บทที่ 5 แน่จริงก็เอาเงินมา
คำนึงถึงเรื่องพวกนี้ เหมิงเชียนเหยียนหายาสมุนไพรสำหรับการตัดเล็มเนื้อตายของบาดแผลมาแล้วเคี้ยวให้แหลกจากนั้นก็ใช้ทำความสะอาดบาดแผลให้เขาใหม่อย่างละเอียดหนึ่งรอบ! จากนั้นก็ฉีกชุดคลุมบนตัวของเขาลงมาพันบาดแผลเอาไว้
ทำทุกอย่างนี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว นางกลัวว่าจะมีคนไล่ตามขึ้นมา ดังนั้นจึงลากตัวผู้ชายคนนี้ไปซ่อนตรงมุมอับของกองไม้พุ่ม ซ่อนเขาเอาไว้เช่นนี้ หากมีคนไล่ตามมาน่าจะไม่ถูกพบแล้ว!
เหมิงเชียนเหยียนในเวลานี้เหนื่อยจนหอบแฮ่กๆแล้ว นางทำความสะอาดฝุ่นดินที่อยู่บนตัว หยิบเอามันเทศอันหนึ่งออกมากิน "เอาล่ะ เช่นนี้แล้วกัน หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับโชคของท่านแล้ว!"
ขณะที่กินมันเทศไป เหมิงเชียนเหยียนก็ลงจากเขาซวงเฟิงไปด้วย ตอนที่นางมาถึงเชิงเขาก็บ่ายโมงแล้ว นางนึกขึ้นได้ว่าสวีเจินกำลังรอนางอยู่ที่บ้าน ไม่รู้ว่านางจะเป็นห่วงไหม ดังนั้นจึงเร่งฝีเท้าเดินกลับบ้านไป
แต่แล้ว นางยังไม่ทันได้เหยียบเข้าไปในประตูของตระกูลเหมิง เสียงเยาะเย้ยของหญิงวัยกลางคนดังออกมาจากข้างใน
"หึๆ ตระกูลยากจนข้นแค้นอย่างตระกูลเหมิงของพวกเจ้า คงไม่ใช่ว่าไม่สามารถเอาเงินก้อนนี้ออกมาได้ เลยปล่อยให้นังเด็กเวรเหมิงเชียนเหยียนนั่นหนีออกไปหรอกใช่ไหม! คนตระกูลเหมิง! ข้าบอกเจ้าไว้เลย! หากไม่เอาเงินสี่ตำลึงนี่ออกมา! ก็เรียกตัวเหมิงเชียนเหยียนออกมาให้ข้าจับตัวนางไปขึ้นศาล!"
เสียงนี่แหลมคมสุดขีด ทันทีที่เหมิงเชียนเหยียนได้ยินก็ฟังออกเลยว่า คือนางจ้าวผู้หญิงของตระกูลซุน ซึ่งเดิมทีเป็นว่าที่แม่สามีในอนาคตของเหมิงเชียนเหยียน
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ" สวีเจินสูดลมหายใจเข้า ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความสั่นเทา "พี่สาวของตระกูลซุน ท่านฟังข้าพูดก่อน เราไม่ได้ให้เชียนเหยียนหนีไป นางแค่ออกไปหาเงินเท่านั้น วันนี้ข้าก็เตรียมตัวจะไปหาสามีของข้ากลับมา เงินสี่ตำลึงนี้เราจะคืนให้อย่างแน่นอน ท่านก็ให้เวลาเราอีกหน่อยเถอะ"
"ไปให้พ้นเลย ยังมาเรียกข้าว่าพี่สาวอีก ก็ไม่ลองส่องกระจกดูว่าตัวเองเป็นตัวอะไรกัน!"
เสียงอู้อี้ดังขึ้นมา เหมือนว่ามีคนล้มลงไป
เหมิงเชียนเหยียนทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว พังประตูเข้าไปทันที เห็นเพียงสวีเจินล้มอยู่กับพื้น ในสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด! นางรีบประคองสวีเจินขึ้นมา จากนั้นก็มองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชา
คนของตระกูลซุนกับตระกูลเหมิงส่วนใหญ่ต่างก็อยู่ที่นี่ เหมิงฝูทั้งครอบครัวกำลังยืนมองอยู่ที่หน้าประตูบ้านสามอย่างไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกำลังชมการแสดงอยู่
และครอบครัวสามคนตระกูลซุนก็กำลังจ้องมองสวีเจินและตัวนางราวกับเสือที่พร้อมจะตะครุบเหยื่อ สายตานั่นดูเหมือนต้องการจะกินเลือดกินเนื้อของพวกนางสองคนแม่ลูก โดยเฉพาะซุนซวี่ที่ได้หมั้นหมายกับนางแล้ว ในสายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม ไม่มีความรักใดๆเลยแม้แต่น้อย
แต่ว่า สายตาของนางก็ยังหยุดอยู่ที่นางจ้าว เสียงของนางทั้งเย็นชาทั้งแข็งกร้าว "ทำไมต้องผลักแม่ข้าด้วย?!"
"ฮึ ข้าก็ไม่ได้อยากจะผลัก ใครใช้ให้นางเข้ามาใกล้ข้าล่ะ! อยากจะขอร้องให้ข้าผ่อนผันเวลาให้ ข้าบอกพวกเจ้าเอาไว้เลย ไม่มีทาง!" นางจ้าวบิดร่างกายที่อ้วนท้วน แขนหนาใหญ่สองข้างโอบกันอยู่ตรงหน้าอก กล่าวออกมาอย่างดุดัน
"ได้ ยกเลิกการแต่งงาน บ้านข้าก็สมควรที่จะชดใช้เงินสี่ตำลึงนั่นอยู่แล้ว แต่ว่า การชดใช้เงินเป็นเรื่องหนึ่ง แล้วเจ้าผลักแม่ข้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!"
เหมิงเชียนเหยียนประคองให้สวีเจินยืนมั่นคงแล้ว จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้นางจ้าวทีละก้าว
นางจ้าวสะดุ้งตกใจกับเหมิงเชียนเหยียนที่กล้าหาญเช่นนี้ นางรู้มานานแล้วว่าเหมิงเชียนเหยียน เป็นเด็กน้อยอ่อนแอที่ขี้ขลาดตาขาวไม่ว่าใครก็สามารถรังแกได้ทุกคน วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น? จู่ๆทำไมดูเหมือนจะร้ายกาจขึ้นมาอย่างมาก
เหมิงเชียนเหยียนยิ้มมุมปากและมองดูนางด้วยสายตาเย็นชา มองจนนางรู้สึกขนลุกในใจจนต้องถอยหลังออกไป และในเวลานี้ หางตาของเหมิงเชียนเหยียนกวาดมองไปเล็กน้อย จากนั้นขาข้างหนึ่งก็เหยียดไปด้านหลังของนางจ้าว
เสียงพรุบดังขึ้นมา นางจ้าวนั่นก็ล้มหงายหลังลงไปแขนขาอ้าออกตรงนั้นเลย
"โอ้ย!" นางจ้าวเจ็บจนร้องออกมา "เหมิงเชียนเหยียนเจ้านังเด็กแพศยา เจ้าบังอาจทำให้ข้าสะดุดล้มได้! ข้าไม่จบไม่สิ้นกับเจ้า!" ขณะที่ตะโกนไป นางลุกขึ้นมาก็จะกระโจนไปทางตัวของเหมิงเชียนเหยียน
เวลานี้เหมิงเชียนเหยียนกลับยิ้มออกมา "ตอนนี้เจ้ายังอยากจะตีข้าอีกหรือ? เกรงว่าท่านคงไม่มีสิทธิทุบตีข้าแล้วล่ะมั้ง? เมื่อก่อนท่านเป็นว่าที่แม่สามีในอนาคตของข้า ตอนนี้ท่านไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น! ถ้าหากท่านทำร้ายข้า! ข้าก็จะพาท่านไปขึ้นศาลในเมืองเช่นกัน!"
ได้ยินคำพูดนี้ นางจ้าวก็หยุดการกระทำในมือลง กลอกลูกตาไปมา "ฮึๆ ความหมายของเจ้าคือ เจ้าตกลงที่จะยกเลิกการแต่งงาน และยังจะคืนเงินสี่ตำลึงให้กับบ้านเราด้วย?"
"แน่นอน"
"ดี เจ้ามีศักดิ์ศรี แน่จริงก็เอาเงินออกมาให้ข้าเลยสิ!" นางจ้าวกัดฟัน แขนข้างหนึ่งยื่นออกไปตรงหน้าของเหมิงเชียนเหยียน
"ข้าจะให้ท่านแน่ แต่ไม่ใช่วันนี้ เป็นพรุ่งนี้"
"พรุ่งนี้ ฮ่าๆๆ" นางจ้าวเหมือนกับได้ยินเรื่องตลก "นังเด็กเวร เจ้าหลอกใครกัน! วันนี้เจ้าไม่สามารถเอาเงินสี่ตำลึงออกมาได้ แล้วพรุ่งนี้ก็จะสามารถเอาออกมาได้งั้นหรือ?"
เหมิงเชียนเหยียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ "ใช่แล้ว พรุ่งนี้ข้าก็จะสามารถให้ท่านได้แล้ว"
"แล้วถ้าเจ้าไม่สามารถให้ได้ล่ะ!"
"เช่นนั้นท่านก็พาตัวข้าไปแล้วกัน ไม่ว่าจะขึ้นศาล หรือว่าให้ท่านขายข้าซะ ข้าเหมิงเชียนเหยียนก็ไม่มีอะไรจะพูดอย่างแน่นอน! เช่นนี้ ท่านพอใจหรือยัง?"
นางจ้าวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ดูท่าทางของเหมิงเชียนเหยียนก็ไม่เหมือนว่ากำลังโกหกอยู่ "ได้ เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าค่อยมาใหม่! ถ้าหากพรุ่งนี้เจ้าก็ยังไม่สามารถเอาออกมาได้อีก ก็อย่ามาโทษที่ตระกูลซุนเราไม่ไว้หน้าแล้วกัน!"
พูดจบ นางก็เหลือบมองไปทางเหมิงฝูครู่หนึ่ง จากนั้นก็พาผู้ชายและลูกชายของตนเองออกจากประตูของตระกูลเหมิงไป
ทางด้านของเหมิงเชียนเหยียนมองเห็นสายตาก่อนจะจากไปครู่นั้นของนางจ้าวอย่างชัดเจน นางยิ้มไปทางด้านเหมิงฝูอย่างสบายอารมณ์ "อาสาม ท่านวางใจได้เลย บ้านข้าอยู่นี่ ข้าจะไม่หนีไปเช่นนี้หรอก ท่านก็อย่าเปลืองความคิดในการช่วยตระกูลซุนมาคิดร้ายกับข้าที่มีนามสกุลเดียวกันคนนี้มากนักเลย!"
หลังจากที่คำพูดนี้ออกมา สีหน้าของเหมิงฝูก็แดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว "พูดจาเหลวไหล เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเราด้วย!"
จากนั้นก็รีบกลับเข้าไปในบ้านของตนเองพร้อมกับจ้าวฮัวจือและคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว
เวลานี้ ในลานก็เงียบสงบลงมา สวีเจินก็มองดูเหมิงเชียนเหยียนด้วยความกังวล กล่าวออกมาเสียงเบา: "เชียนเหยียน ทำอย่างไรดี จะทำอย่างไรดีล่ะ แม่มีแค่เจ้ากับพี่สาวเจ้าเท่านั้น พวกเจ้าสองคนจะเกิดเรื่องไม่ได้เด็ดขาดนะ"
"ข้ารู้" เหมิงเชียนเหยียนเผชิญหน้ากับสวีเจิน น้ำเสียงก็อ่อนโยนลงมา "ท่านแม่ ท่านวางใจเถอะ ข้ามีวิธีที่จะหาเงินแล้ว แต่ว่า ท่านต้องช่วยข้าเรียกพ่อข้ากับพี่สาวข้ากลับมารอบหนึ่งก่อน"
"ได้ ได้" สวีเจินพยักหน้าซ้ำๆ "เจ้าอยู่ที่นี่กินอะไรไปก่อน ข้าจะไปในเมืองเดี๋ยวนี้แหละ"
สวีเจินเข้าไปในเมืองแล้ว เหมิงเชียนเหยียนก็ยังรู้สึกหิวอยู่ เลยหามันเทศออกมาจากในหม้อชิ้นหนึ่ง นั่งกินอยู่ที่ธรณีประตูบ้านของตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไม นางนึกถึงผู้ชายที่บาดเจ็บบนภูเขาคนนั้นขึ้นมา ก็ไม่รู้ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
ในเวลาเดียวกัน บนภูเขา ผู้ชายที่หมดสติก็ตื่นขึ้นมาช้าๆ ร่างกายที่กำยำนั่งพิงอยู่ใต้ต้นไม้ คนที่มีลักษณะเหมือนลูกน้องสองคนยื่นถุงน้ำมาให้ "คุณชาย ในที่สุดท่านก็ตื่นสักที เราตามหาท่านอยู่ตั้งนาน"
ผู้ชายยกมือขึ้นมา หยิบถุงน้ำขึ้นมาดื่มไปอึกหนึ่ง ริมฝีปากบางเปิดออกเล็กน้อย เสียงอ่อนแรงจนแผ่วเบา "อืม ข้าดีขึ้นมากแล้ว"
"ครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าเราไปล่วงเกินคนฝ่ายไหนเข้า โชคดีที่คุณชายท่านไม่ได้อะไรมาก แต่ว่า คุณชาย ดูเหมือนว่าจะมีคนช่วยท่านเอาไว้ ข้าดูบาดแผลของท่าน----"
ลูกน้องไม่ได้พูดต่อ ผู้ชายมองต่ำลงไป มองไปทางมุมชุดคลุมที่ถูกฉีกจนขาดกระจุยของตนเอง จู่ๆบนใบหน้าก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย "เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง"
