ตอนที่ 3
หลังจากที่แพทริกเดินออกจากบ้านพร้อมกับปิดประตูด้วยลูกบิดที่ห้อยต่องแต่งเท่าที่พอจะปิดได้ ฟานนิสก็เดินไปทรุดนั่งที่เก้าอี้หวายเอนกายพิงพนักอย่างสบายอารมณ์มองร่างเล็กที่กำลังยืนส่งสายตาอาฆาตเจือด้วยความหวาดระแวงมาให้เขา วิลันดาเลือกที่จะถอยหลังจนไปติดผนังบ้านเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
“ตกลงว่าไอ้ฮอลการ์มันเป็นพี่ชายเธออย่างนั้นใช่มั้ย” ฟานนิสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบริมฝีปากยกยิ้มน้อยๆ...ใครจะคิดล่ะว่าหญิงสาวที่เขาสะดุดตาถึงขนาดแค่เจอกันครั้งเดียวเมื่อสองวันก่อนก็เก็บไปฝันจะมายืนอยู่ตรงหน้า เสียแต่ว่าเธอดันมาเป็นน้องสาวของไอ้คนใจกล้าที่บังอาจมาล้วงคองูเห่าอย่างเขานี่สิ...
“พี่ชายฉันไม่มีทางใจกล้าถึงขนาดวางระเบิดใครได้...พวกคุณต้องเข้าใจผิดแน่ๆ”
แทนคำตอบ หญิงสาวเอ่ยเถียงในข้อกล่าวหาที่พี่ชายเธอถูกกล่าวมาแต่ต้น วิลันดาไม่รู้หรอกว่าบุรุษหน้าตาหล่อเหลาคมคายนี้เป็นใคร เพราะที่บ้านไม่มีโทรทัศน์ มีแต่วิทยุเครื่องเล็กสำหรับฟังเพลงแค่เครื่องเดียวเท่านั้น แต่การเปลี่ยนสรรพนามจาก ‘แก’ เป็น ‘คุณ’ ก็น่าจะดีกว่า
“เข้าใจผิดหรือ แล้วที่ฉันเห็นในภาพวงจรปิดของพิพิธภัณฑ์ ไหนจะที่ลานจอดรถของอาคารอีกล่ะ ถ้ายังไม่เชื่อ ฉันมีหลักฐาน” ร่างสูงลุกขึ้นก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็เข้ามาประชิดตัวหญิงสาว มือข้างหนึ่งยันกำแพงไว้ ใช้ลำตัวบึกบึนของตัวเองกักกันร่างเล็กให้ตกอยู่ในอ้อมกอด ส่วนมืออีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋าใต้เสื้อสูท หยิบภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดมายื่นให้เธอดู แล้ววิลันดาก็ถึงกับอึ้งเมื่อหลักฐานที่เขายื่นมาให้เป็นภาพของพี่ชายเธอแบบเต็มๆ หน้า ตาเรียวหวานเหลือบมองสบสายตาคมกล้าสีฟ้าน้ำทะเลแวบหนึ่งสลับกับภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดพูดอะไรไม่ออก “เห็นชัดอย่างนี้แล้ว เธอจะบอกได้หรือยังว่าไอ้ฮอลการ์มันอยู่ไหน”
“ไม่ ฉันไม่รู้ว่าพี่ก้าอยู่ไหน” เสียงใสปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะเธอไม่รู้จริงๆ แต่ถึงรู้เธอก็ไม่มีวันบอก ผู้ชายตรงหน้าดูมีอำนาจพร้อมจะทำลายคนเป็นๆ ให้ดับคามือ แล้วเรื่องอะไรเธอจะยอมบอกเขาล่ะว่าฮอลการ์อยู่ไหน
“ปากแข็งจริงๆ นะ ดี แล้วเรามาดูกันว่าเธอจะปากแข็งปกป้องพี่ชายชั่วๆ ไปได้สักกี่น้ำ” ฟานนิสไม่ใช่แค่พูดขู่แต่เขาก้มลงบดริมฝีปากหยักลึกเข้ากับปากเรียวอิ่มที่พยายามเม้มสนิทพร้อมกับสองมือที่ทุบตีเขาอย่างขัดขืน เขาไม่เชื่อ หรอกว่าคนเป็นน้องจะไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองอยู่ที่ไหน พี่น้องกันมันก็ต้องปกป้องกันอยู่ดี และเขาอยากจะรู้นักว่าเธอจะทนต่อฤทธิ์จูบของเขาไปได้สักกี่น้ำ
วิลันดาตัวสั่นด้วยความโกรธ หญิงสาวพยายามให้แรงทั้งหมดที่มีต่อสู้ขัดขืน ทั้งจิกทั้งข่วน เบี่ยงหน้าหลบก็แล้วแต่ริมฝีปากร้อนก็ยังตามมาประกบให้รู้สึกขยะแขยง ครั้นพอจังหวะที่เขายอมถอนจูบเธอก็ฟาดฝ่ามือใส่ใบหน้าคมนั้นจนปรากฏรอยนิ้วมือทั้งห้านิ้ว ตาเรียวชิงชังสบกับตาสีฟ้าวาวโรจน์ของเขา ก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อเขาดันเธอไปชิดกับผนังห้องพร้อมกับโถมตัวเข้าใส่
“ชอบความรุนแรงก็ไม่บอก แต่อย่าเพิ่งดีกว่า ฉันยังไม่อยากออกกำลังตอนนี้ เรามาเล่นเกมวัดใจกันดีกว่าว่าเธอจะทนได้สักแค่ไหน บอกมาว่าพี่ชายเธออยู่ไหน” ไม่พูดเปล่า มือหนาเริ่มทำการ ‘วัดใจ’ ของเธอด้วยการแกะกระดุมเสื้อชุดนอนของเธอทีละเม็ด ในขณะที่คนตัวเล็กเริ่มตัวสั่นมากขึ้นด้วยความกลัวแต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือด้วยการปฏิเสธเสียงแข็ง
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้...”
“ดี...” กระดุมเม็ดที่สองถูกปลดออก พร้อมกับตาสีฟ้าเป็นประกายพราวระยิบขึ้น เพียงแค่กระดุมสองเม็ดที่ถูกปลดกลับทำให้เขาถึงกับใจสั่นอย่างประหลาดเมื่อสายตาแลเห็นโนมเนื้อที่อัดแน่นอยู่ใต้เสื้อในตัวจิ๋ว ฟานนิสกระชากสาบเสื้อที่ปกปิดเนื้อขาวยวนตานั้นออกเผยให้เห็นไหล่เนียนขาวน่าสัมผัสจนอดไม่ได้ต้องพามือไปลูบไล้ที่หัวไหล่เบาๆ
”ปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อย“ วิลันดาสะดุ้งผลักเขาออกพร้อมกับมือบางที่ชูหราขึ้นกลางอากาศเตรียมฟาดไปที่ใบหน้าเขาอีกคราทว่าคราวนี้ข้อมือน้อยกลับถูกมือหนารวบไว้ และพาไปไพล่ที่หลังพร้อมกับออกแรงดึงให้ร่างเล็กนั้นเข้ามาบดเบียดกับแผงอกกว้างของตัวเองมากขึ้น
“ฉันขอเตือนเธอไว้ก่อนนะว่าอย่าบังอาจมาตบหน้าฉันเป็นครั้งที่สอง เพราะเธออาจจะไม่โชคดีเหมือนครั้งแรกฉันไม่ใช่ประเภทตบจูบ เพราะถ้าถูกตบเมื่อไหร่...ปล้ำอย่างเดียว!” คำขู่กร้าวนั้นทำเอาวิลันดาถึงกับกัดฟันกรอด จ้องตาสีฟ้าอย่างเคียดแค้นชิงชัง เธอรู้สึกเกลียดผู้ชายตรงหน้านี้เข้าไส้ ขนาดว่าบอกได้คำเดียวคือ ถ้าพี่ชายเธอวางระเบิดใส่เขาจริงๆ เธอก็ไม่โกรธแล้ว ณ ตอนนี้ แต่สิ่งที่น่าเจ็บใจกว่าคือ เธอไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เพราะนอกว่าตัวเองจะถูกล็อกไว้แล้ว เธอยังเกรงว่าเขาจะทำอย่างที่ขู่นั้นขึ้นมา ซึ่งเธอจะไม่มีวันยอมให้สิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตต้องสูญเสียไปเพราะผู้ชายป่าเถื่อนตรงหน้าเด็ดขาด
“ป่าเถื่อนที่สุด”
“ไม่ใช่แค่ป่าเถื่อนนะ ทั้งดิบทั้งเถื่อนเลยล่ะ ถ้าเธอยังไม่ยอมบอกที่ซ่อนของพี่ชายเธอ เราคงได้มาพิสูจน์ความดิบเถื่อนของฉันกัน ฉันเองก็ชักสนใจเธอขึ้นมาแล้วสิ หึๆ”
เสียงเค้นหัวเราะนั้นชวนขนลุกและขยะแขยงในความรู้สึกของวิลันดา หญิงสาวพยายามสะบัดตัวออกจากการกอดกุมแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเขายิ่งรัดเธอแน่นขึ้น และดูเหมือนจะยิ่งชอบใจเพราะยิ่งเธอพยายามดิ้น เรือนร่างเล็กนั้นก็ยิ่งเสียดสีกับแผงอกกำยำใต้เสื้อเชิ้ตของเขามากขึ้น และเขาก็สามารถมองเห็นเนื้อขาวยวนตาของเธอได้แบบเต็มๆ
