10 คนขี้อิจฉา
“ทำไมคุณไม่เคยบอกข้าวเลยว่าเป็นเพื่อนกับดาราดังอย่างเมโกะ?”
หลังจากที่ได้รับคำตอบจากพัตเตอร์ ว่าเมโกะเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาหลายปี ใบข้าวก็เอ่ยถามคำนั้นขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม ไม่คิดว่าบนโลกใบนี้จะมีความบังเอิญได้มากขนาดนี้
“ผมไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้น่ะ” พัตเตอร์เอ่ยตอบเสียงเรียบนิ่ง รู้ตัวว่าเวลานี้เมโกะกำลังจ้องหน้าเขาไม่วางตา
“ไม่แปลกหรอกที่พี่ข้าวจะไม่รู้ว่าพัตเตอร์กับเมโกะเป็นเพื่อนกัน เพราะแม้แต่เมโกะเอง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าที่จริงแล้วแฟนผู้แสนดีของพี่ข้าวจะเป็นพัตเตอร์” ขณะนั้นดาราสาวก็เอ่ยคำประชดประชันขึ้นมา
“ฮ่ะๆ จริงสินะ เพราะพัตเองก็เพิ่งจะกลับมาได้ไม่กี่วัน นี่แสดงว่าเมโกะกับพัตก็เพิ่งได้เจอกันใช่ไหม?” ใบข้าวผู้ไม่รู้เรื่องราวถามขึ้นอีกครั้ง
“ที่จริง...”
“ครับ เราเพิ่งเจอกันก็วันนี้แหละ” ในตอนที่เมโกะคิดจะบอกว่าเธอและพัตเตอร์เคยเจอกันแล้วสองครั้งตั้งแต่ที่เขากลับมา ชายหนุ่มก็แทรกตอบขึ้นมาในทันที ซึ่งคำโกหกของพัตเตอร์ก็ทำให้เมโกะอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“ว่าแต่...สองคนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันใช่ไหม? งั้นคืนนี้พรุ่งนี้ที่เราจะไปกินข้าวที่ร้านของคุณลุงอินทรีย์ ก็ชวนเพื่อนๆไปด้วยดีไหมคะ? ข้าวอยากรู้จักเพื่อนๆทุกคนของคุณน่ะ” ใบข้าวหันไปหาพัตเตอร์ ส่งมือไปวางบนแขนของเขาอย่างสนิทสนม ภายใต้การมองดูของเมโกะ
“ผมไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆจะว่างกันหรือเปล่า” ยิ่งพอได้เห็นพัตเตอร์วางมือหนาลงบนมือบาง ส่งสายตามองกันอย่างคนรัก แสดงท่าทางเข้าใจเข้าใจและรักใคร่ หัวใจดวงน้อยของเมโกะก็ร้อนระอุขึ้นมา ไม่ใช่แค่เธอทนมองเขาและใบข้าวไม่ได้ แต่มันเหมือนว่าเธอจะบ้าขึ้นมาเมื่อได้เห็นว่าพัตเตอร์มีแฟน เมื่อได้เห็นว่าเขารักใครคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ
“กูว่าง...พรุ่งนี้ใช่ไหม? ไปสิ...ได้กินข้าวด้วยกัน คงจะสนุก...” เมโกะชิงตอบ ทั้งๆที่สายตายังจับจ้องมือคู่กันที่จับกันอยู่
“ดีเลย...พี่น่ะมีหลายเรื่องที่ต้องถามเมโกะ เรื่องใครบางคนน่ะ” ใบข้าวแกล้งทำเป็นพูด ส่งสายตามองช้อนไปยังพัตเตอร์
“เรื่องพัตน่ะเหรอพี่ข้าว? ถามมาได้เลยนะ เพราะเมโกะน่ะ...รู้เรื่องของเขาเยอะเลยล่ะ” พอเมโกะตอบออกมาแบบนั้น พัตเตอร์ถึงได้ปรายสายตามามองหน้าเธอ
“แบบนี้ยิ่งสนุกใหญ่ งานนี้คุณไม่รอดแน่...รอจะฟังเพื่อนๆเผาคุณไม่ไหวแล้ว” ใบข้าวยกยิ้มไม่วาง
“จะอยากรู้เรื่องของผมไปทำไมครับ? ในเมื่อยังไง...คุณก็หนีผมไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว ยังไงคุณก็ต้องอยู่ข้างๆผมไปตลอด ไม่มีคุณแล้วผมจะนอนกอดใคร?” พัตเตอร์ส่งมือไปลูบแก้มอมชมพูของใบข้าวพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“งื้อ! อย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นสิ...ข้าวเขินนะ ดูสิ...เมโกะจ้องเราอยู่” ใบข้าวเขินยกใหญ่
“จริงด้วย...ลืมไปเลยว่าตรงนี้มีคนอื่นอยู่” เขาเน้นย้ำตรงคำว่า ‘คนอื่น’ ก่อนจะหันมามองเมโกะที่เวลานี้ขบฟันกรามแน่น สองมือที่อยู่ใต้โต๊ะก็กำหมัดแน่น
“รักกันมากสินะ!” แล้วคนขี้อิจฉาก็ทนไม่ไหว ตั้งคำถามประชดประชันขึ้นมา
“หืม?”
“เมโกะหมายถึง...พัตกับพี่ข้าวดูรักกันมากจนน่าอิจฉาน่ะ”
“รักสิ ก็กูกับข้าว เราเป็นแฟนกัน” พัตเตอร์เป็นคนเอ่ยตอบ จ้องหน้าเมโกะไม่วางตา
“คุณ...อย่าพูดไม่เพราะแบบนั้นสิ ยังไงเมโกะก็เป็นผู้หญิงนะ” ใบข้าวไม่อยากให้พัตเตอร์พูดมึงกูกับเมโกะ เลยออกปากทันทีที่ได้ยิน
“ผมกับเมโกะ คุยมึงกูกันมานานแล้วล่ะ เพื่อนกันพูดได้ไม่เป็นไรครับ”
“เมโกะขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะพี่ข้าว” เพราะทนฟังคำหวานไม่ได้ สุดท้ายเมโกะก็ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำ เธอเดินออกไปมาที่ด้านนอกร้าน เดินผ่านซุ้มดอกไม้ที่ตั้งอยู่ในสวนหย่อมซึ่งทางร้านตกแต่งได้อย่างสวยงาม มาหยุดยืนที่หน้าอ่างล้างมือหน้าห้องน้ำ
“คำก็แฟน! สองคำก็เพื่อน! จะเน้นย้ำอะไรหนักหนา!” หญิงสาวมองหน้าตัวเองผ่านกระจกแล้วพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนที่จะกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรง เธอโกรธ...โกรธมากเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าได้โดนขโมยของรักไปแล้ว การแสดงความรักและคำหวานที่พัตเตอร์มีให้ใบข้าว มันทำให้เธอยิ่งโกรธ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าใบข้าวช่างเป็นคนที่น่าอิจฉา เพราะใบข้าวเป็นคนที่ได้พัตเตอร์ไป
คำบอกเล่ามากมายของใบข้าวมันดังขึ้นมาในโสตประสาท คำที่พูดถึงแฟน คำพูดน่าอิจฉามากมายประดังประเดเข้ามา ทุกสิ่งอย่างยิ่งย้ำเตือนให้เมโกะรู้ว่า...เธอเสียพัตเตอร์ให้ใบข้าวไม่ได้ ต่อให้ทั้งสองคนจะรักกันมาก ต่อให้เธอจะถูกชะตากับใบข้าว ต่อให้เขาทั้งสองคนจะเป็นคนดี แต่เธอก็ยืนยันว่าจะแย่ง...เพราะหากไม่มีพัตเตอร์ มันก็เหมือนว่าเธออยู่บนโลกใบนี้เพียงคนเดียว
“มึงคิดจะทำอะไร?” ขณะนั้นเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา เมื่อเมโกะหันไปตามเสียงก็ได้เห็นพัตเตอร์กำลังเดินเข้ามาใกล้เธอ
“พี่ข้าวไม่รู้สินะ ว่าคนในความทรงจำของมึง...ก็คือกู!” เมโกะไม่สนใจคำถามของพัตเตอร์ แต่สร้างคำถามใหม่ขึ้นมาแทน
“ถ้าแม้แต่ข้าวก็ยังไม่รู้ แล้วมึงเอาอะไรมามั่นใจว่าคนในความทรงจำของกูคือมึง?”
“แล้วมันจะมีใคร?! ในเมื่อก่อนที่มึงจะไปอังกฤษ คนที่มึงสารภาพว่าชอบก็คือกู!”
“งั้น...มึงก็ควรรู้ไว้ด้วยว่ามึงอยู่ในความทรงจำเท่านั้น มึงเป็นแค่อดีต...แต่ข้าวเป็นปัจจุบันและอนาคตของกู เพราะงั้นอย่าพยายามทำอะไรทั้งนั้น”
“ทำไม?! มึงกลัวอะไร? กลัวกูจะแย่ง? หรือกลัวพี่ข้าวจะรู้ว่ากูนี่แหละ! คือคนที่มึงเคยรักเคยชอบ!”
“เมโกะ!” พัตเตอร์เริ่มขึ้นเสียง
“อย่าทำอะไร...อย่าทำให้ข้าวเสียใจ เขาชอบมึงมาก แล้วเรื่องของเรามันก็จบไปแล้ว” ร่างสูงพยายามสงบสติอารมณ์
“แต่กูชอบมึง! ถึงจะรู้สึกถูกชะตากับพี่ข้าว แต่กูชอบมึง...นี่ไง กูสารภาพแล้วว่าชอบมึงอ่ะ! ทำไมเราไม่ลอง...มาเริ่มต้นกันใหม่อ่ะพัต?”
“มึงจะบ้าหรือไง? รู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา”
“รู้ตัวสิ...ตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าชอบมึง และไม่อยากเสียมึงให้ใครเลย ยิ่งรู้ว่าแฟนของพี่ข้าวคือมึง กูก็ยิ่งต้องการมึงมากกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า!”
“มึงไม่ได้ชอบกู มึงก็แค่เห็นแก่ตัว ทนเห็นคนอื่นมีความสุขไม่ได้ ที่มึงบอกว่าอยากได้กู...มันเป็นเพราะมึงเห็นคนอื่นได้กูไปแล้วไง” พัตเตอร์ส่ายหน้า แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาอีกครั้ง
“ไม่จริง! กูชอบมึง! และกูก็รู้ว่ามึงยังชอบกูอยู่!”
“...” พัตเตอร์นิ่งเงียบ เพราะเขาไม่รู้จะยกเหตุผลอะไรมาเถียงให้เมโกะเข้าใจ
“ไม่งั้น...เมื่อคืนก่อน มึงจะจูบกูทำไม? กูจะไปบอกพี่ข้าวให้หมดเลยว่าระหว่างเรามันคืออะไร!” เมโกะทำท่าจะเดินผ่านตัวพัตเตอร์ไป จังหวะนั้นชายหนุ่มก็คว้าแขนเล็กเอาไว้แน่น
“แสดงว่าสิ่งที่มึงต้องการ...คือทำให้ข้าวรู้เรื่องเรา เพื่อให้เขาทิ้งกูไป อย่างนั้นใช่ไหม?” เขาเอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“...”
“แล้วมึงคิดไหม? ว่าถึงกูกับข้าวต้องเลิกกัน...กูก็ไม่คิดจะมาคบกับมึง”
“ไอ้พัต!”
“ข้าวเป็นคนที่กูจะแต่งงานด้วย ที่ย้ายกลับมาเมืองไทยก็เพราะเราจะมาสร้างครอบครัวด้วยกันที่นี่...กูมีคำถามให้มึงกลับไปคิด ว่ามึง...คิดจะพังชีวิตคู่ของกูจริงๆเหรอ? เพื่อแค่ให้ได้ในสิ่งที่มึงต้องการ ทั้งๆที่มึงไม่เคยจะคิดสร้างครอบครัวหรือมีชีวิตคู่ร่วมกับกูด้วยซ้ำ” สิ้นคำถามนั้นพัตเตอร์ก็ปล่อยมือออกจากแขนของเมโกะ แล้วเดินออกไป แต่แล้วเมโกะก็วิ่งเข้าไปสวมกอดร่างสูงไว้จากด้านหลัง
“แล้วถ้ากูคิดล่ะ! ไอ้พัต! ถ้าต่อจากนี้กูจะเริ่มคิดเรื่องชีวิตคู่ของเราอ่ะ?!”
“เสียเวลาเปล่า...เพราะกูไม่คิดที่จะกลับไปหามึงแล้วจริงๆ” เขาแกะสองแขนที่โอบกอดเขาไว้แน่นออก ทิ้งท้ายไว้เพียงคำปฏิเสธสั้นๆ แล้วเดินจากไป...ทิ้งให้หญิงสาวยืนนิ่งงัน พูดอะไรไม่ออกอยู่ตรงนั้น นี่เป็นอีกครั้งแล้วที่เขาปฏิเสธเธอ แต่น่าแปลก...ที่คำปฏิเสธของเขามันเป็นเหมือนเชื้อเพลิงที่ก่อให้ไฟในใจก็รุกลามขึ้นเรื่อยๆ มันกลายเป็นว่า...เธออยากจะเอาชนะทกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า โดยมีเขาเป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะ!
