ตอนที่ 1
กระท่อมไม้เล็กๆ เก่าคร่ำคร่าที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ มันเก่าจนไม่น่าเชื่อว่าจะมาตั้งอยู่ใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัมได้ แต่ก็นั่นแหละ...กลางเมืองแต่บ้านเก่าแสนเก่าก็เป็นสถานที่ที่ใครคิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีชายหนุ่มคนหนึ่งใช้มันเพื่อหลบซ่อนตัว
ฮอลการ์ ดาวิดส์ อยู่ที่นี่มาสองวันแล้ว อาศัยกระท่อมพุพังนี้เป็นที่กำบังกายจากเหล่าคนที่ตามล่าเขา ใบหน้าซีดเผือดพาเอานัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีผ้าม่านฝุ่นจับหนาเตอะผูกมัดไว้ เพื่อมองความเคลื่อนไหวภายนอกถนนที่พลุกพล่านไปด้วยรถจักรยานและรถยนต์แล่นไปมา สักพักก็เดินกลับมานั่งจับเจ่าอยู่ที่เตียงเหล็กหลังเล็กมุมหนึ่งพร้อมกับถอนหายใจหนักๆ...รอดมาได้อีกวัน...
ร่างสูงเอนกายนอนลงบนเตียงจนฐานเตียงเหล็กนั้นดังเอี๊ยดอ๊าดปล่อยสมองคิดไปถึงสาเหตุที่ทำให้เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนอยู่อย่างนี้ จะกลับบ้านก็กลับไม่ได้เพราะเกรงว่าจะมีหูตาของใครบางคนคอยจับจ้องเล่นงานเขาอยู่
เมื่อหลายอาทิตย์ก่อนนี้เองที่เขาได้รับการจ้างวานให้ทำภารกิจสำคัญ มีเงินก้อนโตเป็นเดิมพัน เงินก้อนโตที่มากพอจะใช้หนี้สิน ไถ่ถอนบ้านและสวนดอกไม้เล็กๆ ของบิดามารดาผู้ล่วงลับมาคืนให้น้องสาว ที่สู้อุตส่าห์เอามันไปจำนองเอาเงินมาให้เขาใช้หนี้กาสิโน และภารกิจสำคัญนั้นก็คือ...นำกล่องใบย่อมไปวางที่อาคารพาณิชย์เดอร์แคมป์!
งานง่ายๆ แค่นำกล่องไปวางตามจุดที่กำหนดโดยเขาหารู้ไม่ว่าในนั้นคือวัตถุระเบิด ในวันปฏิบัติงาน เขาจัดการนำกล่องไปวางทิ้งไว้สองจุดตามคำสั่งของผู้ว่าจ้าง...จุดแรกคือหลังกระถางต้นไม้หน้าพิพิธภัณฑ์หอศิลป์ซึ่งกำลังจัดงานประมูลภาพวาด ส่วนอีกจุดคือลานจอดรถโดยมีตำแหน่งอยู่ที่...จุดจอดรถของท่านผู้บริหารอย่าง ฟานนิส เวย์ เดอร์แคมป์
แต่พอเขาปฏิบัติภารกิจสำเร็จและเตรียมจะไปรับค่าตอบแทนก้อนโต สิ่งที่เขาแอบได้ยินโดยไม่ได้ตั้งใจก็ทำให้เขาต้องหนีการตามล่ามาจนถึงบัดนี้คือ
“ถ้าไอ้หมอนั่นเอาระเบิดไปวางเรียบร้อยแล้วก็จัดการเก็บมันซะ ก่อนที่ไอ้ฟานนิสจะจับตัวมันได้จนสาวมาถึงฉัน เข้าใจมั้ย”
เสียงผู้ว่าจ้างสั่งกับลูกน้องหน้าโหดของมัน หลังจากนั้นลูกน้องของมันก็เริ่มตระเวนตามล่าเขาไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็ไม่รอดพ้นเงื้อมมือพวกมัน ดีเท่าไหร่แล้วที่พวกมันไม่รู้ว่าเขามีบ้านอยู่ชานเมืองซ้ำยังมีน้องสาวอยู่อีกหนึ่งคน ไม่อย่างนั้นล่ะก็...
ฮอลการ์ยกมือกุมใบหน้าตัวเองอย่างวิตกจริตคิดไปต่างๆ นานา ความหวาดกลัวแทรกซึมอยู่ทุกอณู ทั้งกลัวตายและกลัวว่าพวกมันจะไปรังควานน้องสาว...ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ เขาไม่น่าโลภเห็นแก่เงินก้อนโตจนทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้ เป็นแค่นักต้มตุ๋นพวกสาวแก่แม่ม่ายเหมือนเดิมยังจะดีเสียกว่า
“นี่ถ้าพรุ่งนี้ไม่กลับบ้าน ยัยดาด้าต้องสงสัยแน่ๆ” เสียงห้าวพึมพำออกมาอย่างกังวล ‘ดาด้า’ หรือ ‘วิลันดา’ น้องสาวเพียงคนเดียวของเขา ทั้งคู่เกิดและโตอยู่ในครอบครัวเล็กๆ แสนอบอุ่นที่ชานเมืองอัมสเตอร์ดัม แต่โชคร้ายที่บิดาเสียชีวิตไปตั้งแต่พวกเขายังเด็ก มีเพียงมารดาชาวไทยที่คอยเลี้ยงดูพวกเขามา จนกระทั่งท่านได้เดินทางตามบิดาไปเมื่อหลายปีก่อนทิ้งเขากับน้องให้ต่อสู้ชีวิตตามลำพัง วิลันดาต้องทำงานเพื่อส่งเสียตัวเองเรียน แต่เพราะเธอมีพี่ชายแย่ๆ อย่างเขา จึงต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยมาทำงานหาเงินเพื่อช่วยเขาใช้หนี้บ่อนกาสิโนจนสุดท้ายต้องยอมเอาบ้านกับสวนดอกไม้ไปจำนองเพื่อนำเงินมาให้เขา
จากนักเลงพนันเขาจึงผันตัวเองมาเป็นนักต้มตุ๋นบริการสวาทให้แก่สาวแก่แม่ม่ายที่ยังมีความต้องการอยู่อย่างล้นเหลือและปอกลอกเอาเงินมาส่งดอกเบี้ยให้ธนาคารเพื่อไม่ให้บ้านและสวนดอกไม้นั้นถูกยึด และที่สำคัญ วิลันดาไม่รู้ว่าเขาทำงานอะไร ทุกครั้งที่เธอถามเขาจะแค่ตอบว่าไปทำงานรับจ้างปกติทั่วไป...ทว่าทุกอย่างมันกำลังจะจบสิ้นหากเขาถูกไอ้มาเฟียอย่าง วิลเฟรต เดอ วีล เจ้าพ่อธุรกิจการขนส่งอันดับต้นๆ ของประเทศจับได้...แต่ถ้าเขายังไม่กลับบ้านรับรองว่าวิลันดาจะต้องออกตามหาเขาแน่ ลำพังแค่หายไปวันสองวัน หญิงสาวก็ไม่อะไรมากมายอย่างมากก็แค่โทรถามว่าอยู่ไหน แต่นี่ถ้าจะหายไปเป็นวันที่สามที่สี่ มีหวังต้องโดนตามไม่เลิกแน่
ก่อนที่ฮอลการ์จะได้คิดว่าควรทำอย่างไรต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นสะเทือนอยู่บนโต๊ะไม้โอ๊กข้างๆ เตียง ริมฝีปากสีสดยกยิ้มนิดๆ พยายามปรับสีหน้าให้แช่มชื่นเพื่อที่เสียงจะได้ดูสดใสเมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาคือ วิลันดา
“ว่าไงดาด้า ช่วงนี้พี่ติดธุระ กลับไม่ได้” ชายหนุ่มรีบบอกตัดเสียก่อนที่น้องสาวจะได้ถาม แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงแหลมสูงของน้องสาวตอบกลับมา
“พี่ก้า...มีคนจะบุกเข้ามาในบ้าน” ไม่ใช่แค่เสียงของน้องสาวเท่านั้น แต่เสียงเคาะประตูดังปึงปังก็ดังเล็ดลอดเข้ามาในสายโทรศัพท์ ทำเอาฮอลการ์ใจกระตุกวาบพร้อมกับรีบตัดสายด้วยการบอกว่าจะรีบไป และสั่งให้วิลันดาเก็บตัวอยู่แต่ในห้องไม่ต้องออกไปไหน ห้ามเปิดประตูเด็ดขาด!
