บทที่ 10
ฟู่หลงเหยียนไม่ตอบเขาพาอวี้จิ่นขึ้นยืนบนฐานพระด้วยวิชาตัวเบา และลงมายืนรอรับหลักฐานตามที่นางบอกเอาไว้ ส่วนอวี้จิ่นเมื่อหาที่จับได้แล้วก็เอื้อมมือไปดันกลไกที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน จากนั้นช่องลับค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ ด้านในช่องลับเต็มไปด้วยหลักฐาน ที่เจ้าเมืองเฉียนโจวให้คนสนิทนำมันมาซ่อนไว้ที่นี่ หลักฐานเล่มแล้วเล่มเล่า
ถูกอวี้จิ่นหยิบออกมาโยนให้ฟู่หลงเหยียนรับไว้ ขณะที่นางกำลังจะบอกฟู่หลงเหยียนให้พานางลงไปด้านล่าง กลับเกิดเหตุการณ์ที่อวี้จิ่นคิดว่ามันเป็นความประมาทของตน แต่แท้จริงแล้วนางถูกคนที่มองไม่เห็นกลั่นแกล้งให้แล้วต่างหาก
“พี่ชายฟู่ อ๊ะ!!”
“อวี้จิ่นระวัง!!”
“หมับ!! ตุบ! อึก จุ๊บ!! ”
“ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!”
‘เสียงหัวใจเต้นแรงเช่นนี้เฉินอิ่นต้องได้ยินเป็นแน่’
‘นังหนูข้าช่วยเจ้าเพิ่มความใกล้ชิดกับเนื้อคู่ให้แล้วนะ ฮ่า ๆ ๆ”
ฟู่หลงเหยียนช่วยรับร่างของอวี้จิ่นที่ร่วงลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ร่างของเขาล้มลงโดยมีร่างบางทับร่างของเขาเอาไว้ แต่เสียงหัวใจจะไม่ดังถึงเพียงนี้หากว่าริมฝีบางของอวี้จิ่น จะไม่ประกบลงมาบนริมฝีปากหนาของฟู่หลงเหยียนอย่างจัง และแน่นอนว่าสิ่งที่ฟู่หลงเหยียนคิดนั้นเฉินอิ่นย่อมได้ยิน เพียงแต่เฉินอิ่นจะบุ่มบ่ามเข้ามาด้านในไม่ได้หากเจ้านายไม่เรียก
‘เกิดอะไรขึ้นด้านในกันแน่เหตุใดเสียงหัวใจของทั้งสองถึงเต้นแรงเช่นนั้น’
แม้จะรู้สึกถึงแรงเต้นของหัวใจตนเองแต่ยังคงเป็นฟู่หลงเหยียน ที่ได้สติและถามไถ่อวี้จิ่นด้วยกลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บ
“จิ่นเอ๋อร์เจ้าบาดเจ็บที่ใดหรือไม่พี่บอกให้ระวังอย่างไรเล่า หากพี่ไม่อยู่ตรงนี้เกิดร่วงลงมาแขนขาหักจะทำอย่างไร”
“เอ่อ ไม่เจ็บตรงไหนเลยเจ้าค่ะแต่คำถามนี้ควรเป็นข้า ที่ต้องถามท่านมากกว่าว่าเจ็บที่ใดหรือไม่เพราะว่าท่านเข้ามารับข้าเอาไว้ แล้วก็ล้มหลายหลังไปเช่นนี้อย่างไรก็น่าจะเจ็บอยู่ไม่น้อยนะเจ้าคะ” อวี้จิ่นคิดว่าต้องเป็นนางที่ถามมากกว่า
“อย่าทำเป็นเล่นนะจิ่นเอ๋อร์ถ้าหากครั้งต่อไปเจ้าไม่โชคดีเช่นนี้เล่า ช่างเถอะ ๆ ต่อไปอย่าเอาตัวเจ้าไปเสี่ยงกับอันตรายอีกเข้าใจไหม” ฟู่หลงเหยียนเอ่ยเตือนร่างบางอย่างจริงจังเพราะเขาคิดว่านางน่าจะดื้อรั้นไม่น้อย
“เจ้าค่ะ”
“เฮ้อ ที่ดุเจ้าเพราะเป็นห่วงอย่าได้แปลความหมายเป็นอื่น
เอาล่ะมาช่วยกันเก็บหลักฐานทั้งหมดก่อนเถิดจะได้ไปจากที่นี่เสียที” ฟู่หลงเหยียนเห็นอวี้จิ่นรับคำเสียงอ่อยจึงรีบอธิบายถึงเหตุผลที่เขาดุนาง
“พี่ชายฟู่ท่านสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่มาเช่นนั้นเก็บหลักฐานพวกนี้ วางบนผ้าห่อให้มิดชิด แล้วผูกไว้กับตัวของท่านเถิดเจ้าค่ะพวกไต้ซือตัวปลอมนั่นจะได้ไม่สงสัยนะเจ้าคะ”
“อืม ทำตามวิธีของเจ้าก็แล้วกัน”
เมื่อทำตามวิธีที่อวี้จิ่นบอกเสร็จเรียบร้อยฟู่หลงเหยียนไม่ลืมเรื่องช่องลับ เขากระโดดขึ้นไปกดกลไกให้ช่องลับปิดไว้เช่นเดิมอีกครั้ง และทั้งสองคนยืนอยู่เงียบ ๆ ราวหนึ่งถ้วยชาก่อนที่ฟู่หลงเหยียนจะส่งเสียงเรียกเฉินอิ่นให้เปิดประตู
“เฉินอิ่น”
“เชิญนายน้อยขอรับ”
“ข้าต้องขอบคุณไต้ซือทั้งสองที่ต้อนรับเป็นอย่างดี หากงานของข้าสำเร็จลุล่วงตามที่ได้ขอพรไว้ รับรองว่าข้าจะกลับมาตอบแทนให้วัดประจำตระกูลอวี่อย่างยิ่งใหญ่แน่นอน” ใช่แล้วเขาจะตอบแทนให้ที่นี่กลายเป็นวัดร้าง
“โอ้ ขอบคุณประสกที่มีจิตเมตตามาทำบุญที่วัดแห่งนี้ งานของท่านต้องประสบความสำเร็จท่านสบายใจเถิด”
“เช่นนั้นข้าต้องขอตัวกลับก่อน”
เฉินอิ่นเห็นเจ้านายแอบยกยิ้มพร้อมสายตาที่ดุร้าย เขาก็เดาออกอย่างง่ายดายว่าภารกิจในครั้งนี้ใกล้จะสำเร็จแล้วนั่นเอง
หลังจากลงมาถึงเชิงเขาอวี้จิ่นยังคงขี่เจ้าเสี่ยวเฟิงกับฟู่หลงเหยียน ทั้งสามคนขี่ม้าเข้าเมืองเฉียนโจวและมุ่งหน้าไปยังจวนหลังหนึ่ง ที่ยามนี้ใช้เป็นสถานที่คุมขังเจียนฉือลูกน้องของเจ้าเมือง ฟู่หลงเหยียนต้องการให้อวี้จิ่นอยู่ที่จวนหลังนี้กับตงลู่ระหว่างที่เขาไม่อยู่ เนื่องจากเขามีภารกิจให้อู๋จิ้งไปทำระหว่างที่เข้าไปจับกุมเจ้าเมืองเฉียนโจว
“ยู๊วววว!! ตุบ”
“หืม พี่ชายฟู่เหตุใดไม่พาข้าไปส่งที่โรงเตี๊ยมล่ะเจ้าคะท่านพาข้ามาที่จวนหลังนี้ทำไมกัน”
“จิ่นเอ๋อร์ที่พี่ต้องพาเจ้ามาที่นี่เพราะอีกประเดี๋ยวกลางเมืองเฉียนโจวจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น และผู้คนอาจจะทำให้สถานการณ์วุ่นวายเกินไป เจ้าอยู่ที่นี่กับตงลู่จะปลอดภัยมากกว่าหากจบเรื่องแล้ว อีกสองวันพวกเราจะออกเดินทางกลับเมืองหลวงเจ้าเข้าใจที่พี่พูดหรือไม่” เพราะยามเกิดเหตุวุ่นวายพวกคนชั่วมักฉวยโอกาสทำเรื่องผิดกฎหมายอยู่เสมอ
“อ้อ เรื่องนี้เองหรือเจ้าคะข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ พี่ชายฟู่ทำงานอย่างสบายใจเถิดข้าจะรออยู่ที่นี่กับพี่ตะ เอ๊ย! น้าตงลู่เจ้าค่ะ” พูดผิดแค่นิดเดียวก็ทำหน้าบูดบึ้งเลยเชียว
“อืม เข้าใจก็ดีแล้ว”
แต่คนที่ไม่เข้าใจคงจะเป็นเฉินอิ่นและอีกสองคน ที่เพิ่งเดินมาถึงและทันได้ยินสิ่งที่เจ้านายของตนพูดกับสตรีร่างบางคนนี้ต่างหาก
‘จิ่นเอ๋อร์? พี่? ข้าเป็นน้าของนางตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“ตงลู่”
“ขอรับนายน้อย”
“พาจิ่นเอ๋อร์เข้าไปอยู่ในจวนดูแลนางให้ดีข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจคำสั่งนี้”
“รับทราบขอรับนายน้อย เชิญคุณหนูอวี้จิ่นเข้าไปพักผ่อนในจวนขอรับ” ลองทำอะไรไม่ถูกใจหญิงสาวให้เจ้านายรู้ดูสิ แล้วจะรู้ว่านรกบนดินที่แท้จริงเป็นอย่างไร
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” อวี้จิ่นจำต้องทำตามที่ฟู่หลงเหยียนบอกเพราะยามนี้นางอยากออกเดินทางแล้ว
“ส่วนเจ้าอู๋จิ้ง”
“เชิญนายน้อยมีคำสั่งมาเถิดขอรับ”
“เจ้าใช้ป้ายคำสั่งไปที่หน่วยทหารรักษาเมืองเฉียนโจว จากนั้นนำกำลังทหารตามไปล้อมจวนเจ้าเมืองเอาไว้ หากมีใครหลบหนีออกมาจับตัวเอาไว้ทุกคน ถ้ามีใครกล้าต่อสู้ขัดขืนประหารได้ทันที” เนื่องจากฟู่หลงเหยียนมีป้ายทองผู้สำเร็จราชการจากฮ่องเต้ เขาสามารถลงโทษประหารก่อนแล้วค่อยถวายรายงานทีหลังได้
“รับทราบขอรับนายน้อย”
“เฉินอิ่นวันนี้เจ้าคงจะได้ออกแรงมากหน่อย อย่าปล่อยให้พวกมันหลุดมาถึงมือของข้าล่ะ”
“นายน้อยโปรดวางใจใครกล้าขัดขืนย่อมได้รับโทษตายขอรับ”
“อืม ไปกันได้แล้ว”
“ขอรับ”
ฟู่หลงเหยียนไม่ห่วงเรื่องอวี้จิ่นเมื่อนางอยู่ในความดูแลของตงลู่ สิ่งที่เขาคิดอยู่ในตอนนี้คือการทำภารกิจให้สำเร็จโดยเร็ว และพานางเดินทางกลับเมืองหลวงเพื่อตามหาครอบครัว ซึ่งฟู่หลงเหยียนคาดว่าจิ้งโม่คงใกล้สืบได้ข้อมูลตามที่เขาต้องการแล้ว
ณ จวนเจ้าเมืองเฉียนโจวผู้ครองตำแหน่งอย่างอวี่เซิน กำลังนั่งเอกเขนกท่ามกลางเหล่าอนุคนงามทั้งหลาย ที่ล้อมหน้าล้อมหลังป้อนน้ำชาป้อนผลไม้ราคาแพงอย่างเอาใจ ส่วนฮูหยินเอกมิได้สนใจเรื่องนี้เนื่องจากนางกำลังตรวจสมุดบัญชีที่มีเงินมากมายมหาศาล ที่ตัวนางและบรรดาบุตรชายบุตรสาวจะใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด แต่ความสุขมักจะอยู่ได้ไม่นานเมื่อเงินทองได้มาอย่างไม่ถูกต้อง
อู๋จิ้งทำงานได้รวดเร็วหลังจากฟู่หลงเหยียนมาถึงจวนเจ้าเมืองไม่ถึงหนึ่งเค่อ อู๋จิ้งก็นำทหารรักษาเมืองมาสมทบกับเขาที่นี่แล้ว
“ข้าน้อยนายกองจั๋วคารวะใต้เท้าฟู่ขอรับ”
“นายกองจั๋วรบกวนท่านแบ่งทหารล้อมจวนไว้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนที่เหลือตามเข้าไปด้านในเพื่อยึดทรัพย์สินทั้งหมดของนักโทษ”
“รับทราบขอรับใต้เท้าฟู่ ซวนเหอเจ้าคอยดูแลกำลังทหารด้านนอกที่ล้อมจวน และทำตามคำสั่งของใต้เท้าฟู่อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดได้”
“ขอรับ”
เมื่อข้ามธรณีประตูจวนเข้ามาฟู่หลงเหยียนออกคำสั่ง ให้ทหารค้นจวนหลังนี้ให้ทั่วและจับตัวทุกคนมารวมไว้ที่ลานกว้างหน้าเรือนใหญ่
“ค้นให้ทั่วจับทุกคนไม่มีการยกเว้นยึดทรัพย์สินทั้งหมด อย่าให้เหลือแม้แต่เศษเหรียญอีแปะไว้ที่จวนหลังนี้เด็ดขาด”
“ขอรับ!”
“เฉินอิ่น! อู๋จิ้ง! เปิดทาง” แค่คำพูดสั้น ๆ คนสนิทอย่างเฉินอิ่นย่อมเข้าใจได้ไม่ยาก
“ทราบแล้วขอรับนายน้อย”