บทที่ 10
นั่นไม่ใช่คำถาม แต่เป็นประโยคที่บ่งบอกว่าเขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองนัก ก่อนที่จะเดินทางมาที่บ้านพักตากอากาศแห่งนี้ อาการของฟ้าลดายังเป็นปกติดีอยู่เลย เธอยังยิ้มแย้มและเดินลงมาส่งเขาที่รถด้วยซ้ำ
“จะให้ผมเตรียมรถเลยไหมครับ”
กริชรู้ดีว่าฟ้าลดามีความสำคัญต่อเจ้านาย หากรู้ว่าอีกฝ่ายป่วย ไม่มีทางที่วินธัยจะยอมอยู่เฉยแน่
“แต่งตัวแล้วจะรีบลงไป”
เขาบอกแล้วปิดประตูกระแทกดังสนั่นอย่างหัวเสีย ก้าวอาดๆ ตรงไปที่เตียง กระสับกระส่ายไม่น้อยในตอนที่กำลังคิดว่าจะพูดอย่างไรดี
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
เสียงหวานที่ยามนี้แหบพร่าเอ่ยถามขึ้นเบาๆ ทั้งที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหูทีเดียวว่าคนของเขาพูดว่าอย่างไร ผู้หญิงที่ถูกเรียกว่าคุณฟ้า คงเป็นภรรยาของวินธัยอย่างไม่ต้องสงสัย
“มีเหตุด่วนนิดหน่อย พี่ต้องกลับกรุงเทพฯ ตอนนี้เลย พี่คิดว่าปริมควรค้างที่นี่ ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่จะรีบกลับมา”
“ให้ปริมกลับกรุงเทพฯ ไปพร้อมกับพี่วินเลยดีกว่าค่ะ เรื่องของเราเอาไว้ค่อยว่ากันก็ได้ แต่ว่าเรื่องเงิน...” ไปรยารอไม่ได้ ต้องการเงินตามที่ตกลงกันไว้เสียตอนนี้เลย
“พี่จะจ่ายให้คืนนี้เลย หนึ่งล้านบาท แต่ห้ามเบี้ยวนะ ถ้าหมดธุระแล้ว ปริมต้อง...”
“ปริมรู้ค่ะ แต่ปริมว่าพี่วินจ่ายมาแค่ห้าแสนตามที่ตกลงก็พอ ปริมยังไม่ได้ทำอะไรให้พี่วินเลย” หญิงสาวตัดบท ความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
หากวินธัยยอมจ่ายเงินให้ตามที่เธอต้องการ ข้อตกลงทุกอย่างก็ถือเป็นโมฆะ เธอยอมเป็นคนโกง ยอมถูกตราหน้าว่าหลอกลวง แต่ช่วยไม่ได้จริงๆ การเป็นคนดีไม่ได้ให้อะไรดีๆ กับชีวิตของเธอเลย ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาที่เธอเคยคบหากับคนร้ายกาจอย่างเขาก็แล้วกัน
“ไม่เป็นไร พี่ยินดีจ่าย”
“ถ้างั้นก็...ขอบคุณค่ะ”
ไปรยาลังเล แต่สุดท้ายก็ยกมือไหว้ขอบคุณแล้วยิ้มน้อยๆ ทำเอาหัวใจของวินธัยกระตุกวาบ ความปรารถนาพุ่งเข้ามาที่กลางลำตัวจนมันแข็งตึงพองตัวอีกครั้ง แต่ความจำเป็นทำให้เขาต้องรีบสงบสติอารมณ์ลงเสียก่อน
“รีบไปแต่งตัวเถอะ เราต้องเดินทางกันแล้ว”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ
ใจจริงอยากถามเหมือนกันว่าผู้หญิงที่ชื่อว่าฟ้า ใช่ภรรยาของเขาหรือเปล่า แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ คิดว่าคงเดาไม่ผิดหรอก เพราะถ้าไม่ใช่คนที่เขารัก เขาคงไม่ยอมทิ้งทุกอย่างแล้วรีบเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยด่วนอย่างนี้
เมื่อร่างบางคว้าเสื้อผ้าแล้วเดินหายเข้าในห้องน้ำ วินธัยก็สบถเบาๆ แล้วรีบแต่งตัวเช่นเดียวกัน เรียบร้อยแล้วจึงดึงเช็คออกมาจากกระเป๋า เขียนจำนวนเงินหนึ่งล้านบาทพร้อมลงลายเซ็น ก่อนจะยื่นส่งให้กับคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ
“ขอบคุณค่ะ”
เป็นอีกครั้งที่ไปรยายกมือไหว้ขอบคุณอย่างมีมารยาท เขาคว้ามือเล็กไว้ ดึงมันมาจุมพิตเบาๆ แล้วชะโงกหน้าไปกดจูบที่ข้างแก้มนุ่ม มองสบกับดวงตากลมโตแวววาวนั้นด้วยความรู้สึกมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่อธิบายได้ยากเย็นเหลือเกินในเวลานี้
“พี่ขอโทษสำหรับทุกอย่างนะ พี่ผิดเองที่ทำอะไรโง่ๆ ทั้งที่มีทางออกมีมากมายให้เลือก”
“ไม่มีทางออกอะไรอีกหรอกค่ะ ในเมื่องพี่วินทำให้อีกหนึ่งชีวิตต้องเกิดมาแล้ว การที่พี่วินเลือกรับผิดชอบผู้หญิงคนนั้น ปริมว่ามันก็ถูกต้องแล้วนะคะ”
“แต่ว่าพี่...”
“ช่างมันเถอะค่ะ เรื่องมันผ่านไปนานมากแล้ว พูดขึ้นมาอีกก็คงไม่มีประโยชน์ ถือเสียว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นคนรักกัน แต่เป็นได้แค่สินค้าที่ซื้อขายกันเท่านั้น”
“อย่าพูดแบบนั้นสิปริม” เขาค้านเสียงเครียด
“ปริมไม่ได้เจ็บปวดหรือประชดชีวิตตัวเองหรอกค่ะ ปริมก็แค่พูดไปตามความรู้สึก อย่างน้อยการที่พี่วินเป็นคนแรกที่ได้แตะต้องปริม มันคงทำให้ปริมไม่รู้สึกขยะแขยงตัวเอง ปริมต้องการแค่เงินก้อนนี้ก้อนเดียว ไม่ได้คิดจะยึดอาชีพนี้ถาวรค่ะ”
“พี่ไม่มีวันยอมให้ปริมไปเป็นของคนอื่นอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มเอ่ยจริงจัง ดวงตาเข้มขึ้นด้วยความไม่พอใจ แต่ไปรยาแสร้งทำเป็นไม่ไยดี เขาไม่ควรมีผลต่อความรู้สึกใดๆ ของเธออีกแล้ว
“เราไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณฟ้าของพี่วินจะรอนาน”
สิ้นคำเหน็บแนมกึ่งเตือนให้รู้ตัวนั้น เจ้าของร่างบางก็เป็นฝ่ายเดินนำออกไปจากห้องก่อน ไม่สนใจหันกลับมามองอีก
วินธัยมองตามผู้หญิงที่ตัวเองรักมากจนให้ได้แม้แต่ชีวิต ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรีบเดินตามหลังออกไปทันที
เอาไว้มีโอกาส เขาจะอธิบายทุกอย่างให้เธอฟังเอง...
