07 กลัวจะเสียคุณไป
07 กลัวจะเสียคุณไป
ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ได้ยินเพียงเสียงร้องไห้ดังระงมดังทั่วห้อง ในตอนนี้เมริษาไม่รู้จะปรึกษาเรื่องนี้กับใครดี เธอไม่อยากเล่าปัญหาทั้งหมดภายในบ้านให้แฟนหนุ่มฟังเพราะกลัวว่าเขาจะทิ้งเธอไปอีกคน เธอไม่เหลือใครแล้วจริงๆ
…อีริคคือที่พึ่งทางใจที่สุดท้าย
ตอนนี้เธอคิดถึงอีริคเหลือเกิน ถ้ามีเขาอยู่ข้างๆก็คงดี เธอจึงตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาแฟนหนุ่ม
“พี่อีริคกลับถึงคอนโดหรือยังคะ”
(ครับ พี่เพิ่งถึงเมื่อกี้เลย เสียงดูแปลกๆนะครับ เมย์เป็นอะไรหรือเปล่า)
“เปล่าค่ะ” เมริษาพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ กลัวเขารู้ว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ แต่สุดท้ายปลายสายก็ยังได้ยินอยู่ดี
(นี่เมย์ร้องไห้หรอ ร้องไห้เรื่องอะไรบอกพี่ได้ไหมครับ)
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เมย์แค่…คิดถึงพี่)
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะครับคนเก่ง งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวพี่จะพาไปเที่ยว เผื่อเมย์อารมณ์ดีขึ้น”
เมริษานิ่งไปพักนึ่ง ตอนนี้เธอไม่รู้จะทำยังไงต่อ ถ้าหากอีริครู้ว่าบิดาของเธอเรียกค่าสินสอดถึงร้อยล้าน เขายังจะรักเธออยู่หรือเปล่า เธอไม่อยากตีค่าความรักเป็นเงินเลยด้วยซ้ำ เพราะรักที่เธอให้เขามีค่ามากกว่าเงินร้อยล้านเสียอีก
“ก็ได้ค่ะ แต่เมย์ขออะไรอย่างได้ไหมคะ”
(ว่ามาเลยครับ)
“หลังแต่งงาน…เมย์ขอย้ายไปอยู่กับพี่ได้ไหมคะ”
(ทำไมเมย์พูดแบบนั้นล่ะครับ สามีภรรยาต้องอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว พี่ไม่มีวันปล่อยให้ภรรยาของพี่อยู่คนเดียวหรอก)
“เมย์รักพี่อีริคนะคะ พี่คือโลกทั้งใบของเมย์”
ปลายสายเงียบไปสักพักเหมือนกำลังอึ้งในสิ่งที่หญิงสาวพูด ก่อนที่เขาจะเอ่ยคำตอบออกมา ซึ่งเป็นคำตอบที่ไม่ได้มีความจริงอยู่ในนั้น
“เมย์ก็เป็นโลกทั้งใบของพี่เหมือนกัน”
เมริษานอนยิ้มทั้งน้ำตา ถึงวันนี้บิดาจะใจร้ายกับเธอ แต่อย่างน้อยก็ยังมีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างๆ เขาคือแสงสว่างที่คอยสาดส่องนำทาง ทำให้เธอเข้มแข็งและพร้อมต่อสู่กับสิ่งเลวร้ายที่เข้ามาในชีวิต เธออยากแต่งงาน อยากสร้างความครัวที่แสนอบอุ่นกับเขา อยากทิ้งทุกอย่างแล้วไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน เพราะความรู้สึกผิดที่คิดว่าตนเองเป็นคนทำให้มารดาต้องจากไป ยังตามหลอกหลอนทุกวันทุกคืน
หากไม่มีเธอ พ่อ แม่ และพี่สาวคงได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
“หนูขอโทษนะคะ เป็นเพราะหนูเอง ฮื้อๆๆ เป็นเพราะหนูที่ทำให้แม่ต้องตาย ถ้าไม่มีหนู แม่ก็คงได้อยู่กับครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา ฮรื้ออ…”
หน้างามซบลงบนหมอนหนุนสีขาวที่เปื้อนไปด้วยคราบหน้าตา ปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาด้วยความรู้สึกเสียใจ เอาแต่โทษตัวเองว่าเธอคือคนที่มาพรากความสุขไปจากทุกคน ทำไมกันนะ ทำไมถึงไม่เป็นเธอที่ต้องตาย
ถ้าไม่มีเธอ บ้านทั้งหลังคงมีความสุขกว่านี้
ในขณะที่เมริษากำลังนอนร้องไห้เสียใจอยู่เพียงลำพัง ก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรบางอย่างมาประทบที่หน้าต่าง ทำให้เธอรีบเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมาดู ก็ไม่พบอะไร พบเพียงเศษก้อนหินหล่นอยู่พื้น
“เอ้ะ!” หญิงสาวย่นคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะตอนเข้ามาไม่ได้มีเศษก้อนหินวางอยู่ตรงนั้น
เธอก้าวลงจากเตียงอย่างรวดเร็วและกำลังจะเอื้อมมือไปปิดหน้าต่าง แต่ทันใดนั้นดวงตาบวมเป่งก็ต้องเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นใครบางคนกำลังยืนโบกมือให้
แล้วเขาเข้ามาที่นี่ได้ยังไง!
“พี่อีริค!” เธอตกใจจนทำตัวไม่ถูก กลัวว่าบิดาจะตื่นมาเห็นอีริคแล้วจะเป็นเรื่องใหญ่เข้า เธอรีบวิ่งลงมาจากบ้านแล้วดึงเขาเข้าไปหลบในพุ่มไม้ “พี่มาได้ยังไง”
“พี่แอบปืนรั้วเข้ามาน่ะ” เขาชี้ไปยังรั้วบ้านซึ่งมีรถหรูจอดอยู่ข้างนอก ซึ่งเขาปืนหลังคารถแล้วข้ามรั้วเข้ามาในบ้าน
“ทำไมมาไม่บอก เดี๋ยวมีคนเห็นเข้าพี่จะซวยเอานะคะ”
“พี่แค่เป็นห่วงแฟน” อีริคดึงร่างเล็กเข้ามาสวมกอด พอได้มองหน้างามชัดๆถึงรู้ว่าดวงตากลมโตคู่นั้นบวมเป่งทั้งสองข้าง แสดว่าเมริษาแอบร้องไห้มาจริงๆ “ร้องไห้ทำไม บอกพี่ได้หรือเปล่า”
ความอบอุ่นทางกายบวกกับอ้อมแขนอันแสนคุ้นเคยทำให้เมริษาหลั่งน้ำตาอีกครั้ง คำตอบของเธออยู่ตรงนี้แล้ว อีริคคือคนเดียวทำให้เธอรู้สึกขอบคุณที่ยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
“เมย์แค่มีปัญหานิดหน่อยค่ะ”
“ปัญหาอะไร บอกพี่ได้หรือเปล่า” ตอนนี้เขาเริ่มแปลกใจว่าเมริษามีปัญหาอะไร ก็เห็นเธออยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่โตอย่างมีความสุขดี
แล้วปัญหาที่ว่าคืออะไร?
“เอ่อ…มีปัญหาเรื่องงานนิดหน่อยค่ะ ไม่ได้มีอะไรมากหรอก”
“ถ้าไม่ได้มีอะไรมากทำไมถึงร้องไห้แบบนี้ล่ะ ถ้าเดาไม่ผิด ร้องไห้ตั้งแต่กลับมาเลยใช่ไหม” เขารั้งหน้างามขึ้นมาพรมจูบทั่วใบหน้า นั่นก็ยิ่งทำให้คนตัวเล็กร้องไห้สะอื้นหนักขึ้นเรื่อยๆ
เขารู้ว่าเมริษาไม่ได้ร้องไห้เรื่องงานแน่นอน แต่เธอยังมีบางเรื่องที่ยังไม่กล้าบอกเขา
แต่คิดไปคิดมา เธอเองก็ดูมีความลับกับเขาอยู่ตลอดเวลา พอถามถึงเรื่องที่บ้านก็มักจะเลี่ยงไม่ค่อยอยากตอบ ทั้งๆที่เขาคบกับเธอมาเกือบครึ่งปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่เคยพาเขามาเปิดตัวกับที่บ้านสักที
เมริษากำลังมีความลับ
“เมย์ขอโทษค่ะ เมย์คิดมากเอง” เธอผละออกจากอ้อมกอดอันแสนอบอุ่น ส่วนอีริคโน้มตัวลงมาใช้นิ้วใหญ่เกลี่ยหยาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างแสนอ่อนโยน และการกระทำนี้ทำให้หญิงสาวลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
ยิ่งเขาดีกับเธอมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่อยากให้เขารู้ว่าบิดากำลังเรียกร้องอะไร เธอรู้ว่าบริษัทกำลังมีปัญหา แต่เธอไม่อยากเอาปัญหานี้ไปทิ้งที่อีริค เขาไม่ควรรับรู้เรื่องนี้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา
เธออยากคบกับเขาโดยไม่มีปัญหาจากคนรอบข้างเพราะกลัวว่าถ้าวันนึ่งเขาต้องมาแบกรับภาระในบริษัท เขาอาจจะทนไม่ไหวแล้วทิ้งเธอไป
“ไม่ต้องคิดมากนะครับ พี่อยู่ตรงนี้ข้างๆเมย์เสมอ” เขาคว้ามือเล็กขึ้นมากุมที่หน้าอกข้างซ้ายเพื่อยืนยันว่าเขาจะอยู่ตรงนี้ ข้างๆเธอ
“ขอบคุณนะคะที่มาหาเมย์ ตอนนี้เมย์ดีขึ้นแล้ว” เมริษาเผยรอยยิ้มจนเห็นเขี้ยวเล็กๆ แค่เห็นหน้าเขาก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ “ฝนใกล้จะตกแล้ว เมย์ว่าพี่รีบกลับคอนโดเถอะค่ะ”
“พี่นอนค้างที่นี่ไม่ได้หรอ”
“มะ…ไม่ได้ค่ะ ผู้ชายมานอนค้างบ้านผู้หญิงมันดูไม่งามนะคะ”
“ดูไม่งามตรงไหน เราเป็นแฟนกันแล้วนะ”
“มันก็ใช่ แต่รอให้เมย์พร้อมก่อนนะคะ ตอนนี้เราสองคนอยู่แบบนี้กันไปก่อน” เธอยกมือใหญ่ขึ้นมาแนบแก้มแสดงถึงความรัก
ทางด้านอีริคพยักหน้ารับเบาๆเพราะไม่อยากคะยั้นคะยออีกฝ่ายมากเกินไป ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ได้กะจะแต่งงานกับเธอจริงๆอยู่แล้ว
“ก็ได้ครับ ถ้างั้นเมย์กลับไปนอนนะ นอนดึกเดี๋ยวจะไม่สบายเอา เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับนะครับ”
“ค่ะ เมย์รักพี่นะคะ” เธอสวมกอดเขาอีกครั้งก่อนร่ำลา “ขับรถกลับดีๆนะคะ”
“ได้เลยครับคนสวยของพี่” เขาจุมพิตหน้าผากนูนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะปีนรั้วกลับออกไปโดยมีเมริษาคอยดูต้นทางให้
และเมื่อเขาขับรถออกไป เมริษาก็รีบก้าวออกมาจากพุ่มไม้ก่อนจะวิ่งเข้าบ้านไป
ด้านอีริคที่ขับรถผ่านรั้วคฤหาสน์ไปได้สักพัก เขาก็หยุดรถจอดข้างทาง มือใหญ่เคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะพร้อมกับครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมริษา รู้สึกว่าเธอดูมีความลับอยู่ตลอดเวลา
“ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าเธอปิดบังอะไรฉันอยู่”
แต่แทนที่อีริคจะขับรถกลับคอนโดตามที่พูดไว้ เขากลับเปลี่ยนเส้นทางขับไปที่ไนท์คลับหรูแทนโดยที่เมริษาไม่เคยรับรู้ เพราะไว้ใจคิดว่าแฟนหนุ่มไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง
นั่นไง ลับหลังน้องแอบไปเถลไถล
ทำมากี่ครั้งแล้วเนี่ย
ทำเหมือนห่วงน้อง รักน้อง ที่จริงแค่ให้ความหวังไปเรื่อย!
เมนต์เค้าหน่อย
