกลมาก บางอย่างเกิดขึ้นเพื่อสร้างความสะดวกสบายใจแก่มนุษย์ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ทั้งเธอและภาคินทร์ต้องคอยปรับตัวอยู่ตลอด

“ผมไม่ได้จะตำหนิเรื่องนั้น ผมแค่จะบอกว่ากลิ่นของเลือดบริสุทธิ์มันมาจากคนแปลกหน้าที่มาส่งอาหารคนนั้น”

“ว่าไงนะ!!”

“รีบไปตามหาให้พบ”

“ค่ะ คุณท่าน”

เพลงพรรีบออกจากห้องพักของภาคินทร์ทันที แต่ดูเหมือนจะไม่ทันกาลเมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่างก็พบว่ากิ่งแก้วปิดประตูบานใหญ่และถืออาหารเดินเข้าบ้านพักไปแล้ว

“กิ่งแก้ว”

เพลงพรรีบไปเคาะประตูบ้านเรียกกิ่งแก้วเสียงดังลั่น จนเจ้าตัวตกใจกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิดให้เจ้านายไม่พอใจหรือเปล่า

“ค่ะ... คุณเพลงพรมีอะไรหรือเปล่า”

“คนส่งอาหารเมื่อครู่นี้”

“ค่ะ... ไปแล้วค่ะ ครั้งหน้ากิ่งจะให้มาส่งที่ประตูข้างตามที่คุณเพลงพรสั่งนะคะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel