บท
ตั้งค่า

สบตา ครั้งที่ 4: คชาเป็นตัวอันตราย[2/1]

ตอนแรกกะว่าจะย้ายของเข้าห้องมันช่วงวันเสาร์-อาทิตย์เพราะไม่มีเรียน แต่ไปๆ มาๆ ก็ต้องย้ายเข้าในอีกวันหนึ่งทันทีเมื่อคชามันอาสาเอารถมาช่วยผมขนของถึงที่หอเก่า

ความจริงจะว่าอาสามาช่วยก็ไม่ถูก ต้องบอกว่า...มัน-บัง-คับ!

ออกจากตึกเรียนมาก็เจอมันยืนดักรออยู่ข้างหน้าแล้ว จะทำเป็นไม่เห็นมันก็ไม่ได้ ผมดันมีภาพลักษณ์ไม่น่าเข้าใกล้ที่ใครๆ ก็จำได้ดี มันเห็นผมปุ๊บ ก็เรียกผมปั๊บ โยนผมขึ้นรถมาที่หอ ถือวิสาสะเข้าไปในห้อง จับเอาของที่คชาดูแล้วน่าจะจำเป็นยัดใส่กระเป๋าเสื้อผ้าอย่างลวกๆ แล้วก็พามาที่หอมันทันทีโดยไม่ถามผมสักคำ

ที่เห็นมันรีบร้อนอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะมันอยากให้ผมมาอยู่ด้วยเร็วๆ หรอกนะ จุดประสงค์ที่แท้จริงน่ะคือ...

“กูจะได้ใกล้ชิดพี่ชิณณ์เร็วๆ มึงอย่ามาถ่วงเวลาว่ะ จะกั๊กไว้เองล่ะสิ”

กั๊กเองปู่มึง!

นั่นแหละ ผมเลยต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการยอมทำตามมันแต่โดยดี วันนี้เลยเป็นคืนแรกที่ผมได้นอนร่วมห้องกับมัน

จะว่าประหม่าก็ไม่ใช่ เกรงใจก็ไม่เชิง แบบว่าผมยังไม่พร้อมที่จะมานอนร่วมห้องกับใครน่ะ อะไรไม่ว่า ต้องนอนเตียงเดียวกันอีก

ผมยืนมองคชาจัดที่นอนโดยเอาหมอนข้างฮิคารุซามะมากั้นกลางแบ่งพื้นที่นอนบนเตียงหลังจากจัดของเข้าตู้เสื้อผ้าและอาบน้ำแต่งตัวเสร็จด้วยอารมณ์ที่บรรยายไม่ถูก ในขณะที่คชาตบหมอนดังปุ หันมาบอกผมเนิบๆ

“มึงนอนติดกำแพงนะ กูเข้าห้องน้ำตอนดึกบ่อย นอนฝั่งนี้จะลุกง่ายกว่า”

ผมพยักหน้ารับ ไม่มีปัญหาอะไรหรอกถ้าจะนอนติดข้างฝา ผมเองก็ชอบอยู่แล้วด้วย ก่อนที่จะเดินไปยังเตียงเมื่อคชาร้องบอก

“เอ้า จัดที่นอนเสร็จแล้ว ไปนอนไป”

เหลือบมองนาฬิกา เออ สี่ทุ่มแล้ว แต่ปกติไม่ใช่เวลานอนหรอก ทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากมองตามคชาที่ผละไปถอดเสื้อโชว์กล้ามแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเงียบๆ

ผมล้มตัวลงนอน ตาทั้งสองข้างมองเพดานห้องพลางครุ่นคิด

เอาวะ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการทดลองอยู่ก่อน ถ้าหากว่าผ่านคืนนี้ไปแล้วไม่โอเค ผมค่อยคุยกับมันแล้วเอาของบางส่วนที่ขนมากลับไปก็ได้ ไม่ได้เยอะแยะอะไรเท่าไหร่

แต่ว่า...ผิดคาดแฮะ คชามันดีกับผมน่าดูเลย ไม่ใช่ดีแบบเอาใจเพื่อให้ผมเป็นนกต่อพาพี่ชิณณ์มาให้มันด้วยนะ คือยังไงดี...แบบว่าตอนมันออกจากห้องน้ำมา มันมาหาขนมกิน มันก็เอามาแบ่งผมไรงี้ทั้งที่ผมตั้งท่าจะนอนแล้ว อะไรไม่ว่า มันดันเปิดเกมเพลย์สเตชันเล่นแล้วชวนผมเล่นอีกต่างหาก ตอนแรกผมก็ตอบรับไปเพราะเห็นว่ามันเป็นเจ้าของห้องน่ะ แต่เล่นไปเล่นมา

...สนุกแฮะ

เลยเล่นดิ่งยาวไปโดยปริยาย รู้ตัวอีกทีก็ตีหนึ่งแล้ว พรุ่งนี้มีเรียน ผมเลยขอตัวไปนอนก่อน คชาก็ดี๊ดี ยอมปิดโทรทัศน์แล้วเข้านอนพร้อมกันเพราะกลัวว่าแสงไฟจากจอโทรทัศน์จะรบกวนผม

มันเป็นคนดีเหมือนกันนะเนี่ยถ้าไม่นับเรื่องรสนิยมบ้าๆ ของมันกับการที่มันพูดมึงกูกับผมไม่เลิกสักที

แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรแล้ว หัวถึงหมอนปุ๊บก็ชัทดาวน์ตัวเองปั๊บ หลับสนิทเพราะเตียงนอนนุ้มนุ่ม ต่างจากเตียงที่หอผมลิบลับ

ทว่า...นอนไปได้ไม่กี่ชั่วโมงก็รู้สึกตัวตื่นเมื่อหูทั้งสองข้างได้ยินเสียงประหลาดๆ แว่วเข้ามาในหู

อือ...อา...อ๊ะๆ

สาบานว่าผมได้ยินเสียงบ้านี่ดังมาในหูพักใหญ่ละ ดังเข้ามาจนตอนแรกเข้าใจว่าเป็นเสียงที่เกิดขึ้นในความฝันแล้ว แต่พอเริ่มอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น จิตใต้สำนึกก็บอกผมว่าเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงจากในฝันอย่างที่เข้าใจ หากแต่เป็นเสียงที่ดังมาจากข้างๆ

ข้างๆ...

คนข้างๆ...

ใช่ มากจากคนข้างๆ อย่างแน่นอน

นั่นทำให้ผมพยายามข่มความง่วงงุน ลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อมองว่าต้นตอมันมาจากอะไรเป็นแน่ แล้วก็ต้องหยีตาทันควันเมื่อแสงสว่างจากหน้าจอโน้ตบุ๊กแยงเข้าตาเต็มๆ เมื่อหันไป

“ทำอะไรน่ะคชา ไม่หลับไม่นอน”

ผมอดเอ่ยปากถามออกมาไม่ได้ด้วยก่อนหน้าคชาบอกว่าที่ปิดโทรทัศน์เป็นเพราะกลัวว่าแสงจากจอจะทำให้ผมนอนไม่หลับ แต่พอตื่นมาเห็นมันเปิดโน้ตบุ๊กอย่างนี้ ผมก็ต้องถามแหละ

ก็มันต่างจากเปิดโทรทัศน์ตรงไหนล่ะ ถึงจอโน้ตบุ๊กจะเล็กกว่าก็เถอะ แต่มันก็มีแสงรบกวนเหมือนกัน

ท่าทางคชาจะไม่ได้ยินผม ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำถามผมเลยสักนิด ทำให้ผมต้องถามไปอีก

“คชา... ถามเนี่ย ไม่ได้ยินหรือไง”

เงียบฉี่...

ยังคงนั่งเอาหูฟังยัดหูทั้งสองข้างในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ตาจ้องโน้ตบุ๊กที่ตั้งบนโต๊ะตัวเล็กอยู่อย่างนั้น

ไม่ได้ยินแน่นอน เปิดเสียงจากโน้ตบุ๊กดังจนเสียงลอดออกมาจากหูฟังขนาดนี้ มันจะไปได้ยินอะไร ไม่ได้สังเกตเห็นผมด้วยแหละว่าผมตื่นแล้ว ผมก็กะจะบอกให้มันเบาเสียงหน่อยนั่นแหละเพราะเสียงที่ลอดออกมารบกวนผมอยู่ไม่น้อย หากแต่พอกำลังจะบอก ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมเหลือบไปมองยังหน้าจอโน้ตบุ๊กซะอย่างนั้น

แบบว่าจู่ๆ ก็อยากรู้ว่ามันดูอะไรอยู่น่ะ

และทันทีที่สายตาปะทะเข้ากับจอโน้ตบุ๊ก ความง่วงงันที่มีอยู่ก็พลันมลายหายไปทันตาทันทีที่เห็นภาพของชายไม่ต่ำกว่าห้าคนกำลังทำกิจกรรมบางอย่างกันอยู่

นะ...หนังโป๊!

ไอ้คชามันนั่งดูหนังโป๊!

แน่นอนว่าเป็นหนัง GV นำแสดงโดยท่านฮิคารุของมัน ภาพที่เห็นคือฮิคารุซามะกำลังโดนชายฉกรรจ์แถมยังหน้าโหดรุมอย่างเมามันส์ มองเผินๆ แล้วเหมือนลิงกินโต๊ะจีน อีรุงตุงนังไปหมดประหนึ่งจับปูใส่กระด้ง

คนนึงข้างหน้า คนนึงข้างหลัง คนนึงข้างๆ อีกสองคนพร้อมๆ กัน

โอ๊ย ตาจะบอด ทำไมคืนแรกที่นอนกับรูมเมตของกูจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย!

ที่สำคัญ มึงจะดูหนัง GV แนว Gang rape หลายคนรุมหนึ่งหาป้ามึงเหรอไอ้คชา ดูแนวหนึ่งต่อหนึ่งแบบปกติสิเว้ย!

ไอ้ฮิคารุซามะอะไรนั่นก็ร้องโหยหวนเสียเหลือเกิน ผมเห็นแล้วก็เสียวช่องท้องตัวเองขึ้นมาฉับพลัน

ไม่ได้เสียซ่านอะไรหรอกนะ แต่กลัวว่าเครื่องในจะพังเพราะเห็นไอ้พวกหื่นนั่นมันทำไม่ยั้งมือต่างหาก!

เหนือสิ่งอื่นใด ผมต้องห้ามปรามไอ้คชามันก่อน ขืนมันยังปล่อยให้เสียงอื๊ออ๊าของฮิคารุในจอนั่นดังออกมาไม่หยุด คืนนี้ผมคงไม่ได้นอนแน่

ไม่ได้นอนเพราะเสียงรบกวน...ใช่ ตอนแรกผมคิดอย่างนั้น หากแต่พอผมดันตัวขึ้นเล็กน้อย กะจะสะกิดบอกมันว่าให้เบาเสียงก็พลันต้องชะงักทันทีที่เห็นว่าใต้ผ้าห่มของคชามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่

เคลื่อนไหวอยู่บริเวณกลางลำตัว...

ในขณะที่หนังโป๊ก็เปิดอยู่...

คชาจ้องมองจอโน้ตบุ๊กเขม็ง ใช้สมาธิเพ่งกสิณในการดูเป็นอย่างมาก...

ส่วนใต้ผ้าห่มก็เคลื่อนไหวไม่หยุด...

ไอ้คชา ยะ...อย่าบอกนะว่า...

ผมอ้าปากค้าง มองหน้ามันอย่างไม่เชื่อสายตาขณะที่มือมันใต้ผ้าห่มก็ยังขยับไม่หยุด

มะ...มึงจะมาทำอะไรตอนที่กูนอนหลับอยู่ข้างๆ ไม่ได้นะเว้ย! หยุดเดี๋ยวนี้! หยุดมือมึงเดี๋ยวนี้เลย!

ตกอยู่ในบรรยากาศกระอักกระอ่วนทันที อึกอักลังเลไม่รู้ว่าควรจะทักมันดีหรือไม่ ใจหนึ่งก็บอกว่าไม่ควรทัก ปล่อยให้มันสำเริงสำราญกับการว้าวของมันไป แต่อีกใจก็ร้องบอกว่าให้ทักมันก่อนที่มันจะหน้ามืดแล้วเปลี่ยนจากการจัดการกับตัวเองมาจัดการกับผมแทน

และเพราะกังวลเรื่องนั้น ผมเลยตัดสินใจขัดจังหวะ

“คะ...คชา”

ยื่นมือไปข้างหน้าทำท่าจะสะกิดมันแล้วก็ชะงัก

มะ...ไม่กล้าแตะ กลัวมันหันมาปล้ำ

ทว่าสุดท้ายก็ต้องเรียกพร้อมสะกิดไปด้วยดูแล้วมันคงจะไม่ได้ยินผมแน่ถ้าหากว่าไม่ถูกตัว

“คชา”

สะกิดเรียกไปแล้ว คชาหันมามอง ถอดหูฟังออกแล้วเลิกคิ้วสูง

“อะไร”

จะอะไรล่ะ มือมึงน่ะมือมึง! โอ้โห เรียกขนาดนี้แล้วยังไม่หยุดขยับอีกนะ!

ไม่รู้จะบอกมันยังไงเลย ตาเอาแต่จ้องไปทางมือมันที่ยังขยับไม่หยุดอยู่ใต้ผ้าห่ม ก่อนปากจะเอ่ยถาม

“ทำอะไรอยู่น่ะ”

“ดูหนังโป๊”

ตอบมาได้หน้าตาเฉย ผมก็ทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว

“ดู...ดูทำไม”

ตอนนี้ดันตัวขึ้นมานั่งละ กะว่าถ้ามันหันมาทำมิดีมิร้ายผมขึ้นมา ผมจะได้หนีได้ทัน

“มึงมานอนด้วย กูไม่ชิน นอนไม่หลับก็เลยดูเพลินๆ”

ดูอย่างนี้กูว่าไม่ดูเพลินๆ แล้วมั้ง มึงดูเอาจริงเอาจังมากเถอะ!

ทำหน้าไม่ถูกยิ่งกว่าเดิมอีก ตามองไปที่มือมันไม่หยุดเลย

หูย มันจะอะไรขนาดนั้น มึงหยุดได้แล้ว!

คล้ายกับว่าคชาสำนึกได้ในตอนนี้ว่าผมมองอะไรอยู่ เท่านั้นมันก็หยุดขยับมือทันทีแล้วรีบดึงมือออกจากใต้ผ้าห่ม โวยวายเสียงดังลั่น

“เฮ้ย กูไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นนะ อย่าเข้าใจผิด”

รู้ตัวแล้ว...โอ๊ยมึง กว่าจะรู้ตัวได้ กูนี่จ้องจนตาจะบอดแล้ว!

“ถ้าไม่ได้ทำ แล้วเอามือไปไว้ตรงนั้นทำไม” ผมถาม

“ก็มดมันกัดอยู่ข้างขาเนี่ย ทีนี้มันคัน กูเลยเกา ไม่ได้ทำอะไรอย่างที่มึงคิดเว้ย!”

กลัวผมไม่เชื่อ รีบเลื่อนโต๊ะวางโน้ตบุ๊กไปที่ปลายเท้า ถลกผ้าห่มออก ผมหยีตาลงตามสัญชาตญาณการระวังตัว กลัวว่าจะเจอมะเขือยาวพ่วงมะเขือพวง แต่ก็ต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่ากลางลำตัวของคชายังมีกางเกงปิดอยู่เหมือนเดิม

“เนี่ย มดมันกัดเห็นไหม!” ยื่นขาข้างนั้นมาให้ผมดูรัวๆ

ผมก็ถอยหนีรัวๆ เหมือนกัน

มืดขนาดนี้ ใครมันจะเห็นวะ แล้วอย่าเอาขามาใกล้ กูแขยง!

แสดงออกชัดเจนเลยว่ารังเกียจเดียดฉันท์มาก ปากก็ถามออกไปด้วย

“ไม่ใช่ว่าพอถูกทักแล้วรีบใส่กางเกงหรอกนะ”

“มันเป็นอย่างนั้นที่ไหนเล่า หึย...ไอ้...!” คชาดูหัวเสียสุดพลัง

ผมเองก็ขนลุกชันสุดพลังเช่นกัน

ไอ้มาวินเอ๊ย ขนลุกตั้งตัวหัวยันหน้าแข้ง!

แต่ก็พยายามจะไม่คิดอะไรมาก เอาวะ มันบอกว่าเกามดกัดก็เกามด ทว่าคชาไม่หยุดการแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเองเพียงแค่นี้ ลุกขึ้นไปเปิดไฟ เดินกลับมาที่เตียง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นวาง ถลกขากางเกงบอลที่ใส่นอนขึ้นจนแทบจะเห็นลูกกระแป๋ง

“เนี่ย มดกัดเห็นไหม กูเกา ไม่ได้ว้าว อย่าเข้าใจผิด!”

เห็นรอยแดงๆ เป็นแนวยาวกับตุ่มบวมๆ แล้วผมก็พยักหน้ารับหงึกหงัก คชาเอาขาลง บ่นพึมพำสองสามประโยคชนิดที่ผมจับใจความไม่ได้ ก่อนที่มันจะมายกโต๊ะโน้ตบุ๊กลงไปวางบนพื้น แล้วหันมาเสียงดังใส่ผม

“มองอะไรอยู่ได้ นอนไปเลยมึงน่ะ!”

จ้า นอนก็นอน ทิ้งตัวลงนอนแต่โดยดี ปล่อยให้คชาไปปิดไฟแล้วกลับมานอนข้างๆ ผมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมหลับไม่ลงแล้ว

กลัวเสียงปริศนามันจะมาหลอกหลอนยามหลับใหลอีกรอบชะมัด...

สรุปแล้วผมก็แทบจะไม่ได้นอนทั้งคืน เกือบจะโดดเรียนกลับมานอนที่หอเดิมอยู่แล้วเชียวถ้าหากว่าเมื่อเช้าไม่ได้นัดกับคชาไว้ว่าตอนเย็นจะไปขนของที่หอผมเพิ่มเติม ผมก็อยากจะปฏิเสธมันอยู่หรอก แต่เห็นท่าทางหัวเสียของมันแล้วก็ไม่อยากจะขัด ไม่ใช่เพราะกลัวมันนะ...แต่โอ้โห แม่งเล่นบ่นเช้าบ่นเย็นกรอกหูอย่างนี้ ผมจะประสาทกินน่ะสิ

“ถ้ามึงมัวลีลานะ กูจะโยนของมึงออกจากระเบียงห้องกูเลยคอยดู”

มึงอย่ามาทำเป็นหงุดหงิดกลบเกลื่อนเรื่องที่กูจับได้ว่ามึงว้าวเมื่อคืนว่ะ รู้ทันหรอก

แต่ไม่พูด ปล่อยมันเถอะ อยากจะพล่ามอะไรก็ช่างเพราะอันที่จริงที่ทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้ก็เป็นเพราะผมเอง ดังนั้นพอตกเย็น ผมก็ไปเจอกับคชาที่หน้าคณะตามที่นัดหมายกันไว้ แล้วพากันไปขนของที่ยังเหลืออยู่ที่ห้องผม ของที่ยังเหลืออยู่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหนังสือกับของใช้กระจุกกระจิกอีกนิดหน่อย

...นิดหน่อยพ่อง! มากมายมหาศาลเลยเถอะ!

ตอนมันอยู่ในห้องเฉยๆ มันก็ดูไม่มากแหละ พอขนเท่านั้น โอ้โห นรกเลย มากหรือไม่มาก ดูสีหน้าของคชาตอนนี้ได้เลย มันยกกล่องพลาสติกพร้อมกับก่นด่าผมไปตลอดทางเดินลงบันไดเลยทีเดียว

“ไหนมึงบอกไม่เยอะไงวะ ซื้อมาฝังตัวเองเหรอไอ้เอ๋อ”

ฝังมึงนี่แหละถ้าไม่หุบปากสักที!

ผมที่เดินตามหลังมันอยู่แทบจะเอากล่องพลาสติกในมืออีกกล่องทุ่มใส่หัวมัน ทว่าก็ทำได้แค่คิด ลำพังแค่ยกแล้วเอาลงมาก็แทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว เรื่องทุ่มใส่หัวมันนี่เลิกคิดไปเลย เหนือสิ่งอื่นใด ผมหงุดหงิดเรื่องอื่นมากกว่า

แม่ง ทำไมหอนี้มันไม่มีลิฟต์วะ

ตอนมาอยู่ก็อาศัยว่าหอราคาไม่แพงมากไงเลยไม่จำเป็นต้องมีลิฟต์ก็ได้ ตอนย้ายออกนี่นรกเลยทีเดียว กว่าจะขึ้นมา กว่าจะขนลง เล่นเอาหอบกินไปตามๆ กัน สำหรับคชาน่ะไม่เท่าไหร่ ถึงมันจะดูเจ้าสำอางแต่มันก็ออกกำลังกายบ่อย ใช้แรงแค่นี้ไม่สะทกสะท้านอะไรเลยแม้แต่น้อย ผิดกับผมที่เดินขึ้นบันไดรอบเดียวก็เหนื่อยแล้ว

ขนกันมาพักใหญ่ ผมก็ต้องขอเวลานอกก่อนเพราะไม่ไหวจริงๆ เสื้อนักศึกษานี่ชุ่มเหงื่อไปหมด ในขณะที่คชาเองก็มีสภาพเหมือนเพิ่งไปวิ่งร้อยเมตรมาเหมือนกัน

“เอ้ามึง เร็วเข้า เหลืออีกสี่กล่อง รีบขนจะได้เสร็จๆ”

“เดี๋ยวก่อนนะคชา เราขอพักอีกแป๊บ” ผมต่อรอง ไม่ไหวจะขึ้นไปตอนนี้จริงๆ หอบแฮ่กเป็นน้องหมาหอบแดดขนาดนี้ ให้ขึ้นไปขนต่อเลยคงจะไม่ไหว

ทว่าพอผมพูดไปอย่างนั้น คชาก็ทำหน้าเบ้ใส่ “อะไรของมึงวะ แค่นี้ทำเป็นสำออย”

ใครจะไปถึกเหมือนมึงล่ะไอ้คชา!

อยากจะด่า แต่ก็สงบปากสงบคำ ผมไม่ใช่พวกชอบต่อล้อต่อเถียงอยู่แล้วด้วย อีกอย่างแค่คชายอมเป็นรูมเมตผม แถมยังมาช่วยขนของ แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ผมเลยยืนพักอีกครู่หนึ่งก่อนจะเดินตามแผ่นหลังกว้างเข้าไปในหอพักอีกครั้ง

คราวนี้เป็นการขนรอบสุดท้าย...

ผมคาดการณ์ว่าจะเป็นอย่างนั้น ของเหลืออีกสี่กล่องไม่ใหญ่มาก คชาเลยเอาซ้อนกันแล้วยกลงมาทีเดียวสองกล่อง เหลืออีกสองให้ผมขน ผมก็เลยทำตามมัน ทว่า...ไม่สามารถว่ะครับ ก็ไอ้กล่องที่คชามันยกน่ะมีแต่เสื้อผ้า ส่วนที่มันเหลือทิ้งไว้ให้ผมแม่งมีแต่หนังสือ ไอ้คชาเดินตัวปลิวไปโน่นแล้ว มีแค่ผมที่ต้องค่อยๆ ยกลงมาทีละกล่อง ยกไปก็พึมพำด่ามันในใจไปด้วย

แทนที่จะยกกล่องหนังสือไปแล้วให้ผมยกกล่องเสื้อผ้า ไอ้นี่แม่งกวนแท้!

แบกไปก็ก่นด่าคชาในใจไปตลอดทาง ทว่าระหว่างที่กำลังไต่ลงบันได จู่ๆ หูผมก็ได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้น

“เอ้า มาวิน”

เสียงคุ้นหูมาก แต่จะหันไปมองก็ไม่ถนัด ได้แต่หยุดยืนอยู่อย่างนั้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะรีบเดินเข้ามาหาผม แย่งเอากล่องในมือไปช่วยถือ

“จะย้ายหอเหรอ”

หันไปมองปุ๊บก็ต้องผงะ

พี่ชิณณ์!

พี่ชิณณ์ยิ้มหวาน จังหวะที่ผมสบตาเขาพอดี แว้บ!...เสื้อผ้าหายไปแล้ว โฮรว! พี่ชิณณ์ในชุดนักศึกษาช่วยผมถือกล่องหนังสือกลายเป็นชีเปลือยไปแล้วเรียบร้อย ช่วงบนมีกล่องหนังสือบังอยู่ แต่ช่วงล่างนี่ต่องแต่งโตงเตงจนผมเหลือบมองไปทางอื่นแทบไม่ทัน

“เอ้า พี่ถามน่ะ ไม่ได้ยินเหรอหืม?” พอเห็นว่าผมไม่ตอบก็เลยถามซ้ำอีก

ผมพยักหน้ารับ “ครับ แล้วพี่ชิณณ์มาทำอะไร”

ถูกถามกลับบ้าง พี่ชิณณ์ก็ร้องอ๋อเสียงดัง “พี่แวะมาเอาของที่ห้องหลานรหัสน่ะ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามาวินก็อยู่หอนี้”

ผมไม่รู้จะตอบกลับยังไงจึงได้แต่หัวเราะแหะๆ ก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าเพื่อขอกล่องหนังสือในมือของพี่ชิณณ์คืน

“เดี๋ยวผมถือลงไปเองก็ได้ครับ” พูดอย่างนี้เพราะคิดว่าพี่ชิณณ์คงจะช่วยผมถือลงไป

แล้วก็จริงอย่างที่คาดคิดไว้ซะด้วยเพราะพี่ชิณณ์ขยับตัวหลบแล้วหัวเราะเล็กน้อย

“เดี๋ยวพี่ช่วยเอาลงไปให้ มาวินขึ้นไปขนที่เหลือเถอะ”

“แต่ว่า...” ผมกำลังจะแย้ง

“เอาน่า ไม่ต้องเกรงใจ ช่วยกันจะได้เสร็จเร็วๆ มาวินจะได้ไม่ต้องเหนื่อยด้วย เหงื่อท่วมแล้วเราน่ะ” พี่ชิณณ์ก็สวนมาอีก

คือกูไม่ได้เกรงใจมึง กูแค่ไม่อยากเห็นป๋องแป๋งโอเคไหม!

แล้วยังไงล่ะ จะให้พูดเหรอว่า ‘พี่ชิณณ์ครับ ไปไหนก็ไปเถอะ กระเปี๊ยวพี่จะทำตาผมบอดแล้ว’ มันก็ไม่ใช่ปะ ผมก็เลยได้แต่พยักหน้ารับหงึกหงักไป ถอนหายใจออกมาก่อนจะบอก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel