บทที่ 2
“แหม หล่อๆ แบบนั้นเขาไม่สนใจตุ๊ดผีอย่างแกหรอก ต้องสวยๆ อย่างฉันนี่ เขาถึงจะมาขอให้ไปเป็นคนของใจ!”
ฉันหัวเราะเบาๆ ยิ้มเยาะเพื่อนทั้งที่ตัวเองยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของเขาคนนั้นด้วยซ้ำ เคยบ้าถึงขนาดกลับไปยืนชะเง้อคอรอคอยอยู่ตรงริมฟุตปาธที่เดิมนั่นด้วย หวังลมๆ แล้งๆ ตลอดหลายวันว่าอาจจะได้เจอเขาอีก
แต่ก็นะ...กินแห้วจนอิ่ม
พอถึงเวลาลงมือ จริงอย่างที่คิดไว้เลย ตัวหนังสือบนข้อสอบลอยไปมาจนเวียนหัวไปหมด แต่ไหนๆ ก็ถ่อสังขารมาถึงที่แล้ว ฉันเลยทำตามที่วัลลภมันบอก พนมมือขึ้นท่วมหัว นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้ว ขอให้ผ่านทีเถอะ ขอแค่ผ่านเท่านั้น ไม่หวังเกรดเออะไรหรอก ทำยังไงได้ ดันมาป่วยเอาช่วงสำคัญแบบนี้ ต้องมีที่พึ่งทางใจกันนิดนึง
เพี้ยง! ขอให้สอบผ่านทีเถอะ สาธุ...
เรื่องน่าตลกมักเกิดขึ้นบ่อยๆ...
หลายวันต่อมา ผลสอบวิชาที่ฉันหอบสังขารไปสอบตอนป่วยก็ออกมาแล้วอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ เป็นวิชาเดียวที่แจ้งเกรดในเว็บไซต์ วัลลภกับน้ำขิงที่ติวเข้มสามวันสามคืนได้เกรดบี ส่วนชะนีอินดี้ที่สูงแค่ร้อยหกสิบอย่างมีนาน่ะเหรอ ม้ามืดผิดโผมาก! เกรดเอกระแทกหน้าจนวัลลภถึงกับน้ำตาไหลพราก
“แกบนบานศาลกล่าวเทวดาองค์ไหนมา บอกฉันที!”
“ไม่มี แค่นึกถึงหน้าพ่อกับแม่”
ฉันตอบอย่างไร้อารมณ์ ลึกๆ ก็ดีใจอยู่หรอกที่คะแนนออกมาสวยหรูเกินคาด แต่พอนึกได้ว่ามันได้มาแบบโชคช่วย คนดีมีสำนึกอย่างฉันจึงหุบยิ้มฉับ ทำหน้านิ่งๆ เข้าไว้
เดี๋ยวเพื่อนกลับไปค่อยกระโดดโลดเต้นแล้วกัน!
“ดีใจด้วยนะมีน ครั้งแรกเลยที่แกได้เอ ปกติบีทุกวิชา”
“นี่ด่าป่ะคะคุณน้ำขิง” ฉันกลอกตาแทบจะเป็นเลขแปด
“บ้าเหรอ! เปล่านะ ฉันดีใจจริงๆ เว้ย”
น้ำขิงทำตาโตแล้วโคลงศีรษะแรงๆ ก่อนจะโผเข้ามากอดฉันแน่น แล้วรีบเด้งตัวห่างออกไปพร้อมหัวเราะลั่น เมื่อฉันใช้นิ้วชี้จิ้มเอวให้จั๊กจี้เล่น
“เออ ไหนๆ ก็สอบเสร็จทุกวิชาละ ไปกินอะไรหลังม.กัน”
วัลลภชวนหลังจากกรีดนิ้วเช็ดน้ำตาออกไปจากแก้ม แล้วเปิดกระเป๋าสะพายใบละเกือบแสนเพื่อหยิบแป้งตลับออกมาเติมความงาม
“อะไรอีกล่ะลิซซี่ คราวนี้จะหมูกระทะอีกไหม”
ฉันล่ะเพลียหูไปหมดเวลาน้ำขิงเรียกชื่อใหม่ของนังวัลลภแบบนี้ ฉันทำใจเรียกตามที่เพื่อนขอไม่ได้จริงๆ มันชวนให้นึกถึงตอนที่พ่อบ่นว่าเจ็บก้นเวลานั่งเพราะเป็นริดสีดวงน่ะ
ลิซซี่...ริดสี
“หมูย่างเนยเถอะ” วัลลภนี่ต้องยกให้เลยเรื่องปิ้งย่าง
“พอเลย อะไรที่มันมีควัน พอเลยนะ”
ฉันยกมือขึ้นห้าม ปกติคงโบกมือลา ขอต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกินอยู่ที่ห้อง แต่ไม่รู้นึกครึ้มใจอะไร วันนี้ถึงเกิดอยากสนุกขึ้นมา
“แล้วจะกินอะไรยะ แกน่ะพอเลยนะมาม่าเนี่ย!”
“เออ ไม่ได้จะกินมาม่า” ฉันทำหน้ายุ่งใส่
“แล้วจะกินอะไรกันดีนะ ไปเดินดูก่อนดีไหม” น้ำขิงเสนอ
“ปิดเทอมแล้ว ก่อนแยกย้ายกลับภูมิลำเนา เราไปดิ้นกันหน่อยดีกว่า แบบปลดปล่อยไง”
“เฮ้ย! นี่แกหมายความว่า...”
“เย้! ไปผับกัน!”
ฉันยิ้มร่า ทำเอาสองคนนั่นรีบหันมองสบตากันด้วยความตกใจ ทำหน้าเหมือนเห็นผี แต่ก็พอเข้าใจได้อยู่...คนชอบเก็บตัวอย่างมีนา ไม่ชอบสุงสิงกับใคร อุตส่าห์ออกปากชวนเพื่อนออกไปสถานที่อโคจรทั้งที
ใครบ้างล่ะที่จะไม่ตะลึง!
ขึ้นชื่อว่าผับแล้ว แน่นอนว่าต้องมีทั้งผู้คนที่ดีและร้ายปะปนกันไป ฉันได้ยินเสียงผิวปากแซวตั้งแต่ก้าวเท้าผ่านการ์ดร่างยักษ์เข้าประตูมา แบบนี้คงต้องไม่บรรยายว่ามีนาเป็นคนสวยน่ารักแค่ไหน
วัลลภที่วันนี้อาสาเป็นเจ้ามือ สั่งเครื่องดื่มเบาๆ ให้น้ำขิงกับฉัน ส่วนตัวเองจิบน้ำส้มแบบสวยๆ ให้เหตุผลว่ากลัวเมาแล้วจะถูกหนุ่มๆ หิ้วไปปล้นสวาท...
“มาผับแต่กระแดะจิบน้ำส้มเนี่ยนะริดสี” ฉันเบ้ปากใส่
“ต๊าย! เดี๋ยวได้จ่ายเองนะ ปากคอร้ายกาจเรียกฉันแบบนี้ได้ยังไง ถ้ามีหนุ่มๆ ได้ยินเข้าฉันเสียราคากันพอดี!”
วัลลภฟาดแขนฉันไปเผียะหนึ่ง แสบๆ คันๆ แต่ช่างมันเถอะ ถึงใจสาวแต่กายมันเป็นชายทั้งแท่ง ขืนมีเรื่องกันคนตัวเล็กๆ อย่างฉันอาจถึงตายเอาได้
“มันก็ดัดจริตแค่แก้วแรกแหละมีน คอยดูแก้วต่อไปนะ” น้ำขิงชะโงกหน้ามากระซิบ วัลลภมัวแต่ส่งสายตาอ่อยหนุ่มเลยไม่ได้สนใจพวกฉันอีก
แล้วก็เป็นอย่างที่คาดไว้ นังผีริดสีดวงจิบน้ำส้มแค่แก้วแรก ต่อมาก็ล่อวอดก้าจนเมาตาเยิ้ม หน้านี่แดงไปถึงหู จากนั้นก็หลุดบทแอ๊บสวย ลุกออกไปเต้นนัวเนียผู้ชายแบบที่เรียกได้ว่า ‘สเต็ปเทพ’
ฉันกับน้ำขิงเองก็มึนนิดๆ แต่ไม่ได้ลุกไปเต้นแบบวัลลภ นั่งโยกกันอยู่ที่โต๊ะเบาๆ คุยกันสนุกสนานโดยไม่สนใจสายตาหื่นกามของพวกลามกทั้งหลาย เพราะเลือกจะมาสถานที่แบบนี้ก็ต้องยินยอมเพิกเฉยต่อเรื่องพวกนี้ด้วยเหมือนกัน
“ปวดฉี่ว่ะขิง” ฉันอั้นมาพักหนึ่งจนทนไม่ไหวแล้ว
“อืม ไปดิ เดี๋ยวพาไป” น้ำขิงอาสา กำลังจะลุกจากเก้าอี้
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปเอง แกคอยดูนังลภดีกว่า ฉันกลัวมันจะทำอะไรแย่ๆ ด้วยการปล้ำผู้ชายตายคาผับ เมาแล้วสติสตังไปหมด” ฉันบอกแล้วมองสภาพเพื่อนตัวดี
ตอนนี้วัลลภกำลังเต้นสะบัดผม โยกย้ายส่ายสะโพกพริ้วไหวอยู่กับผู้ชายร่างล่ำกลุ่มหนึ่ง วัลลภเป็นคนหน้าตาดี ผิวพรรณดี ที่สำคัญรวยมากด้วย ทั้งตัวนี่มีแต่แบรนด์เนม เลยอดห่วงไม่ได้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น
“ไปคนเดียวจะดีเหรอ?” น้ำขิงดูมาสบายใจ
“แหม ไปแป๊บเดียว ไม่มีอะไรหรอก”
ฉันตบบ่าเพื่อนสาวเบาๆ ยิ้มให้เพื่อความสบายใจก่อนจะลุกจากเก้าอี้ เมื่อมองเห็นป้ายบอกทางไปห้องน้ำแล้ว ฉันก็พาตัวเองแทรกผ่านกลุ่มคนไปทันที
แต่ไม่รู้เลยว่ากำลังมีใครคนหนึ่งตามมาข้างหลัง...
