สบตา ครั้งที่ 4: คชาเป็นตัวอันตราย[2/2]
“คชารออยู่หน้าหอนะครับ พี่ชิณณ์เอาไปไว้ในรถหมอนั่นได้เลย”
พี่ชิณณ์รับคำเล็กน้อยก่อนจะเดินลงไป ปล่อยให้ผมขึ้นไปเอาของที่เหลืออยู่ ทว่าที่ผมเห็นว่าพี่ชิณณ์เดินลงไปน่ะ เขาไม่ได้ไปก่อนนะ ลงไปยืนรออยู่ที่ล็อบบี้หอชั้นล่างแล้วออกไปข้างนอกพร้อมกับผม ไม่รู้เหมือนกันว่ารอทำไม แต่เอาเป็นว่าดีแล้วล่ะที่เขามาช่วยถึงตอนแรกผมจะไม่อยากให้เขามาอยู่ใกล้สักเท่าไหร่ก็เถอะ
และพอเดินออกมาหาคชาที่รถ มันก็ออกปากบ่นผมทันที
“ทำบ้าอะไรของมึงอยู่วะ รู้ไหมว่ากูรอ...ฮิคารุซามะ...”
ไอ้ที่กำลังอ้าปากด่าๆ อยู่ก็นิ่งค้างไปเลยเมื่อเห็นหน้าพี่ชิณณ์ และยิ่งเลิ่กลั่กมากขึ้นไปใหญ่พอพี่ชิณณ์ร้องทัก
“สวัสดีคชา”
เท่านั้นแหละ มันยกมือขึ้นพนมตรงหน้าอก ริมฝีปากสั่นระริกทันควัน
“วะ...หวัดดีครับฮิคา...พี่ชิณณ์” เหมือนปลายประโยคจะระลึกขึ้นมาได้ว่าคนตรงหน้าคือใคร
พี่ชิณณ์ไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่นักนอกจากจะร้องถาม “แล้วกล่องนี่เอาไว้ท้ายรถได้เลยหรือเปล่า”
“ดะ...ได้เลยครับ”
คชารีบปรี่มารับกล่องจากมือพี่ชิณณ์ไปวางที่ท้ายรถอย่างรวดเร็ว ขณะที่พี่ชิณณ์หันมารับกล่องอีกใบจากผม
“ส่งมาสิมาวิน พี่ช่วยถือ”
ผมก็ไม่อยากจะส่งให้หรอกแต่เห็นเขาพยักเพยิดพร้อมส่งยิ้มหวานแล้วก็ยื่นให้แต่โดยดี ตอนนี้แหละที่เริ่มเกรงใจขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่ได้เกรงใจพี่ชิณณ์นะ
เกรงใจไอ้คชามันเนี่ย จ้องเขม็งจนจะกินหัวกูอยู่แล้ว!
บอกเลยว่าไม่ได้อ่อยพี่ชิณณ์สักนิด ที่ทำไปเพราะไม่รู้จะปฏิเสธยังไงล้วนๆ ไอ้คชาก็มองจนเบ้าตาแทบถลน ส่วนพี่ชิณณ์ก็ยังไม่รู้ร้อนรู้หนาว เอากล่องใบสุดท้ายไปวางได้ก็หันมาถามผมอีก
“แล้วนี่จะย้ายไปที่ไหนเหรอ ให้พี่ไปช่วยขนไหม ว่างพอดี”
แวบหนึ่งผมคิดว่าควรปฏิเสธ แต่พอเห็นคชาขยิบตาส่งให้เป็นพัลวันแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ตกลงกับมันว่ายังไงจึงรีบตอบรับไป
“ดีเลยครับ ผมกับคชาขนกันตั้งหลายรอบกว่าจะเสร็จ ได้พี่ชิณณ์มาช่วยคงจะดี” พลางทำหน้าตาระรื่นสุดชีวิต
บอกเลยว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยระริกระรี้อย่างนี้มาก่อน แต่มันได้ผลเพราะหลังจากที่ผมทำอย่างนั้น พี่ชิณณ์ก็ยิ้มกว้าง หันไปหาคชาอย่างรวดเร็ว
“งั้นพี่ขอติดรถไปด้วยนะครับคชา”
คชาเก็บความระริกระรี้ไม่อยู่เหมือนกัน หูหางสะบัดสะโบก รีบพยักหน้ารับ
“งั้นขึ้นรถเลยครับ ไปที่หอผมกัน”
ประหนึ่งชวนพี่ชิณณ์ไปทำเรื่องอย่างว่าก็ไม่ปาน ผมไม่อยากขัดมันหรอก ได้แต่เดินเตาะแตะไปเปิดประตูรถทางด้านหลัง ปล่อยให้พี่ชิณณ์ไปนั่งข้างคชาที่ทำหน้าที่ขับรถอย่างรู้งาน ทว่าพอเปิดประตูรถปุ๊บ ผมก็ต้องชะงักปั๊บ
ตายหอง ข้างหลังมีพวกกล่องโน่นนี่นั่นเต็มไปหมดจนไม่มีที่นั่ง
แล้วกูจะไปนั่งตรงไหนดีวะเนี่ย
คิดไปแป๊บนึงก่อนตัดสินใจว่าจะเรียกมอเตอร์ไซค์วินนั่งตามไป หากแต่พี่ชิณณ์ดันมาเห็นเสียก่อน
“เอ้า ข้างหลังไม่มีที่นั่งนี่”
คำพูดนี้ทำเอาคชาหันมาสนใจผมเช่นกัน ก่อนจะสบตาผมราวกับข่มขู่ว่าให้ปฏิเสธ ซึ่งผมก็ปฏิเสธอย่างไม่รีรอ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมเรียกรถตามไป”
คชาพยักหน้าช้าๆ คล้ายกับกำลังบอกว่า ‘ดีแล้ว ทำถูกต้อง’ เพราะมันเป็นการเปิดโอกาสให้คชากับพี่ชิณณ์ไดอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ทว่าพี่ชิณณ์ไม่ตอบรับข้อเสนอนั้น
“ไม่ต้องหรอก ไปด้วยกัน ไม่อย่างนั้นก็เหมือนกับว่าพี่มาแย่งที่ของมาวินเลยน่ะสิ นั่งตักกันไปก็ได้ มาวินตัวเล็ก พี่ไม่หนักหรอก”
พูดมาอย่างนี้ผมก็กระอักกระอ่วนใจ มองหน้าคชาอย่างขอตัวช่วย แต่ไอ้บ้านั่นกลับเอาแต่มองผมตาขวาง ส่ายหน้าพรึ่บพรั่บให้ผมปฏิเสธอีก
เออ ปฏิเสธก็ปฏิเสธวะ กูก็ไม่อยากจะนั่งตักพี่ชิณณ์เหมือนกัน
“พี่ชิณณ์อย่าคิดมากเลย ไปกับคชาเถอะ ผมไปเองได้ เดี๋ยวไปเจอกันที่หอครับ”
แต่พี่ชิณณ์ดื้อกว่าที่คิด ไม่ยอมไม่พอ ยังจะคว้าข้อมือผมที่กำลังจะเดินหนีไปจับอีก
“ถ้ามาวินไปเอง พี่ก็จะไปกับมาวินด้วย ให้คชาขับรถไปรอที่หอก่อนเนอะ”
มึงจะมาพูดเองเออเองไม่ได้นะเว้ยไอ้พี่ชิณณ์ โน่น! ดูหน้าไอ้คชาโน่น จะกินหัวกูอยู่แล้ว!
ถลึงตาแทบถลนใส่ผม ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าตกใจเมื่อเห็นว่าพี่ชิณณ์หันไปบอกมันเป็นที่เรียบร้อย
“ไว้เจอกันที่หอนะครับคชา”
เฮ้ยๆ เดี๋ยว! กูยังไม่ได้ตกลงปลงใจด้วยสักนิด!
และไอ้คชาก็ไม่มีทางยอมให้เป็นอย่างนั้น เห็นผมโดนลากไป มันก็รีบโพล่งถาม
“พี่ชิณณ์ขับรถเป็นไหมครับ”
พี่ชิณณ์ชะงัก หันไปมอง “เป็นครับ”
“งั้นพี่ชิณณ์มาขับ ผมนั่งข้าง ส่วนมาวินนั่งตักผม”
ผมอ้าปากค้างมากกว่าเดิมไปอีก
รู้อยู่หรอกว่ามันอยากใกล้ชิดพี่ชิณณ์ ไม่อยากให้พี่ชิณณ์ไปไหนมาไหนกับผมเพียงลำพัง
แต่มึงจะมาหึงหวงพี่ชิณณ์แล้วทำแบบนี้กับกูไม่ได้!
แล้วผมปฏิเสธได้ไหมล่ะ? หึ! ไม่ได้! แค่พี่ชิณณ์ได้ยินมันพูดอย่างนั้นก็ตกปากรับคำเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
“เอาสิ แบบนี้ดีกว่าเนอะ”
ดีกับผีอะไรล่ะ!
“ผมว่าเดี๋ยวผมไป...”
“กุญแจรถครับ พี่ชิณณ์มาขับเลย” ไม่ทันจะได้แย้งอะไร คชาก็จัดการเอากุญแจรถส่งให้พี่ชิณณ์แล้วสอดตัวเข้าไปนั่งข้างคนขับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อะไรไม่ว่า ลากผมเข้าไปนั่งตักมันด้วย
ผมขืนตัวเล็กน้อยด้วยไม่อยากให้พี่ชิณณ์ผิดสังเกต แต่ก็ต้องผ่อนแรงเมื่อถูกคชากระซิบกระซาบใส่
“ตกลงจะไม่เป็นแล้วใช่ไหมรูมเมตกูเนี่ย”
ว่ามาอย่างนี้ผมก็ต้องยอมสิครับ เข้ามาในรถอย่างว่าง่ายก่อนจะค่อยๆ หย่อนก้นลงบนตักมัน หย่อนไป เกร็งไป บอกเลยว่าไม่กล้านั่งเต็มก้น คชาก็คงไม่อยากให้ผมเอาก้นไปสัมผัสกับหน้าขามันเช่นกัน มันเลยแสร้งทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ผมเกร็งตัวไว้จนตะคริวจะขึ้น มีพี่ชิณณ์ที่สังเกตเห็นจึงหันมาหัวเราะน้อยๆ
“เฮ้ย เพื่อนกัน นั่งตักกันแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก นั่งลงไปเลยมาวิน”
พูดไม่พอ ยื่นมือมาดึงแขนผมให้นั่งลงไปเต็มๆ เป็นที่เรียบร้อย จังหวะที่ผมทิ้งตัวลง คชาถึงกับร้องเฮ้ยออกมาเสียงดัง เหลือบไปมองก็เห็นมันทำหน้าตากินเลือดกินเนื้อใส่ หากแต่พอพี่ชิณณ์พูด มันก็รีบทำหน้าดี๊ด๊าทันควัน
“เห็นไหม คชาไม่ว่าอะไรซะหน่อย นั่งเต็มๆ ก้นจะดีกว่านะ เวลาพี่เบรกจะได้ไม่หัวทิ่ม เนอะคชา”
“ครับ นั่งลงมาเต็มๆ ดีกว่า”
ยิ้มระรื่นตอบรับพี่ชิณณ์เป็นปี่เป็นขลุ่ยทีเดียว ผมก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ ลอบถอนหายใจออกมาด้วยขณะที่พี่ชิณณ์สตาร์ตรถออกตัว
“คชาเกาะเอวมาวินไว้หน่อยก็ดีนะ พี่ขับรถไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ กลัวมาวินจะพุ่งทะลุกระจกน่ะ”
พูดเหมือนพูดเล่นนะ แต่ไม่ใช่เลย พูดจริง เพราะหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นจบไม่ทันไร พี่ชิณณ์แม่งก็ขับรถขึ้นลูกระนาดบนถนนชนิดไม่เบรก ทำเอาผมพุ่งไปข้างหน้าก่อนที่หัวจะโหม่งเข้ากับกระจกเต็มแรง พี่ชิณณ์ทำหน้าตกใจ หันมาขอโทษขอโพยอย่างรวดเร็ว
“เป็นอะไรหรือเปล่ามาวิน เจ็บตรงไหนไหม”
“ไม่เป็นไรครับ” ผมรีบตอบกลับ มือยกขึ้นลูบหัวตรงที่โดนกระแทกป้อยๆ
ให้ตาย...หัวกระแทกอีกแล้ว กูจะสบตาใครแล้วเห็นเครื่องในไหมเนี่ยคราวนี้
ดีที่ไม่เป็นอย่างนั้น สบตาพี่ชิณณ์ก็ยังเห็นแค่ร่างเปลือยเหมือนเดิม แต่ที่น่าตกใจก็คือพอพี่ชิณณ์ส่งสายตามาให้ผมด้วยความเป็นห่วง คชาก็ส่งเสียงฟึดฟัดออกมาก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างคว้าเอวผมให้ขยับเข้ามาใกล้ พลันตวัดแขนข้างหนึ่งมาโอบรอบเอวผมไว้
ดะ...เดี๋ยว! กอด! มันกอดเอวผม!
“ทีนี้ก็นั่งดีๆ หน่อย” จากนั้นมันก็ว่าสั้นๆ ในขณะที่ผมนั่งตัวเกร็งกว่าเดิม
นะโมพุธโธ...ขอให้อยู่รอดปลอดภัย ขอให้มันไม่เปลี่ยนใจจากพี่ชิณณ์มาเป็นผม
คชาแม่งโคตรเป็นตัวอันตรายเลย ทำแบบนี้เสียวสันหลังนะเว้ย!
