บทที่ 11
แพรวพนิตดึงฉันให้หันไป ก่อนจะตวัดมือลงบนข้างแก้มสุดแรงจนเลือดไหลกบปาก ฉันหน้าชาไปหมดในตอนนี้ แล้วก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกด้วย ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะโดนจิกหัวตบแบบนี้
“หยุดนะแพรว!”
คุณแทนไทแทบกระโจนลงมาจากรถ เขาพยายามเข้ามาแยก แต่แพรวพนิตไม่ยอมปล่อยมือจากผมของฉัน ยิ่งกำแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
“ห่วงมันเหรอ? นี่ได้มันแล้วใช่ไหม!”
แพรวพนิตโวยวายดังลั่น
“พูดอะไรฮะ! ปล่อยมีนเดี๋ยวนี้ อย่าหาว่าไม่เตือนนะ!”
“ทำไม! จะทำร้ายแพรวเหรอ เอาสิ! เอาเลย!”
แพรวพนิตระบายความโกรธลงบนผมของฉัน ฉันกัดปากแน่น เริ่มทนไม่ไหวที่ถูกกระชากไปมา คุณแทนไทเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย เขาพยายามแกะมือของนางมารร้ายนั่นออก แต่ไม่กล้าทำแรงคงเพราะกลัวว่าหนังหัวของฉันจะถูกถลกเลือดซิบเสียก่อน
“พอได้แล้ว!”
ฉันหมดความอดทน จิกเล็บลงบนข้อมือยัยนั่น ความเจ็บปวดทำให้แพรวพนิตยอมปล่อยมือออกไปทันที เมื่อฉันเงยหน้าขึ้นมอง เธอก็สะบัดฝ่ามือน้อยๆ ใส่แก้มฉันไปอีกทั้งซ้ายและขวา
ฉันถูกกระทำเหมือนไม่มีศักดิ์ศรี!
“ฉันจะไม่ตบเธอกลับนะแพรว เพราะฉันถือว่าฉันผิดที่มายุ่งกับแฟนของเธอ” ฉันพูดแล้วใช้หลังมือเช็ดเลือดออกจากมุมปาก
“ว่ายังไงนะ?”
คุณแทนไทมีสีหน้าตกใจชัดเจน แต่ฉันพูดกับแพรวพนิตต่อไปอีกโดยไม่คิดจะสนใจเขา พอกันทีกับความอบอุ่นอ่อนโยนพวกนี้ พอกันทีที่ทำให้หัวใจของฉันสั่นไหว
“ทุกอย่างมันเป็นความบังเอิญเท่านั้น ถึงฉันจะประทับใจในตัวพี่แทน ไม่สิ...คุณแทน แต่ฉันไม่ได้อยากจะแย่งเขา แล้วฉันกับเขาก็ไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่เธอกล่าวหาด้วย!”
“อี...”
แพรวพนิตขยับจะด่า แต่ฉันชี้หน้าด้วยสายตาอาฆาต
“ฉันก็เป็นลูกมีพ่อมีแม่เหมือนกัน อย่าคิดว่าจะด่าว่าฉันได้แค่ฝ่ายเดียว เธอด่ามา รับรองเลยว่าฉันด่ากลับได้เจ็บกว่าแน่! แล้วถ้ายังคิดจะใช้กำลังอีก ฉันก็จะโต้ตอบเหมือนกัน!”
“นี่มันไปกันใหญ่แล้วนะ” คุณแทนไทพยายามอธิบาย
“ขอบคุณนะคะที่ดีกับมีนมาก แต่ต่อไป มีนแนะนำว่าคุณอย่าดีกับผู้หญิงคนไหนอีกเลยจะดีกว่า เพราะแฟนคุณอาจจะตามไปทำร้ายคนอื่นเหมือนไม่มีศักดิ์ศรีเอาได้อีก”
น้ำตาของฉันไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว แพรวพนิตทำหน้าตาเยาะเย้ยเต็มที่ ดูสะใจมากที่เห็นฉันกับคุณแทนไทกำลังแตกคอกัน
“เข้าใจผิดไปหมดแล้ว พี่กับ...”
“อะไรกับมันนักหนา! จะไม่จบใช่ไหม!”
แพรวพนิตกระชากแขนหนุ่มคนรักให้หันกลับไปมอง
“มันมากไปแล้วนะแพรว มากเกินไปแล้วจริงๆ”
นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ฉันได้ยิน ไม่มีความจำเป็นต้องทนยืนอยู่ตรงนี้อีกแล้ว ฉันกระชับกระเป๋าสะพายไว้บนไหล่ให้มั่นคง แล้ววิ่งแยกออกไปอีกทางโดยไม่สนใจเสียงเรียกรั้งของคุณแทนไท
เกิดเรื่องแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ทุกอย่างจะได้จบเสียที...
ฉันไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นมือที่สามของใครทั้งนั้น!
ฉันโทรศัพท์ไปบอกวัลลภกับน้ำขิงแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี แผลไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ขยันทายาอีกไม่กี่วันก็หายดีแล้ว สองคนนั้นกรี๊ดกร๊าดเห่อคุณแทนไทกันใหญ่ แต่พอฉันบอกว่าทุกอย่างจบแล้ว จบแบบโดนตบเลือดกบปากเลยด้วย เพื่อนๆ เลยยอมสัญญาว่าจะไม่พูดถึงเขาอีก
หัวใจของฉันห่อเหี่ยวมาก สุกี้ที่กินไปนิดหน่อยย่อยไปจนหมดแล้ว ทำให้หิวเสียจนท้องร้องโครกคราก ตัดสินใจออกจากหอไปซื้อบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงกินสักหน่อย แต่พอก้าวออกมาพ้นประตูทางเข้า เท้าของฉันก็เป็นอันชะงักกึกอยู่กับที่
“พี่...เอ่อ คุณแทนไท” ฉันแก้ไขคำเรียกขานให้เหมาะสม
“นึกว่ามีนจะไม่ออกมาข้างนอกซะอีก”
เขาลุกจากม้านั่งตัวยาว ผมเผ้ากับเสื้อเชิ้ตสีครีมเปียกชื้น คงเพราะฝนที่ตกลงมาก่อนหน้านี้ และเพิ่งหยุดลงตอนที่ฉันตัดสินใจว่าจะออกไปหาอะไรกินนี่เอง
“คุณแทนมารอมีนเหรอคะ?”
“ใช่ รอมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว”
“มีธุระอะไรกับมีนเหรอ”
ฉันชวนเข้าเรื่องทันที สายตาเหลือบมองไปข้างนอกรั้วที่มีรถจอดอยู่โดยอัตโนมัติ หวังว่าแพรวพนิตคงไม่ตามมาจิกหัวตบอีกรอบหรอกนะ
“แพรวไม่ได้ตามมาหรอก ไม่ต้องกลัวนะ”
เขาเดินเข้ามาหา หยุดยืนอยู่ใกล้มากจนฉันต้องเงยหน้าขึ้นมองสบตาแบบคอตั้งบ่า
“ไม่กลัวหรอกค่ะ มีนแค่ไม่อยากมีเรื่อง”
“พี่ขอโทษครับ”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณแทนหรอกค่ะ”
