สบตา ครั้งที่ 3: เวลคัมๆ มายรูมเมต[2/2]
“พูดไม่เพราะ” ผมว่า
คชาเหมือนจะคิดได้ในตอนนี้ว่าเรียกแทนตัวผมว่าอะไร สบถออกมาเล็กน้อย
“เรื่องมากฉิบ เออๆ นายว่าพี่ชิณณ์เขาให้ท่าเราหรือเปล่าวะ”
“พี่เขาไม่ได้เป็นเกย์นี่ จะให้ท่านายได้ยังไง”
คชาจึ๊ปากขัดใจนิดหน่อยที่ได้ยินผมตอบอย่างนั้น ผมไม่รู้จะทำหน้าเหม็นเบื่อมันยังไงเลย
อะไรของมันวะ ไหนบอกว่าไม่ได้เป็นเกย์ แค่บอกว่าพี่ชิณณ์ไม่ได้ให้ท่า จะทำเป็นหัวเสียทำไม
แต่ผมก็ไม่สนใจหรอกว่ามันจะรู้สึกยังไง แสดงท่าทางอย่างนี้สิดี ผมจะได้ใช้พี่ชิณณ์เป็นเหยื่อล่อซะเลย
“แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ พี่ชิณณ์อาจจะสนใจนายก็ได้ ของแบบนี้มันต้องรอดูไปนานๆ”
“แล้วจะสังเกตยังไงอะว่าพี่ชิณณ์ชอบเรา”
ตอนนี้มาเรียกแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่ปกติชนพูดกันแล้ว
“ก็...” ผมเว้นจังหวะไป “เราสองคนย้ายมาอยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ พี่ชิณณ์มาหาบ่อยๆ ก็คงจะสังเกตเห็นมั้ง”
ด้วยความที่กลัวว่าคชาจะเปลี่ยนใจ ผมเลยรีบกลับเข้าเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อมีโอกาส
ตอนแรกคิดว่าเดี๋ยวคชาคงจะโวยวายหรือไม่ก็พูดอะไรไม่เข้าหูอีก ทว่าผิดคาด มันดีดนิ้วเปาะประหนึ่งคิดได้
“ฉลาดนี่หว่า กะใช้ความใกล้ชิดสังเกตอาการสินะ”
“อะไรประมาณนั้น” ผมว่า “ว่าแต่นายพร้อมจะย้ายมาอยู่กับเราเมื่อไหร่ล่ะ”
ผมคิดในใจว่ามันคงบอกว่าเทอมหน้าอะไรอย่างนี้เพราะการย้ายหอระหว่างเทอมไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
“ทำไมต้องย้ายเทอมหน้าวะ”
คชาดูท่าจะไม่ตระหนักถึงความจริงข้อนี้ คือความจริงแล้วที่มันย้ายยากน่ะ เป็นเพราะ...
“ปกติเวลาทำสัญญาเช่าหอ เขาให้ทำเป็นเทอมๆ ไปนี่นา ถ้าจะย้ายตอนนี้มันก็ยุ่งยาก ต้องไปหาหอที่นักศึกษาด้วยกันปล่อยขายสัญญา มันหายากนี่”
ผมให้เหตุผล แต่เหมือนจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับคชาเลยเพราะจู่ๆ มันก็พูดขึ้นมา
“งั้นมึงก็ย้ายมาอยู่หอกูสิ”
กลับมาพูดมึงกูอีกละ น่าเบื่อชะมัด...
“นายอยู่หอไหนล่ะ” ผมแสร้งทำเมินเรื่องมันพูดไม่เพราะ คุยแต่เรื่องสำคัญๆ พอ
“หอจีซัส ข้างๆ มอเนี่ย”
พอมันบอกชื่อหอมา ผมก็เบิกตาโตทันควัน
หอจีซัส... หอที่ได้ชื่อว่าแพงชะลูดตูดปอด ลูกผู้รากมากดีชอบไปเช่าอยู่กันเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันพร้อมความหรูหราระดับคอนโดมิเนียมหรู ต่อให้อยู่กับรูมเมต หารค่าเช่ากัน แต่เดือนนึงก็ตกไม่ต่ำกว่าห้าหลัก
ใครจะมีปัญญาไปอยู่วะ ก็เห็นๆ อยู่ว่ากูมีปัญหาทางด้านการเงิน
แต่ไม่ได้บอกคชามันไง มันเลยไม่รู้ ผมสู้อยู่หอเดิมยังจะถูกกว่าอีก อย่างน้อยค่าเช่ารวมค่าน้ำค่าไฟก็ไม่ถึงห้าหลักต่อเดือนวะ
“หอนั้นไม่ไหวหรอก มันแพงไป เราต้องหาเงินแบ่งเบาภาระทางบ้านด้วยน่ะ ไว้รอเทอมหน้าแล้วค่อยหาหอที่ถูกกว่านี้แล้วกัน”
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจไปอย่างนั้น
แม่ง... อุตส่าห์เจอคนที่สบตาแล้วไม่เห็นแตงกวาหว่างขาทั้งที แต่มันดันเป็นพวกไฮโซหัวสูงซะนี่ กัดฟันอดทนอยู่หอเดิมไปอีกหน่อยก็แล้วกันถึงจะต้องอดมื้อกินมื้อไปบ้างก็เถอะ ขอความช่วยเหลือจากทางบ้านต่อไปอีกนิดหน่อย ถ้าอธิบาย...ทางบ้านคงจะเข้าใจมั้ง
หากแต่คชาไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้น พอได้ยินผมพูด มันก็ชักสีหน้า
“อะไรของมึงวะ ตอนชวนก็เป็นคนมาชวนกูเอง แล้วทีนี้มาทำเป็นปฏิเสธ เล่นตัวเหรอวะไอ้เอ๋อ” แล้วก็ยื่นนิ้วมาจิ้มไฝที่ใต้ตาขวาผมเป็นการใหญ่
ผมสะบัดหน้าหนี มุ่ยหน้าใส่มัน
“ไม่ได้เล่นตัว แต่เราไม่มีเงินมากพอจะไปแชร์ค่าห้องกับนายน่ะ รู้ไม่ใช่เหรอว่าหอนั่นแพงหูฉี่ขนาดไหน”
คชาชำเลืองมองผมคล้ายจะปรามาสว่า ‘พวกไพร่’ ยังไงก็ไม่รู้ ก่อนมันจะพ่นลมหายใจออกมายาว
“ช่วยไม่ได้ กูให้มึงมาอยู่ด้วยฟรีๆ ก่อนแล้วกัน”
ผมหูผึ่งทันควัน “หมายความว่าไงให้อยู่ด้วยฟรีๆ”
“ก็หมายความว่าให้มาเป็นรูมเมตด้วยฟรีๆ ไม่ต้องช่วยแชร์ค่าห้องไง แต่ถ้าอยากจะช่วย จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ตอะไรพวกนั้นก็พอ”
“พูดจริงเหรอ”
ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เชื่อหูว่าคนอย่างคชาจะใจกว้างขนาดนี้ ส่วนคชาก็พยักหน้ารับ
“พูดจริง ค่าจิปาถะพวกนั้นไม่กี่พัน มึงคงมีปัญญาจ่ายได้อยู่มั้ง”
จ่ายได้แน่นอน มันจะสักกี่พันกันเชียว อย่างน้อยก็ถูกกว่าค่าเช่าหอของผมในตอนนี้ทั้งเดือนแหละนะ
“คชา... นายโคตรเป็นคนดีเลยว่ะ”
ผมหลุดปากชมมันออกไป คิดในใจว่ามันคงจะเป็นพวกแข็งนอกอ่อนใน ข้างนอกปากหมา ข้างในใจดีอะไรอย่างนั้น
แต่ผิด...
ผิดถนัดเลยเมื่อประโยคถัดไปหลุดออกมาจากปากมัน
“แต่มึงต้องพาพี่ชิณณ์มาเที่ยวที่ห้องบ่อยๆ นะ ถ้าเป็นไปได้ก็มาค้างคืนเลย กูจะแบ่งเตียงให้นอน”
จากนั้นก็ทำหน้าหื่นๆ อยู่คนเดียว... ว่ายังไงดี มันก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นั่นแหละ แต่ในสายตาผมนี่แบบ...มองแล้วเหมือนมันเป็นคนโรคจิตชะมัด
จากนั้นก็สะดุ้งอีกทีเมื่อมันว่าเสียงดัง
“ถือว่าตกลงแล้ว ดีล!”
กูไปตกลงกับมึงตอนไหน มึงอย่ามาลากกูเข้าแผนการชั่วช้าล่าพี่ชิณณ์ไปเป็นเมียของมึงนะเว้ย!
ทำเป็นคิดไปงั้นแหละ ตัวเองก็ใช้พี่ชิณณ์หลอกล่อมันเหมือนกัน ชั่วพอกัน แต่เอาเป็นว่าทุกอย่างราบรื่นดีก็แล้วกัน
หลังจากตกลงกันได้เป็นมั่นเป็นเหมาะก็แยกย้ายกันไปเรียนตอนบ่าย ปกติหลังเลิกเรียนแล้ว ผมจะต้องตรงกลับหอแล้วไปทำงานพิเศษซึ่งก็คือการเป็นพนักงานทำความสะอาดที่ห้างสรรพสินค้าแถวมหาวิทยาลัยต่อทันที ทว่าวันนี้ผมกลับต้องโทรไปลางานกะทันหันแล้วอ้างว่าป่วยใกล้ตายไปเรื่อย ที่ทำอย่างนั้นก็เพราะ...
...ไอ้คชามันชวนผมไปห้องน่ะ
พูดอย่างนั้นก็ฟังดูสองแง่สองง่าม ดูลามกและไม่น่าไว้ใจยิ่งกว่าตอนคชากระซิบกระซาบข้างหูผมแล้วบอกว่า ‘เลิกเรียนแล้วไปห้องกูกันนะ’
หูย ขนลุกมากแม่จ๋า ตกลงปลงใจไปด้วยแล้วกูจะโดนมึงทำอะไรไหม
ไม่โดนหรอก ความจริงมันแค่ชวนไปดูห้องว่าอยู่ได้ไหม โอเคไหมอะไรอย่างนั้น
มายืนรอมันอยู่หน้าคณะ ไม่นานก็เห็นคชาเดินออกมาจากตึกแต่ไกล
หล่อเด่นเป็นสง่า สังเกตง่ายชะมัด ก่อนที่มันจะร้องทักผมและพาไปที่ลานจอดรถ ขึ้นรถมันกลับไปที่หอจีซัส
ว่ากันตามตรง ผมว่าบ้านของคชาคงจะฐานะดีไม่น้อย ไม่งั้นมันคงไม่มีอะไรเพียบพร้อมขนาดนี้ และก็ต้องมั่นใจทันควันว่ามันฐานะดีแน่ทันทีที่เหยียบเข้ามาในหอจีซัส
ไอ้หอบ้านี่น่ะ...โค-ตะ-ระ หรูเลย!
หรูตั้งแต่ทางเข้ายันขึ้นไปบนห้อง เปิดห้องมาที...ผ่าง! อย่างกับโรงแรม
ความรู้สึกตอนนี้เหมือนผมมาโรงแรมกับไอ้บ้าคชาชะมัด ยิ่งเหลือบไปมองมันที่เดินเข้าไปในห้องก่อนพร้อมกับเรียกผม ผมก็ยิ่งเสียวสันหลังวาบ
“เข้ามาก่อน ทำตัวตามสบาย ห้องกูก็เหมือนห้องมึงแล้วตอนนี้”
ประหนึ่งสามีภรรยาคู่ข้าวใหม่ปลามันพูดคุยกัน
ขนจะลุกเกรียวไปไหน แต่ผมก็ยอมเดินเข้าไปนะ พลางสลัดความคิดบ้าๆ นั่นทิ้งไป ปรายตาสำรวจมองไปรอบๆ ห้อง
ห้องของคชาแบ่งเป็นสองโซนคือโซนนั่งเล่นและโซนที่เป็นส่วนสำหรับห้องนอนที่อยู่ด้านใน มีห้องน้ำและระเบียงเล็กๆ ยื่นออกไปอีกหน่อย คล้ายกับคอนโดฯ นั่นแหละ เพียงแต่ไม่ได้กว้างขวางมากมายแต่ก็ถือว่าหรูและกว้างทีเดียวสำหรับเด็กนักศึกษา แต่ที่สะดุดตาผมไม่ใช่เรื่องความกว้างของห้อง ทว่าเป็นเรื่องความสะอาดมากกว่า
ข้าวของทุกอย่างถูกเก็บเข้าชั้นอย่างเป็นระเบียบ มองเผินๆ อย่างกับเป็นห้องตัวอย่างของพวกคอนโดฯ อะไรอย่างนั้น จนผมต้องออกปาก
“สะอาดแบบไม่น่าเชื่อ”
“ก็กูเป็นคนสะอาดนี่” คชาตอบรับขณะที่กำลังวางแฟ้มเอกสารการเรียนลงบนโต๊ะอ่านหนังสือใกล้ๆ
ผมหันไปมองทันควัน “อย่าบอกว่านายทำความสะอาดเองทั้งหมด”
“ถ้ากูไม่ทำแล้วใครจะทำวะ ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้ามาอยู่ด้วยกัน มึงต้องช่วยกูทำความสะอาดด้วย กูไม่เป็นคนรับใช้มึงนะจะบอกให้”
ถึงจะไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ว่าคชาเป็นคนรักสะอาดขนาดนี้แต่ผมก็พยักหน้า พลันมองตามหลังคชาที่เปิดประตูห้องนอนเข้าไปข้างใน
“เข้ามานี่สิ”
ชะ...ชวนเข้าห้องนอน
ใจไม่อยากเข้าเลย กลัวมันทำมิดีมิร้าย ยืนมองอยู่อย่างนั้นจนมันต้องทำหน้ามุ่ย
“เข้ามาเถอะน่า กูไม่พิศวาสมึงหรอก อย่าทำหน้าเหมือนกูจะล่อลวงมึงไปปล้ำว่ะไอ้โรคจิต”
ใครกันแน่โรคจิตน่ะ ถ้ามึงไม่ใช่ติ่งพระเอก GV กูก็เข้าหามึงได้อย่างสนิทใจแล้วรู้ไว้ด้วย!
แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ยอมเดินตามมันเข้าไปจนได้ ก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเตียงในห้องนั้นเป็นเตียงไซส์คิงเบดตั้งตระหง่านอยู่เดี่ยวๆ กลางห้อง
“บังเอิญห้องกูมีแต่เตียงแบบนี้ แต่ถ้ามึงมาอยู่ด้วย ก็เอาหมอนข้างมากั้นเอาแล้วกัน”
เหมือนรู้ว่าผมคิดอะไร คชาก็พูดออกมาก่อนแล้ว ผมควรจะปฏิเสธแหละแต่คิดถึงความมีน้ำใจของมันที่จะให้ผมมาอยู่ด้วย ผมเลยเอาแต่เงียบ
“ส่วนตู้เสื้อผ้า เดี๋ยวกูจะเคลียร์ของออกให้ มึงเอาตู้ฝั่งนั้นไปก็แล้วกัน”
คชาชี้นิ้วไปที่ตู้เสื้อผ้าบิวท์อินขนาดใหญ่ มันมีสองตู้และน่าจะอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าของหมอนี่
ผมพยักหน้าไปอีกขณะที่คชาเดินไปที่ตู้ซึ่งบอกว่าจะยกให้ผมเมื่อครู่ หยุดยืนอยู่หน้าตู้นั้นก่อนจะหันมาพูดกับผม
“แต่กูไม่ได้หมายความว่าจะยกตู้นี่ให้มึงใช้ทั้งหมดนะ”
“หมายความว่าไง”
พอผมถาม คชาก็เปิดตู้ออกมา ผมมองเข้าไป เห็นเสื้อผ้าแขวนอยู่ไม่ถึงสิบตัวซึ่งต่างจากที่ผมคาดการณ์ไว้ว่ามันน่าจะมีเสื้อผ้าเต็มไปหมด เพราะสิ่งที่ผมเห็นว่ามันอัดแน่นน่ะคือ...
ดะ...ดีวีดี
ดีวีดีหนัง GV เต็มไปหมดเลยโว้ย!
ไม่ใช่แค่ดีวีดี สินค้าลิมิเต็ดอิดิชันอะไรก็เต็มไปหมด พีคสุดคือโปสเตอร์ท่านฮิคารุอะไรของมันในชุดกางเกงในหนังตัวเดียวกึ่งนั่งกึ่งนอนอ้าข้าอล่างฉล่างแปะอยู่กลางตู้ด้วยหน้าตาและท่าทางเย้ายวน สำหรับคชา การเปิดตู้มาเจออะไรแบบนี้คงเป็นอะไรที่หฤหรรย์มาก แต่สำหรับผม เปิดมาปุ๊บ เจอห่อหมกปั๊บ
แบบนี้กูไม่โอเคแรง!
“กูจะใช้เป็นที่เก็บสมบัติด้วย”
ก่อนที่จะได้บอกมันว่าไม่โอเค มันก็พูดออกมาก่อนแล้ว ทีนี้ผมจะไปปฏิเสธได้ยังไงล่ะ ได้แต่อึกๆ อักๆ น้ำท่วมปาก จะพูดก็พูดไม่ออก
อีแบบนี้มันไม่เหมือนว่ากูเหรอที่เป็นติ่งพระเอกหนัง GV น่ะ!
“อย่าทำพัง อย่าทำเสียหาย ห้ามหยิบออกมาดู ออกมาเล่นโดยที่กูไม่ได้อนุญาตเข้าใจไหม” แล้วมันก็สั่งอีก
ผมได้สติเอาในตอนนี้
เอาวะ พูดจะต้องมาอาศัยมัน แต่ก็ต้องพูดเพื่อความตาไม่พร่าบอดเพราะโดนพืชผักสวนครัวประเภทงอกและย้อยห้อยต่องแต่งพุ่งใส่หน้าทุกวี่ทุกวัน
“ถ้ากลัวว่าเราจะทำพัง ทำไมไม่เอาไปเก็บไว้ในตู้นายล่ะ” พูดพลางพยักปลายคางไปที่ตู้ข้างๆ
คชาเดินไปเปิดตู้อีกตู้หนึ่ง เท่านั้นเสื้อผ้านับสิบตัวก็หล่นกราวลงมาบนพื้น ก่อนมันจะหันมาบอกผมด้วยสีหน้าเนือยๆ
“เต็มแล้ว ไม่มีปัญญาจะยัดเข้าไปละ”
แล้วใครให้มึงขนซื้อมาใส่ขนาดนั้! ซื้อตัวสองตัวแล้วมึงก็ใส่วนทั้งอาทิตย์ ที่เหลือก็เอาไปบริจาคสิวะ!
พูดไม่ได้อีก ฟังดูแล้วเห็นแก่ตัว รสนิยมมันคงจะเป็นอย่างนั้น ผมเลยได้แต่ยอมจำนนอย่างไม่มีทางเลือก
“อือ เราจะระวังนะ”
“ไม่ ‘จะ’ แต่ต้องเป็น ‘ต้อง’ ระวัง ‘must do it’ โอเคปะ”
ผมพยักหน้า หมดหนทางแล้วจริงๆ พลางมองคชาที่ทิ้งตัวนั่งยองๆ ยกกล่องแผ่นซีดีที่เรียงกันในกล่องไม้ออกมาตั้งไว้ข้างนอก
“เดี๋ยววันนี้กูจะเคลียร์พื้นที่ตู้ให้ มึงจะได้มีที่ว่างไว้เก็บของ ตอนนี้กลับไปได้แล้วไป เก็บข้าวของซะ พรุ่งนี้ก็ย้ายเข้ามาได้เลย”
ฟังแล้วก็อยากจะเปลี่ยนใจชะมัด แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องตามนั้นแหละ
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราขนพวกเครื่องนอนมาก่อนนะ” ผมบอก
คชาตอบรับ ไม่ได้หันมาสนใจผมเลย เอาแต่นั่งเรียงดีวีดีอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้ผมได้เช็กว่าที่เตียงมันขาดเหลืออะไรบ้าง จะได้เอามา
อย่างแรกก็หมอน...
อย่างที่สองก็ผ้าห่ม...
อย่างที่สามก็...
คิดไปก็ถลกผ้าห่มที่คลุมเตียงขึ้นเพื่อตรวจสอบ หากแต่พอผ้าห่มหลุมออกจากเตียง ผมก็ตกใจอย่างรุนแรงเมื่อเห็นว่าใต้ผ้าห่มนั้นมีหมอนข้างวางอยู่
ใช่...หมอนข้าง
ถ้าเป็นหมอนข้างธรรมดา ผมจะไม่ตกใจเลย แต่นี่มัน...
หมอนข้างฮิคารุซามะนอนแผ่แถมใส่กางเกงในตัวเดียว!
โอ้โหไอ้คชา! มึงเป็นเอามากขนาดนี้เลยเหรอ!
เคยเห็นแต่ในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นนะไอ้พวกคลั่งๆ อะไรพวกนี้มากๆ ในชีวิตจริง อย่างดีก็เห็นแค่ตัวการ์ตูนจากอนิเมะญี่ปุ่นอะไรเทือนนั้น แต่นี่มัน...
มันเป็นคนจริงๆ มีตัวตนจริงๆ ที่หลุดออกมาจากหนัง GV นะเว้ย!
เหมือนจะรู้ว่าผมตกใจอะไร คชาหันมามองแล้วว่าอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ปลอกหมอนข้างนั่นไว้เดี๋ยวกูจะเอาไปซักคืนนี้ พรุ่งนี้ถ้ามึงมาจะได้ใช้กั้นระหว่างกูกับมึง”
นี่มึงจะให้กูนอนกับฮิคารุซามะในสภาพมีเกงในห่อแหนมตุ้มจิ๋วอย่างนี้จริงๆ เหรอวะ จิตใจมึงทำด้วยอะไร!
โอดครวญกับตัวเองในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ไม่ได้อยากจะต่อว่ารสนิยมของมันหรอกนะ ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่มันจะมายัดเยียดให้ผมเจอหน้ากับห่อหมกฮิคารุซามะทั้งก่อนนอนและเวลาตื่นอย่างนี้ไม่ได้!
แต่จะไปพูดอะไรได้ล่ะ พอคชาพูดจบ มันก็ออกปากไล่ผมแล้ว
“กลับไปได้แล้วไป จะได้มีเวลาไปเก็บข้าวของ มายืนจ้องกูก็ไม่ได้ทำให้มึงเก็บของเสร็จหรอกนะเว้ย ที่ให้มึงมาก็แค่ให้มึงมาดูห้องเฉยๆ ว่าอยู่ได้ไหม”
อยู่ได้... ได้ดีเลยล่ะ ถ้าไม่มีพระเอกหนัง GV มึงตามมาหลอกหลอนกูเนี่ย!
แม่ง เปลี่ยนใจกลับไปอยู่คนเดียวเหมือนเดิมดีไหมวะ...
คชาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย พูดอยู่คนเดียวเป็นวรรคเป็นเวร
“เวลคัมๆ มายรูมเมต”
ถ้ามึงจะเวลคัมด้วยการเซอร์ไพรส์กูด้วยปลอกหมอนข้าง 3D ไข่นกกะทาฮิคารุซามะทะลุจอขนาดนี้ ไม่ต้องก็ได้เว้ย!
