แรกสวาท

63.0K · จบแล้ว
อินทุภา
55
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

บทเรียน 'แรกสวาท' เธอตัดสินใจขายมันให้กับชายปริศนา แต่เมื่อพบว่าเขาคือคนในอดีต ซึ่งตอนนี้มี 'พันธะ' ผูกมัดทั้งใจและกาย เธอจะเลือกสิ่งใด ระหว่าง 'เงิน' กับ 'ความถูกต้อง' ++++++++++++++++++++++++++ โรคร้ายที่ผู้เป็นพี่สาวต้องเผชิญด้วยความทรมาน ทำให้ 'ไปรยา' ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ความสาวที่หวงแหนมานาน ถูกเสนอซื้อด้วยราคาที่น่าพอใจ ในเมื่อไม่มีทางเลือก เธอจึงก้าวเข้าไปสู่สถานการณ์อันแสนบีบคั้นความรู้สึก ก่อนจะพบว่า 'ลูกค้า' กระเป๋าหนักคนนั้น คือหนุ่มรูปงามนามว่า 'วินธัย' อดีตคนรักที่เคยทอดทิ้งเธอไปแต่งงานสร้างครอบครัวกับหญิงอื่น ไปรยาปวดร้าวขมขื่น ทันทีที่รู้ว่าต้อง 'ขายตัว' ให้กับผู้ชายที่แต่งงานแล้ว แม้จะเดือดร้อนเรื่องเงิน แต่สำนึกด้านดีเตือนให้รีบถอนตัว ทว่าช้าไปแล้ว คนอย่างวินธัยไม่มีทางปล่อยเธอไปเด็ดขาด!

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนางเอกเก่งรักหวานๆดราม่าโรแมนติกพระเอกเก่งผู้ชายอบอุ่นฟินๆ

บทที่ 1

เสียงฟ้าร้องคำรามลั่นกับแสงจ้าขาวโพลนที่สาดแทรกเข้ามาตามรอยแยกของผ้าม่านซึ่งไม่ได้ปิดสนิท ปลุกร่างบอบบางในชุดนอนกระโปรงสีขาวยาวระดับเข่าให้ขยับตัวและปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย เธอสะบัดผ้าห่มออกให้พ้น ลุกขึ้นนั่งห้อยขาอยู่ริมเตียงนอน ยกมือขึ้นสางผมและอ้าปากหาว ก่อนจะเดินไปปิดผ้าม่านหน้าต่าง รวมทั้งตรงระเบียงด้วยเช่นกัน

ขณะที่มือกำลังยื่นออกไป เสียงกุกกักที่ดังอยู่ตรงประตูระเบียงก็ทำให้เธอผงะถอยหลังด้วยความตกใจ หายง่วงงุนเป็นปลิดทิ้ง ดวงตาเบิกโพลงเมื่อนึกได้ว่าก่อนเข้านอนนั้น ลืมกดล็อกประตูหน้าต่าง แต่ดูเหมือนการเพิ่งมานึกได้ในตอนนี้จะสายเกินไปเสียแล้ว

ถึงอย่างนั้นไปรยาก็ยังรีบพุ่งตัวตรงไปแตะที่ล็อกประตูระเบียงด้วยความหวังอันริบหรี่ แต่บานประตูกระจกถูกเลื่อนเปิดออกเสียก่อน

ท่ามกลางสายฟ้าแลบแปลบปลาบกับเสียงร้องกึกก้องอันเป็นผลพวงจากพายุช่วงฤดูฝน พบร่างดำทะมึนใหญ่โตที่มองแวบเดียวก็บอกได้ทันทีว่าเป็นผู้ชาย เดินแทรกเข้ามาในห้อง

ความมืดมิดยามวิกาลทำให้ใบหน้าของเขาถูกบดบังไปโดยปริยาย แต่มีช่วงหนึ่งมีฟ้าทอประกายสว่างจ้า ทำให้ใบหน้านั้นปรากฏชัดเจน น่าเสียดายที่ม่านน้ำตาคลอรื้นขึ้นมาบดบังดวงตาเข้าพอดี หญิงสาวจึงหมดโอกาสได้รู้ว่าผู้บุกรุกนั้นคือใคร

เขาเลื่อนบานประตูกระจกกับผ้าม่านให้ปิดลง ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนตัวสั่นเทาด้วยดวงตาวาววับ ร่างสูงกำยำตรงหน้าช่างดูคุ้นตา แต่นี่ไม่ใช่เวลามาหาคำตอบว่าเขาคือใคร

คิดดังนั้นไปรยาก็รีบพุ่งตัวไปที่ประตูห้องนอน ใบหน้างามตึงเครียด ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ หัวใจหล่นวูบไปกองอยู่ที่ปลายเท้า เมื่อพบว่าประตูห้องนอนเปิดออกไม่ได้ ราวกับถูกล็อกเอาไว้จากภายนอก

“แกเป็นใคร!”

เธอหันมาถามหวังจะถ่วงเวลา แผ่นหลังบางแนบชิดอยู่กับประตู ใช้มันช่วยพยุงตัวเอาไว้ไม่ให้แข้งขาอ่อนจนล้มลงไปกองบนพื้น คนในความมืดย่างสามขุมเข้ามาใกล้ ไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำ เพราะเขาไม่ได้ลงทุนวางแผนบุกเข้ามาในบ้านหลังนี้เพื่อเจรจา แต่มาเพื่อทำความต้องการของตัวเองและสั่งสอนเธอเท่านั้น

“ถะ...ถ้าอยากได้เงินทองข้าวของ เอาไปได้เลย แต่ขออย่างเดียว...อย่าทำอะไรฉันเลยนะ!” คนตัวเล็กทรุดฮวบลงบนพื้นพร้อมกับยกมือไหว้อ้อนวอน ชั่วขณะหนึ่งดวงตาคมกล้าอ่อนแสงลงด้วยความเห็นใจ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอทำกับเขา หักหน้าเขา ทำร้ายจิตใจเขา โทสะก็พลุ่งพล่านขึ้นจนลืมสิ้นทุกเหตุผล มือหนากำแน่นด้วยความโกรธ ไหล่กำยำสั่นสะท้านไปหมด

ร่างใหญ่ในชุดสีดำกลมกลืนไปกับราตรีกาล ก้าวช้าๆ ตรงเข้าไปหา แล้วฉุดกระชากข้อมือเล็กๆ นั่นให้ลุกขึ้นยืน แต่เนื้อตัวของไปรยาอ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง เขาจึงอุ้มเธอขึ้นสู่อ้อมแขน จากนั้นจึงโยนลงบนเตียงอย่างไร้ความปราณี

“กรี๊ด! แกจะทำอะไรไอ้บ้า!”

เสียงใสตะโกนลั่นแล้วถดถอยหนีไปนั่งพิงอยู่ตรงหัวเตียง พยายามมองฝ่าความมืดเพื่อให้เห็นใบหน้ากร้าวกระด้างนั้นชัดๆ พร้อมกับกวาดสายตาหาอะไรสักอย่างที่พอจะใช้ป้องกันตัวได้

แต่ก็จนปัญญาจริงๆ ทุกอย่างรอบตัวดูไม่เป็นใจให้กับคนที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมอย่างเธอเอาเสียเลย ยามนี้รู้สึกหวาดกลัวมากเสียจนแทบจะสิ้นสติอยู่ร่อมรอแล้ว

เขาคนนั้นหายใจแรง ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นไปเพราะความโกรธหรือด้วยความปรารถนาที่อัดอั้นจนแทบล้นปรี่ ฝ่ามือเย็นเฉียบคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนเรียวเล็ก จับไปรยากดลงบนเตียงนุ่ม ซุกไซ้ใบหน้าลงมาสูดกลิ่นหอมบริสุทธิ์จากกายสาว โดยไม่คิดจะพูดพร่ำให้เสียเวลาแต่อย่างใด

“กรี๊ด! ไม่นะ! ปล่อยฉันนะ!”

ร่างบางดิ้นรนด้วยความหวาดกลัว แต่ไม่ได้ทำให้คนที่คร่อมอยู่เหนือร่างสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

คนไร้ทางสู้ทำได้ดีที่สุดก็แค่อ้อนวอนขอความเมตตา น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ได้คิดจะมอบมันให้กับเธอ คืนนี้เขามีเพียงแค่ความโกรธและกระหายที่จะมอบบทเรียนอันสาสมเท่านั้น

ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากชายปริศนาสักคำ เขากระชากชุดนอนตัวบางจนขาดวิ่นติดมือ เผยให้เห็นทรวงสล้างขาวโพลนอยู่ในความมืด เสียงกรีดร้องของไปรยาดังขึ้นไม่หยุด แต่เขาไม่ได้นำพา ตะโบมจูบเธออย่างหิวกระหาย ระวังตัวเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกฟันซี่เล็กนั้นงับเข้าที่ลิ้น

เขากลบเสียงโวยวายน่ารำคาญนั่นด้วยจูบลึกซึ้ง รุกเร้า

ปลุกปั่นสติที่มีเหลืออยู่น้อยนิดให้หมดไป...

ไปรยารู้สึกว่าแขนขาหนักอึ้ง หูอื้อและภาพรอบกายคล้ายเคลื่อนไหวช้าลง เหมือนว่าเธอกำลังจะเป็นลมไปเพราะความกลัว เธอกะพริบตาช้าๆ พยายามสูดลมหายใจลึกเพื่อครองสติ น้ำตาไหลพรากหลังจากรับรู้การรุกรานจากมือหยาบกร้านที่แตะลงไปกลางกลีบดอกไม้งาม ปลายนิ้วของคนสารเลวถูไถเม็ดทับทิมเล็กๆ แรงขึ้นทุกที ทำให้ช่องทางรักฉ่ำชื้นขึ้นมาโดยที่ไม่สามารถต้านทานกลไกทางร่างกายได้เลย

แทบจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก เพราะรู้ตัวอีกครั้งบางอย่างที่แข็งร้อนและใหญ่โตก็ชำแรกแทรกผ่านเข้ามาในกายจนเต็มตื้นในครั้งเดียว ดวงตากลมโตเบิกโพลง ริมฝีปากอ้าเผยอ เมื่อความเจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยของมีคมเกิดขึ้นระหว่างขาทั้งสองข้าง