บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

กระท่อมหลังน้อยตั้งอยู่ใจกลางสวนทิวลิปเล็กๆ ภายในชานเมืองยามค่ำ หญิงสาวร่างเล็กมองไปที่บานประตูซึ่งกำลังบังเกิดเสียงเคาะดังขึ้นเป็นระยะๆ บางครั้งเสียงดังไม่ต่างกับทุบ บางครั้งดังถี่รัวเหมือนผู้มาเยือนกำลังระบายความโกรธ ถ้าเป็นในยามปกติ เธอจะไม่ลังเลที่จะเปิดไปต้อนรับ แต่นี่ในยามวิกาลแถมบ้านเธอก็ร้างผู้มาเยี่ยมเยียนนานแล้วนับตั้งแต่บิดาจากไป ก็ราวๆ สิบห้าสิบหกปีได้ แต่อะไรก็ไม่เท่าเมื่อเธอแง้มผ้าม่านเปิดดูตรงหน้าต่างแล้วเห็นผู้มาเยือนเป็นเหล่าบุรุษประมาณสี่ห้าคนเดินกันขวักไขว่รอบบ้านเธอ ไหนจะมีรถหรูสองคันจอดอยู่ไม่ห่าง ที่สำคัญคนพวกนั้นมีปืน

หลังจากวางสายจากฮอลการ์ วิลันดาก็ทำตามคำสั่งของพี่ชาย หญิงสาวเดินไปคว้าไม้เบสบอลในตะกร้าหวายซึ่งประดับไว้ข้างผนังมาเป็นอาวุธติดมือและเดินกลับเข้าห้องตัวเองมาสงบสติอารมณ์ระงับความกลัวที่ก่อเกิดในใจในแบบที่เกิดมายี่สิบสี่ปียังไม่เคยหวั่นกลัวอะไรเท่านี้มาก่อน เพราะชีวิตของเธอที่ผ่านมาเรียกได้ว่าผ่านการผจญภัยต่อสู้เพื่อปากท้องมานักต่อนัก ความหวาดกลัวในใจจึงไม่ค่อยเกิดขึ้น แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน...ผู้ชายกลุ่มหนึ่งกับปืน ในขณะที่เธอมีแค่ไม้เบสบอล...

แต่แล้วร่างบางก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูถูกสะเดาะออก หรือจะเรียกง่ายๆ คือ ถูกพัง ตามด้วยเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในบ้าน

“หาให้ทั่ว” เสียงห้าวเข้มสั่งในขณะที่วิลันดาซึ่งยืนตัวสั่นอยู่ในห้องนอนมองประตูที่กำลังถูกคนข้างนอกบิดลูกบิดไปมาอย่างแรง ใจดวงน้อยเต้นโครมครามกระชับไม้เบสบอลในมือแน่น...

“ล็อก...เอาไง” เสียงห้าวนั้นห้วนสั้นอย่างหงุดหงิด แต่เสียงห้าวอีกเสียงที่ตอบกลับมาดุดันยิ่งกว่าว่า

“พังเข้าไป หาตัวมันให้เจอ ลากตัวมันไปให้นายให้ได้” จบคำสั่งเสียงกระสุนนัดหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมกับลูกบิดที่หลุดกระเด็น วิลันดาพาร่างตัวเองมอบลงกับพื้นและคลานเข้าไปใต้เตียงนอนอย่างรวดเร็ว ตาเรียวหวานไหวระริกอย่างหวาดหวั่นเมื่อเห็นรองเท้าหนังสีดำเดินย่ำไปย่ำมารอบห้อง หญิงสาวนับคำนวณจากรองเท้าที่เห็นก็พอรู้ว่าผู้ชายที่บุกเข้ามาในบ้านเธอมีด้วยกันสองคน ถ้าเธออาศัยจังหวะตอนที่พวกมันเผลอแล้ววิ่งหนีออกจากบ้านก็คงทัน ดีร้ายเธอก็คงหนีไปหลบอยู่ในสวนทิวลิปหลังบ้านหรือถ้าโชคช่วยเธออาจจะวิ่งไปที่สถานสงเคราะห์ ‘โรสเตอร์โฮม’ ที่อยู่บริเวณสี่แยกห่างจากบ้านเธอไม่ไกลมากนัก

เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะหนี ร่างเล็กจึงค่อยๆ คลานออกมาจากใต้เตียงอย่างระมัดระวังและตั้งท่าจะวิ่งไปที่ประตูห้องซึ่งเปิดอ้าอยู่โดยอาศัยจังหวะที่บุรุษแปลกหน้าพวกนั้นเผลอ แต่ช้าไปเสียแล้วเมื่อหนึ่งในสองนั้นหันมาเห็นเธอเข้าพอดี

“กรี๊ด!/เฮ้ย!” เสียงร้องอย่างตกใจดังขึ้นพร้อมกับไม้เบสบอลที่ฟาดเข้าใส่ร่างสูงใหญ่บึกบึนที่พยายามเดินเข้ามาหาตัวไม่ยั้งจนคนตัวสูงร้องเสียงหลงต้องถอยไปตั้งหลักในขณะที่เพื่อนร่วมทีมอีกคนจะเดินเข้ามาช่วยแต่ก็ถูกไม้เบสบอลฟาดใส่เข้าที่ขมับอย่างจังจนมีเลือดซึมออกมา

วิลันดาไม่สนหรอกว่าผู้ชายพวกนั้นกำลังร้องบอกอะไรกับเธอ หญิงสาวหลับหูหลับตาฟาดไม้เบสบอลใส่ไม่ยั้งมือด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด และเตรียมจะหนีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายน่วมไปแล้วพอสมควรโดยไม่ได้เอะใจเลยว่าทำไมผู้ชายตัวใหญ่ถึงสู้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอไม่ได้

หญิงสาวถือไม้เบสบอลวิ่งไปที่ประตูบ้านเพื่อจะหนีไปยังสวนทิวลิป ทว่าร่างแบบบางก็ชนเข้ากับร่างหนึ่งอย่างแรงจนเธอเซถอยก่อนจะอ้าปากค้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่ายังมีบุรุษแปลกหน้าอีกสองคนกำลังมองเธอด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา

“ถอยไปนะไอ้เลว” เสียงใสตวาดลั่นพร้อมกับฟาดไม้เบสบอลใส่คนตัวสูงในชุดสูทสีเข้มทันที แต่ดูเหมือนชายหนุ่มก็ไวเหมือนกันจึงยกมือจับข้อมือของเธอและบิดเล็กน้อยให้เธอเจ็บและทิ้งไม้เบสบอลในมือลงพื้น ปากก็ร้องเสียงดังลั่น “พวกแกเป็นใคร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้ปล่อย”

แม้จะมีความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ แต่เลือดนักสู้ในกายก็ไม่ทำให้เธอกลัวจนตั้งสติไม่อยู่ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับ สักแต่มองหน้าเธอและขมวดคิ้ว จึงอาศัยทีเผลอก้มหน้าลงเตรียมจะฝังเขี้ยวฟันแหลมๆ ที่มือของชายหนุ่มแต่เขาก็ไวอีกเช่นกันจึงรีบบิดฝ่ามือให้เธอหันหลังและรวบเข้ามากอดไว้แน่นจนแผ่นหลังเล็กเบียดเข้ากับแผงอกกว้างในชุดสูทอย่างจัง มือหนารวบสองมือบางไว้แน่น ยิ่งเธอดิ้นก็ยิ่งรัด

“ปล่อยฉันนะ พวกแกต้องการอะไร บ้านเมืองมีขื่อมีแป ไม่ใช่ที่ที่พวกแกจะมาทำอะไรตามอำเภอใจได้นะ” วิลันดาพยายามดิ้นสุดกำลังจนเหนื่อยหอบแต่ดูเหมือนคนที่กอดเธอไว้จะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ ซ้ำยังตะโกนสั่งลูกน้องอีกสองคนที่พากันเดินออกมาจากห้องเธอ คนหนึ่งกุมศีรษะที่มีเลือดไหลซึมหน้าเหยเก

“ลีโอ พาแดรีลไปทำแผลที่คลินิกหรือโรงพยาบาลไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุด ถ้าเขาถามก็บอกไปว่าโดนเมียตีหัวแตกเพราะจับได้ว่ามีกิ๊ก” คำพูดนี้หากอยู่ในสถานการณ์ปกติพวกลูกน้องคงได้ฮาครืนในความมีอารมณ์ขันของเจ้านายแต่เวลานี้ เห็นทีจะตลกไม่ออก เมื่อแดรีลยังเลือดไหลไม่หยุดซ้ำยามเมื่อเดินผ่านวิลันดาที่เจ้านายล็อกตัวไว้ แดรีลก็ยังอดเหลือบตามองไม่ได้ด้วยคิดว่า ดีที่ฟานนิสผู้เป็นเจ้านายมักคอยเตือนเสมอว่าไม่ให้ทำร้ายผู้หญิง ไม่อย่างนั้นแม่สาวน้อยคนนี้คงได้เจ็บตัวบ้างล่ะ

“ส่วนเธอ หยุดดิ้นแล้วตอบคำถามฉัน” เมื่อเห็นว่าลีโอพาแดรีลออกไปแล้ว เสียงห้าวก็หันมาออกคำสั่งกับหญิงสาวในอ้อมกอด “ไอ้ฮอลการ์มันอยู่ไหน”

“ฮอลการ์” วิลันดาครางชื่อพี่ชายออกมาแล้วก็นึกรู้จุดประสงค์ที่ไอ้พวกยักษ์ใหญ่นี้บุกมาบ้านเธอ พี่ชายเธอคงไปก่อเรื่องอะไรไว้ แต่ความอยากปกป้องพี่ทำให้เธอโกหกออกไป “ใคร ฉันไม่รู้จัก พวกแกมาผิดบ้านแล้ว” คำตอบที่ได้ทำให้ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม ปล่อยเธอเป็นอิสระพร้อมกับจับเธอหันมาสบตาตรงๆ และว่า

“ถ้าไม่รู้จัก แล้วเธอมาอยู่ในบ้านของมันได้ยังไง บอกมาว่าไอ้ฮอลการ์มันอยู่ไหน ถ้าไม่อยากเดือดร้อนไปพร้อมกับมัน” ฟานนิสขู่พร้อมกับย่างสามขุมเข้ามาหาคนตัวเล็กที่ก้าวถอยหลังอย่างหวาดหวั่น ตาเรียวกวาดมองไปยังผู้ชายร่างยักษ์อีกคนซึ่งยืนขวางประตูทางออกอยู่...หมดทางหนีแล้ว

“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้จัก บ้านนี้เป็นบ้านฉัน” วิลันดายังเสียงแข็ง ตั้งแต่เด็กจนโตเธอเชื่อเสมอว่าการยืนกระต่ายขาเดียวมันทำให้เธออยู่รอดปลอดภัย

“ดี...แพทริก แกให้ใครก็ได้หาข้อมูลใหม่ว่าไอ้ฮอลการ์คนที่มันกล้าวางระเบิดพิพิธภัณฑ์หอศิลป์ของฉันมันอยู่ที่ไหนกันแน่”

“ครับนาย”

“อะไรนะ! พี่ก้าวางระเบิด เป็นไปไม่ได้ พี่ชายฉันไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่!” ความตกใจกับสิ่งที่ได้ยินทำให้วิลันดาหลุดปากยอมรับออกมาโดยไม่ตั้งใจ แล้วเธอก็ได้รับรู้ว่าสิ่งที่ปฏิเสธยืนกระต่ายขาเดียวมาตั้งแต่ต้นนั้นสูญเปล่าเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปและนั่นทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าเธอเกิดแสงสว่างวาบหนึ่งในดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลคู่นั้น ริมฝีปากหยักลึกกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะสั่งลูกน้องให้ออกไปคอยข้างนอกบ้าน

“แพทริก แกไปรอฉันข้างนอกก่อน ฉันมีเรื่องจะคุยกับแม่สาวน้อยนี่ตามลำพัง!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel