บทที่ 3
‘ฉันไม่ได้รังเกียจหนูหรอกนะหนูดวง แต่ในฐานะแม่ฉันเองก็อยากจะเห็นลูกชายคนเดียวของฉันได้คู่ครองที่สมฐานะมากกว่า หนูคงไม่โกรธหากฉันจะขอพูดตรงๆ ว่าตอนนี้ชีวิตของวาคิมดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องความรัก…หนูกับลูกชายของฉันยังเด็กมาก คงไม่เข้าใจว่าชีวิตคู่มันใช้แค่ความรักอย่างเดียวคงไม่พอ มันต้องมีเรื่องฐานะ หน้าตาทางสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถือเสียว่าเห็นแก่ฉันเถอะ อย่าทำให้ชีวิตของเขาต้องมัวหมองไปมากกว่านี้อีกเลยนะ ’
ทุกถ้อยคำของคุณหญิงวดียังคงฝังลึกอยู่ภายในใจ มันทำให้เธอเริ่มย้อนมองดูตัวเองว่าเป็นใคร แล้วมีอะไรบ้างที่เหมาะสมกับฐานะคนรักของวาคิม ซึ่งไม่ว่าจะพยายามมองหาแค่ไหนสุดท้ายก็ได้คำตอบให้ตัวเองว่าไม่มีเธอไม่มีอะไรที่คู่ควรกับเขาเลยสักอย่างเดียว
ไม่มีเลย…
และเพื่อเป็นการตัดปัญหาทุกอย่าง เพื่อมาให้น้าชายของเธอเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขาอีกเธอจึงเลือกบอกเลิกกับเขาในวันที่เรียนจบมอหกก่อนจะพาตัวเองหนีออกมาจากบ้าน วันนั้นเองที่เธอได้รู้จักมะลิเพื่อนรักที่สถานีรถ อีกฝ่ายเมื่อรู้ถึงปัญหาจึงชวนให้เธอเข้ากรุงเทพด้วยกันเพื่อหางานทำ ซึ่งเธอก็ตอบตกลงแทบจะทันทีเพราะไม่รู้ว่าจะไปไหน จนถึงตอนนี้เวลามันก็ผ่านมากว่าห้าปีแล้วที่เธอวิ่งหนีปัญหา และไม่เคยคิดที่จะพาตัวเองกลับไปหามันอีกเลย…
“นังดวง! เอ็งฟังข้าอยู่รึเปล่า!” ดวงตะวันได้สติขึ้นเมื่อได้ยินเสียงน้าชายตวาดถาม หญิงสาวสะบัดความคิดที่ไม่ว่าจะพยายามไม่คิดถึงมันแค่ไหนก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ความตั้งใจของเธอจะได้ผล
“ครั้งนี้เท่าไหร่คะ...” เธอถามเสียงอ่อน แม้ใจจริงจะไม่อยากรับรู้ปัญหาของน้าชาย แต่ก็ไม่อาจทดทิ้งอีกฝ่ายได้เพราะคำว่าบุญคุณมันค้ำคออยู่ แม้ว่าน้าธนาจะไม่ได้ให้ความรักกับเธออย่างที่เขาควรทำ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่พักพิงมาหลายปี
“สามล้าน!”
“น้าจะบ้ารึเปล่า! เงินตั้งสามล้านนะน้าธนา!! แล้วดวงจะไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหน ทำไมน้าถึงได้ทำแบบนี้…”
ดวงตะวันตวาดลั่น น้ำตาของความอดสูไหลรินยามเมื่อได้ยินจำนวนหนี้สินของน้าชายเข้า เพราะไม่คิดว่ามันจะมากมายขนาดนี้ อย่าว่าแต่สามล้านเลย สามหมื่นยังยากเกินไปที่เธอจะหามาได้เพราะว่าลำพังงานที่ทำเงินเดือนก็ไม่ได้มากมายเพราะเธอเรียนจบแต่มอหก สมัยนี้งานดีๆ เงินเยอะๆ ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ตามท้องถนน ชีวิตของเธอลำบากแค่ไหนมีใครรู้บ้าง แล้วอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร!!
“ฉันตั้งใจที่ไหนวะ ก็คนมันพลาดไปแล้วแกจะให้ฉันทำยังไง…ช่วยน้าอีกสักครั้งเถอะนะดวง ถ้าแกไม่ช่วยน้าตายแน่ๆ” ธนายังคงพยายามเกลี่ยกล่อมหลานสาวก่อนบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าเจ้าหนี้ของเขาเป็นใครเขาจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายก่อน
“แล้วดวงจะช่วยยังไง เงินตั้งมากมายขนาดนั้นดวงไม่มีหรอกนะน้า ลำพังเท่าที่ส่งไปให้น้าดวงก็แทบไม่เหลือแล้ว” ดวงตะวันตอบไปตามความจริง ความเครียดที่เกิดขึ้นทำให้เธอปวดหัว มองไม่เห็นเลยว่าจะหาทางใดช่วยน้าให้ผ่านพ้นเรื่องบ้าๆพวกนี้ไปได้
“เจ้าหนี้ของฉันเขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้ถ้าแกกลับมาคุย…”
“ใครคะ…”
“คุณวาคิม แกจำเขาได้ไหม เขาบอกว่าถ้าภายในเจ็ดวันแกไม่ยอมกลับมาคุยกับเขาเขาจะให้คนมาลากฉันเข้าคุก! แกต้องช่วยน้านะดวง อย่าลืมสิว่าฉันเลี้ยงแกมา แกจะทิ้งฉันแล้วเอาตัวรอดไม่ได้นะนังดวง!” เหมือนกับโลกทั้งใบของดวงตะวันกำลังดับแสงเมื่อได้ยินชื่อเจ้าหนี้ของน้าชายชัดๆ จากอีกคนที่ทวงบุญคุณกันมาเป็นชุดใหญ่จนเธอเริ่มทนฟังไม่ไหวต้องรีบตัดสายพร้อมปิดเครื่องหนีความจริงที่ไม่อยากรับรู้ แต่ตอนนี้จะทำอะไรได้ในเมื่อทุกอย่างมันยังดังอยู่ในหัวไปหมด และไม่มีทีท่าว่าจะหายไปง่ายๆ อีกด้วย…
