09 เปลี่ยนไป
ทางด้านเมริษาเริ่มกระวนกระวายใจเข้าไปทุกทีเพราะเธอติดต่อแฟนหนุ่มไม่ได้ตั้งแต่เช้าจนตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า
“หายไปไหนนะ” เมริษาโทรย้ำอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะติดต่อได้สักที ตอนนี้เธอเริ่มคิดแล้วว่าจะไปตามแฟนหนุ่มที่คอนโดดีไหมเผื่อเกิดอะไรขึ้นกับเขาจะได้ช่วยทัน
และในจังหวะที่เธอกำลังคิดว่าจะเอายังไงต่อดี ก็มีข้อความจากวาสิตาส่งเข้ามา แต่พอเปิดเข้าไปแล้วเจอภาพนั้น มือถือเครื่องเล็กก็ร่วงหล่นบนพื้นทันที
อีริคอยู่ในผับกับผู้หญิง!
“มะ…ไม่จริง” เธอส่ายหน้าไปมาเหมือนไม่เชื่อสายตาว่าภาพนั้นคืออีริค เขาเคยบอกว่าไม่ชอบดื่มเหล้า ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน แล้วภาพนั้นคืออะไร “พะ…พี่ไม่ได้อยู่ที่นั่น ต้องไม่ใช่พี่แน่นอน พี่ไม่ใช่คนแบบนั้น”
อาจจะเป็นแค่คนหน้าเหมือนก็ได้ เธอเชื่อว่าอีริคไม่ใช่คนแบบนั้น คนบ้างานอย่างเขาไม่มีทางอยู่ในสถานที่แบบนั้นหรอก
ติ้ง!!
ครั้งนี้วาสิตาส่งเป็นวีดิโอมาพร้อมกับซูมเข้าไป แต่พอเห็นสร้อยที่ผู้ชายคนนั้นสวมอยู่ มันคือสร้อยเส้นเดียวกับที่อีริคชอบใส่
“ไม่จริง!!” เธอจับต้นชนปลายไม่ถูก อีริคหายไปทั้งวันแต่ไปโผล่ที่ไนท์คลับ แสดงว่าเขาจงใจปิดมือถือเพื่อไม่ให้เธอติดต่อได้ “พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง”
เธอต้องรู้ให้ได้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม หรือว่าเขาเบื่อที่เธอไม่มีเวลาให้เหมือนแฟนทั่วไป
ใช้เวลาประมาณสามสิบนาทีเมริษาก็มาโผล่ที่หน้าไนท์คลับ เธอก้าวเข้ามาข้างในด้วยสีหน้าโกรธจัด ชุดที่เธอสวมใส่ก็คือชุดลำลองที่ใส่อยู่ในบ้านจนบรรดาลูกค้าที่เข้ามาดื่มสังสรรค์ต่างมองเป็นตาเดียวกัน แต่เธอแทบไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าใครจะมองยังไง ตอนนี้เธออยากเจออีริค อยากรู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ทั้งๆที่เมื่อวานยังบอกอยู่เลยว่าจะพาเธอไปเลี้ยงฉลองหลังสอบเสร็จ เธอจึงเลือกไม่ไปกับกลุ่มเพื่อนเพราะจะรอไปกับแฟน แต่สุดท้ายเข้ากลับเงียบหายไปแล้วมาโผล่อีกทีที่ร้านเหล้า
จะให้เธอรู้สึกยังไง ทั้งๆที่เธอนั่งรอเขามารับทั้งวัน
เธอเดินตรงไปเรื่อยๆตามทางเดินที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆ พิมผกากับวาสิตายังไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่ อยากมาดูให้เห็นกับตาว่าผู้ชายคนนั้นใช่อีริคหรือเปล่า
กึก!
เท้าเล็กหยุกชะงักอยู่ที่หน้าโต๊ะวีไอพีซึ่งมีชายกลุ่มหนึ่งกำลังดื่มเหล้ากันเสียงดังโดยมีผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยคอยบริการอยู่ข้างๆ และหนึ่งในนั้นก็คือแฟนหนุ่มของเธอ!
“พี่อีริค!!” เธอตะโกนท่ามกลางเสียงเพลง แต่เสียงของเธอก็ดังพอที่จะทำให้ทั้งโต๊ะหันมามองเช่นเดียวกับอีริค แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกตกใจเลยแม้แต่น้อยที่เธอมาโผล่ที่นี่
“อ่าว เธอก็มากับเขาด้วยหรอเมริษา”
เมริษาย่นคิวด้วยความแปลกใจกับสรรพนามที่เปลี่ยนไป เพราะปกติเขาไม่เคยเรียกเธอว่าเมริษา
“พี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ไหนพี่เคยบอกเมย์ว่าไม่ชอบมาที่นี่” เธอตะโกนถามแฟนหนุ่ม ร่างทั้งร่างกำลังสั่นเทิ้มไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรือกำลังตกใจที่อีริคโกหกเธอ
หรือว่าที่ผ่านมาเขาโกหกเธอมาตลอด?
“ฉันจะมาที่นี่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ” น้ำเสียงและสายตาของเขาเปลี่ยนไป สายตาว่าเปล่าคู่นั้นเหมือนที่ผ่านมาไม่เคยมีความรู้สึกดีๆกับเธอเลย
“มันเกิดอะไรขึ้น พี่โกรธเมย์เรื่องอะไร บอกเมย์มาสิ!” ริมฝีปากของเมริษากำลังสั่นระริกเมื่อเห็นสายตาหางเหินของแฟนหนุ่ม แค่วันเดียวเท่านั้นทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยหรอ หรือเธอไปทำอะไรให้เขาโกรธขนาดนั้น
“ฉันเบื่อ และฉันก็ขี้เกียจเล่นละครตบตาเธอแล้ว ฉันไม่ใช่พี่อีริคที่แสนดีของเธอหรอกนะเมริษา”
“นะ..นี่พี่พูดอะไร พี่โกรธเมย์ใช่ไหมบอกมาเถอะ ไหนบอกว่าจะพาเมย์ไปเลี้ยงฉลองหลังสอบเสร็จไง รู้ไหมเมย์นั่งรอพี่ทั้งวันเลยนะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอนี่มันโง่จริงๆเมริษา ถ้าฉันจะพาเธอไปเลี้ยงฉลองจริงๆ ทำไมฉันต้องปิดเครื่องตั้งแต่เช้าจนค่ำ เธอมันโง่เอง โง่ที่เชื่อคำพูดของฉัน”
“พะ…พี่อีริค” เมริษาอ้าปากค้าง น้ำตาคลอ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ออกจากปากของอีริค ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ๆถึงทำให้เขาโกรธได้ขนาดนี้ “พี่โกรธเมย์ใช่ไหม บอกมาเถอะ หรือพี่โกรธที่เมย์ไม่เคยพาพี่ไปเปิดตัวกับที่บ้านสักที”
“เรื่องนั้นมันไม่ได้อยู่ในหัวของฉันแล้วล่ะ ในเมื่อเธอพาฉันไปเจอครอบครัวไม่ได้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในชีวิตฉันอีกต่อไป” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเย็นชาราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร
“ถ้าเป็นเรื่องพ่อ เมย์อยากให้พี่เข้าใจนะว่าเมย์ก็อยากพาพี่ไปเปิดตัวกับที่บ้านเหมือนกัน แต่ว่าพ่อเมย์…ฮึก! ท่านยังไม่อนุญาตให้เมย์มีแฟน” ในที่สุดเธอก็บอกความจริงกับเขาไป
ในวินาทีนี้สิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือการเสียอีริคไป
“ดีแล้วที่พ่อไม่อนุญาตให้มีแฟน ผู้หญิงซื่อบื่อๆหน้าโง่อย่างเธอ ไม่มีใครเขาอยากได้หรอก”
“พะ…พี่พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง” น้ำตาไหลพรากลงมาทันที จู่ๆคนที่เคยบอกว่ารัก เคยบอกว่าจะอยู่เคียงข้าง วันนี้กลับเปลี่ยนไป แล้วใครจะไปตั้งตัวทัน
“ยังจะให้ฉันพูดซ้ำอีกหรอ นี่ถือว่าฉันใจดีกับเธอมากแล้วนะ ถ้าเธอยังไม่รีบออกไปจากตรงนี้ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
“ไม่!! เมย์ไม่ไปไหนทั้งนั้น พี่ต้องมาคุยกับเมย์ให้รู้เรื่อง” เมริษาที่ยังไม่ยอมรับความจริง เดินฝ่ากลุ่มผู้หญิงนุ่งน้อยห่มน้อยเข้าไปหาอีริคแล้วกระชากร่างของผู้หญิงคนนึ่งที่นั่งตัวติดหนึบกับแฟนหนุ่มออก และการกระทำนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับอีริคเป็นอย่างมาก
“นี่เธอทำอะไร!!” อีริคทนไม่ไหวที่เมริษาเริ่มอาละวาด ผลักร่างของเธอล้มลงบนพื้น “ถ้ายังไม่ออกไป รับรองว่าฉันทำมากกว่านี้แน่!”
“พี่อีริค ฮึก! เกิดอะไรขึ้นกับพี่ ไม่รักเมย์แล้วหรอ ฮื้อๆๆ”
“ฉันไม่เคยรักเธอ ได้ยินชัดเจนเต็มสองหูหรือยัง หลังจากนี้เป็นต้นไป อย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก” เหมือนสถานการณ์กำลังเลวร้ายขึ้น อีริครู้ตัวว่าไม่ควรมาทะเลาะกันในผับของเพื่อน เขารีบปลีกตัวออกไปจากตรงนี้ทันที แต่เมริษาก็ยังไม่ลดละความพยายาม วิ่งตามเขาออกไปท่ามกลางสายตาแตกตื่นของใครหลายคนที่อยู่ในผับ
“นั่นพี่จะไปไหน กลับมาคุยกับเมย์ก่อน”
“อย่ามายุ่งกับฉัน กลับบ้านไปซะ!”
เมริษายังไม่ยอมแพ้ เธอต้องการคุยกับเขาให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้งงไปหมดแล้ว จู่ๆทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ เธอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหนักหนา
แต่กว่าจะวิ่งมาถึงปรากฏว่าอีริคได้ขึ้นรถและขับออกไปแล้ว ไม่รู้ความบ้าดีเดือดอะไรของเมริษา เธอวิ่งเข้าไปขวางหน้ารถที่กำลังขับมาด้วยความเร็วสูง
ได้แต่คิดในใจว่า...ยังไงเขาก็ไม่กล้าชน เขาไม่มีทางทำร้ายเธอได้หรอกคอหรอก
แต่เธอคิดผิด!
รถหรูคันนั้นกำลังพุ่งมาด้วยความเร็วสูงโดยไม่มีทีท่าว่าจะหักหลบ เมริษาร่ำไห้สะอึกสะอื้นต่อหน้าคนรัก เหมือนอยากทดสอบความสำคัญของตัวเอง
บรื้นน!!!
“เมษา!”
เอี๊ยดด!!
โคร่มมมม!!!
“โอ้ยยย!!”
