บท
ตั้งค่า

14 ฉันต้องการให้เรื่องนี้เป็นข่าวดัง!

 

โง่...ซื่อบื่อ...

นี่คงเป็นคำนิยายามของผู้หญิงที่ชื่อเมริษา ใช่...เธอโง่เอง โง่ที่เชื่อใจผู้ชายคนนั้นว่าเขารักและมีแค่เธอคนเดียวมาตลอด เชื่อคำพูดลวงๆมานานหลายเดือนพอมารู้ทีหลังว่าเขาไม่ได้ทำแบบนี้กับเธอแค่คนเดียว

มันเจ็บนะ

เจ็บจนพูดไม่ออก นอนไม่หลับ ทานข้าวไม่ได้ เพราะคิดว่ารักคือสิ่งสวยงามจนลืมคิดไปเลยว่าภายใต้ความสวยงาม...มันอาจมีความอันตรายซ่อนอยู่ 

ตอนนี้เธอคิดถึงเขาอีกแล้ว ต้องทำยังไงถึงจะลบผู้ชายคนนั้นออกไปจากหัวใจได้ ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกันเชียว

“เอ่อ…คุณผู้หญิงจะรับอะไรดีคะ” เสียงพนักงานร้านกาแฟเอ่ยถามหลังจากเห็นลูกค้ายืนนิ่งอยู่หน้าร้านด้วยท่าทางเหม่อลอย และไม่ยอมสั่งสักที

เสียงของพนักงานดึงสติของเมริษากลับคืนมา

“ชาเขียวร้อนหวานน้อยหนึ่งแก้วค่ะ”

“ได้ค่ะ ลูกค้ารอสักครู่นะคะ”

รอไม่นานแก้วชาเขียวร้อนก็มาอยู่ในมือของเธอ และในจังหวะที่เธอกำลังหันหลังกลับเพื่อไปหาที่นั่งเงียบๆเพียงลำพัง จู่ๆก็มีหญิงสาวรายหนึ่งเดินเข้ามาชนกับร่างของเธอเต็มแรง ทำให้แก้วชาเขียวร้อนๆที่อยู่ในมือหกเลอะเนื้อตัวผู้หญิงคนนั้น

“กรี๊ดดด!!! นี่แกเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยหรือไง รู้ไหมว่าชุดนี้ราคาเท่าไหร่” หล่อนหวีดร้องออกมาด้วยความไม่พอใจเมื่อชุดเดรสสีขาวราคาแพงเลอะไปด้วยคราบชาเขียว

“ขะ…ขอโทษค่ะ แต่คุณเดินมาชนฉันเองนะคะ” พอเงยหน้าขึ้น คิ้วโก่งของเมริษาก็ขมวดเข้าหากันทันทีเพราะผู้หญิงคนนี้ก็คือคนที่เคยเห็นอยู่ในห้องกับอีริค

“นึกว่าใคร ที่แท้นังผู้หญิงตกกระป๋องนี่เอง” หล่อนเบ้ปากใส่เมริษาด้วยความสะใจ “มาหาที่ตรอมใจหรอ”

“ไม่เกี่ยวกับเธอ” เมริษาเดินเลี่ยงเพราะไม่อยากมีปัญหากับผู้หญิงของอีริค แค่นี้เธอก็เจ็บเกินทนแล้ว ทำไมต้องมาเจอผู้หญิงคนนี้อีก

“นี่เธอจะไปไหน” หล่อนเดินเข้ามากระชากแขนเสื้อของเมริษา “เธอทำชุดฉันเปื้อน จะรับผิดชอบยังไง”

“ทำไมต้องรับผิดชอบ ในเมื่อฉันไม่ได้ผิด เธอเดินมาชนฉันเอง”

“แล้วฉันจะตั้งใจเดินไปชนเธอทำไม อ้อ! หรือว่าเธอโกรธที่ฉันแย่งผู้ชายของเธอไป”

“เรื่องนั้นฉันไม่ได้โกรธหรอก แต่ฉันขอบคุณเธอมากกว่าที่ทำให้ฉันตาสว่าง เธอกับเขาเหมาะสมกันที่สุดแล้ว” 

“ถ้าไม่เหมาะสมกันจริงๆเขาคงไม่ทิ้งเธอมาหาฉันหรอก”

“งั้นฉันก็ดีใจด้วยละกัน ขอให้คบกันนานๆนะ” เมริษาสะบัดหน้าหนีและกำลังจะเดินออกไปจากตรงนี้ก่อนที่เธอจะหมดความอดทน แต่อีกฝ่ายยังไม่หยุดตามรังควาน กระชากคอเสื้อของเธอกลับคืนมา แต่ครั้งนี้เธอไม่ทน สาดชาเขียวร้อนที่เหลืออยู่ประมาณหนึ่งใส่หน้าของหล่อนทันที

ซ่าาา!!!

“กรี๊ดดด!!!”

“อย่ามายุ่งกับฉันอีก” เมริษาขว้างแก้วชาเขียวทิ้งลงตรงหน้า ก่อนที่ร่างของหล่อนจะทรุดลงบนพื้นด้วยความปวดแสบปวดร้อน ไม่รู้ความบ้าดีเดือดอะไรทำให้เธอกล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน 

“นังบ้า! นี่แกกล้าสาดน้ำร้อนใส่หน้าฉันหรอ ฉันไม่ยอม!!”

และดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะไม่จบลงง่ายๆเพราะหล่อนวิ่งตามร่างของเมริษามาติดๆแล้วจิกผม กดศีรษะลง แต่เมริษาที่ตอนนี้ความอดทนได้หมดลง สู้กลับสุดฤทธิ์

“นี่แกกล้าสู้ฉันหรอ”

“ก็เรื่องนี้ฉันไม่ได้ผิด ทำไมฉันต้องยอมเธอ” เมริษาจิกผมของอีกฝ่ายคืนแล้วเหวี่ยงไปที่กำแพง ผู้คนในละแวกนั้นแตกตื่น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามสักคน

“แกโกรธใช่ไหมที่ฉันแย่งผู้ชายของแกไป”

“ทำไมฉันต้องโกรธที่เสียคนเลวๆแบบนั้นไป เธอต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องรับกรรมต่อ”

“ฉันไม่แคร์หรอกนะ ขอแค่ได้ขึ้นเตียงกับเขา ต่อให้ต้องรับกรรม ฉันก็ยอม!” เมริษาทนฟังอีกฝ่ายพรรณาไม่ไหว เหวี่ยงร่างกระแทกกับขอบโต๊ะจนมือที่จิกผมอยู่หลุดออกไป “โอ้ยยย!!!”

ร่างของหล่อนทรุดลงไปกองอยู่บนพื้นอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด

“ฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้ชายคนนั้นแล้ว เชิญเธอสมสู่กับเขาตามสบาย ถือซะว่าฉันทำทาน!”

เมริษาที่เริ่มอับอายสายตาผู้คนเพราะเธอไม่ควรมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร เพราะเรื่องนี้อาจจะไปรู้ถึงหูบิดาของเธอก็ได้ ดังนั้นต้องรีบออกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด 

แต่ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านหลัง ร่างหนาของอีริคเดินแหวกผู้คนจำนวนนับสิบเข้ามาหยุดยืนอยู่ข้างหลัง

“ไม่น่าเชื่อว่าคุณหนูเมริษาจะใช้กำลังเป็นกับเขาด้วย”

“คุณ!” ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรงด้วยความรู้สึกประหม่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง

“ถือว่าเก่งใช้ได้เลยนะ แต่ขอให้เก่งแบบนี้ตลอดไปก็แล้วกัน” ริมฝีปากของอีริคแสยะยิ้มมุมปาก ไล่สายตาพิจารณาร่างของหญิงสาวที่เข้าไม่ได้นอนกอดตั้งหนึ่งวัน ตั้งแต่หัวจรดเท้า ขอบตาบวมเป่งทั้งสองข้างนั้นคงนอนร้องไห้ทั้งคืนล่ะสิท่า 

“ขอบคุณที่ชม ทีหลังก็ดูแลผู้หญิงของคุณดีๆก็แล้วกัน อาจจะไม่โชคดีแบบนี้อีกก็ได้” เมริษาพยายามไม่สบตากับอีกฝ่าย ส่วนอีริคเอาแต่ใช้สายตาคมจ้องมองจนเธอเองต้องรีบเบือนหน้าหนี

“เอ…แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นข่าวขึ้นมา จะเป็นยังไงนะ”

“นี่คุณ!” เมริษาหันขวับทันทีด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คิดจะทำอะไร”

“ลูกสาวคนเล็กของตระกูลวรโชติเมธีมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งในที่สาธารณะ ถ้าเกิดเป็นข่าวขึ้นมา ใครกันนะจะซวย” อีริคกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าถอดสี “ความจริงฉันเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้นหรอก แต่ว่าเธอทำร้ายผู้หญิงของฉันก่อน ถ้าเกิดเชอรี่เสียโฉมขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ”

“นี่คุณโกรธแค้นอะไรฉันนักหนา ทั้งๆที่คุณเป็นฝ่ายทิ้งฉัน ไล่ฉันออกไปจากชีวิต แต่ทำไมคุณถึงยังตามมาราวีฉันไม่เลิก!” เมริษาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ อยากรู้เหลือเกินว่าเธอไปทำอะไรให้เขาโกรธเกลียดขนาดนั้น 

แค่นี้เธอยังเจ็บไม่พอใจใช่ไหม หรืออยากให้เธอเจ็บปวดจนแทบขาดใจลงตรงนี้ 

“ใครบอกว่าฉันตามมาราวีเธอ ฉันพาเชอรี่ออกมาเดินเล่นต่างหาก ไม่คิดว่าจะเจอเธอ”

“ในเมื่อเราสองคนจบกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก” ดวงตากลมโตสบตากับเขาด้วยแววตาแดงก่ำ เธอไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายคนนี้อีก ไม่อยากรับรู้เรื่องเลวๆที่เขาเคยทำ “…ก่อนที่ฉันจะเกลียดคุณไปมากกว่านี้”

เธอจ้องมองเขาด้วยแววตาโกรธจัดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ร่างสูงยืนอึ้งไปหลายวินาทีเพราะไม่เคยเห็นสายตาแข็งกระด้างแบบนี้

“หวังว่าเราสองคนคงไม่เจอกันอีกนะคะ”

คนตัวเล็กเดินจากไป แต่ทิ้งร่องรอยของความเกลียดชังเอาไว้ เขากระพริบตาปริบๆหยุดใช้ความคิดอยู่แวบหนึ่งกับท่าทีเปลี่ยนไปของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะเมริษาก็มีส่วนที่ทำให้น้องชายของเขาจากไปเช่นกัน

เขารีบยกมือถือโทรหาลูกน้องคนสนิททันที

“ส่งคลิปที่เมริษาทำร้ายเชอรี่ไปให้นักข่าวซะ ฉันต้องการให้เรื่องนี้เป็นข่าวดัง!”

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel