แม่หนูชาวนาจอมแสบ

386.0K · จบแล้ว
เม็กซิโก
176
บท
326.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คนอื่นข้ามภพกินดีอยู่ดี เหมิงเชียนเหยียนข้ามภพกลับไปอยู่กับครอบครัวจนๆ อย่ากลัวไปเลย ด้วยความกล้าหาญชาญชัย ความแสบจี๊ดจ๊าดของนาง บุคคลที่มีพรสวรรค์ด้านยิงธนูอย่างนาง ยังไงเสียก็ทำให้ครอบครัวร่ำรวยได้เองแหละ เจ้าว่าไงกระไร?ด้วยความปากร้ายดุดันของนางทำให้ไม่ได้ออกเรือนเสียทีอย่างนั้นรึ?ถ้ากระนั้น เจ้าอภิเษกสมรสกับข้าเถอะ

นิยายจีนโบราณข้ามมิติปลูกผักนิยายย้อนยุค

บทที่ 1 ข้ามเวลาทะลุมิติแล้ว

"เจ้านังเด็กแพศยา! ตัวซวย! จะตีเจ้าให้ตายแน่!"

"ถึงกับกล้าเถียงพ่อแม่สามี เจ้าอยากตายนักใช่ไหม! ตอนนี้เป็นอย่างไรล่ะ! ทั้งตระกูลเหมิงถูกเจ้าทำให้อับอายขายขี้หน้าไปหมดแล้ว!"

ในลานเล็กเก่าทรุดโทรมแห่งหนึ่ง หญิงที่แต่งงานแล้วสองคนกำลังไล่ตามด่าว่าสาวน้อยที่อ่อนแอคนหนึ่ง

เพียะๆๆ!

ขณะเดียวกัน ไม้กวาดสองอันก็ผลัดกันตีลงมาบนร่างกายของนาง สาวน้อยกุมศีรษะเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด ซุกตัวอยู่ในมุมกำแพง น้ำตาหลั่งไหลลงมาอย่างควบคุมไม่อยู่ "ท่านย่า ท่านอาสะใภ้ อย่าตีข้าอีกเลย ข้าผิดไปแล้ว! ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีก!"

"ตอนนี้รู้ตัวว่าผิดแล้ว ข้าบอกเจ้าเอาไว้เลย มันสายไปแล้ว!" หญิงรูปร่างอ้วนเตี้ย ยกไม้กวาดตีลงไปอย่างแรงอีก ตีอยู่บนหัวนางตลอด ตีจนนางหน้ามืดวิงเวียน ทันทีหลังจากนั้น เหนือศีรษะก็มีของเหลวอุ่นที่มีกลิ่นคาวเลือดไหลลงมา

นางพยายามยืนหยัดเอาไว้ แต่ก็ยืนหยัดเอาไว้ไม่ไหวจริงๆ ล้มฟาดลงไปในดินโคลนโดยตรง

"เชียนเหยียน!เชียนเหยียน!" สวีเจินแบกฟืนกลับมาจากข้างนอก ก็เห็นลูกสาวของตัวเองถูกแม่สามีกับน้องสะใภ้ทุบตีทำร้าย นางกระโจนเข้าไปบนตัวของเหมิงเชียนเหยียน ปกป้องลูกเอาไว้ "ท่านแม่ น้องสะใภ้ นี่พวกท่านกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย?"

จ้าวฮัวจือโยนไม้กวาดทิ้งไป มือกอดอกแล้วฮึออกมาคำหนึ่ง "พี่สะใภ้รอง ท่านยังไม่รู้น่ะสิ! เชียนเหยียนบ้านท่านอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลซุน ไปเถียงกับว่าที่พ่อแม่สามีเข้าน่ะสิ! ตอนนี้ตระกูลซุนต้องการจะยกเลิกการแต่งงานกับเรา! ยังต้องการขอเงินค่าสินสอดคืนจากเราอีกด้วย! ท่านว่ามา นี่ควรจะทำอย่างไรดีล่ะ?"

"ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?" สวีเจินผู้อ่อนแอมองดูเหมิงเชียนเหยียนในอ้อมแขนที่หมดสติไปแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ "น้องสะใภ้ นิสัยของเชียนเหยียนอ่อนโยน เจ้าก็รู้อยู่ นางน่าจะไม่เถียงพ่อแม่สามีหรอก ตั้งแต่เล็กจนโต นางเป็นคนที่ไม่มีอารมณ์ร้ายที่สุดในบ้านเราแล้ว"

"โอ๊ะ! พี่สะใภ้รอง ความหมายของท่านคือตระกูลซุนเขากำลังโกหกอยู่หรือไง?" ลูกตาของจ้าวฮัวจือจ้องเขม็ง ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยการเย้ยหยันเฉียบขาดรุนแรงที่อธิบายไม่ถูก

จ้าวฮัวจือดูถูกสวีเจินมาโดยตลอด เพราะสวีเจินเป็นเพียงหญิงอ่อนแอหัวเดียวกระเทียมลีบคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีบ้านแม่ อีกทั้ง แต่งเข้าตระกูลมาสิบกว่าปีเหมือนกัน จ้าวฮัวจือให้กำเนิดลูกชายอ้วนท้วนสองคน แต่สวีเจินกลับให้กำเนิดเพียงลูกสาวสองคนเท่านั้น

ฐานะของทั้งสองคนในตระกูลเหมิงถูกแยกออกเป็นสูงต่ำนานแล้ว

"ข้าไม่ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น" สวีเจินอธิบายเสียงเบา มองดูเหมิงเชียนเหยียนด้วยความเอ็นดูสงสาร "เชียนเหยียนหมดสติไปแล้ว ข้าอุ้มนางเข้าไปพักผ่อนครู่หนึ่งก่อน"

นางสวีอุ้มเหมิงเชียนเหยียนเข้าไปในบ้าน

สายตาของจ้าวฮัวจือค่อยๆเลื่อนมาทางแม่สามีนางหวางที่อยู่ข้างกาย นางหวางอายุหกสิบกว่าแล้ว ในแววตาที่ขุ่นมัวเต็มไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดขวางหูขวางตา

"ท่านแม่ ท่านดูสิ พี่สะใภ้รองผู้ที่ชอบให้ท้ายลูกตัวเองคนนี้ เชียนเหยียนก่อเรื่องใหญ่เอาไว้ขนาดนี้! ต้องรีบแก้ไขถึงจะถูก! มิเช่นนั้น หากคนอื่นเขาจะยกเลิกการแต่งงานกับเราจริงๆ นั่นเป็นเงินสี่ตำลึงเต็มๆเลยนะ ใครมันจะสามารถเอาออกมาได้ล่ะ!"

ชั่วชีวิตของนางหวางนั้นตระหนี่และโลภมากที่สุด นางเห็นด้วยกับความเห็นของจ้าวฮัวจืออย่างมาก ดังนั้นจึงเดินตึกๆๆไปถึงหน้าประตูของบ้านสอง "สะใภ้บ้านสอง เจ้าออกมา ข้ามีธุระจะคุยกับเจ้า!"

ทางด้านสวีเจินกำลังใช้ขี้เถ้าพืชห้ามเลือดให้กับเหมิงเชียนเหยียนอยู่ จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆไปถึงหน้านางหวาง "ท่านแม่ มีเรื่องอะไร?"

"จะเป็นเรื่องอะไรได้อีก! ในเมื่อนังเด็กเวรนั่นหมั้นหมายกับตระกูลซุนไปแล้ว เช่นนั้นมีชีวิตอยู่ก็เป็นคนของตระกูลซุน ตายก็เป็นผีของตระกูลซุน เจ้ารีบไปลากตัวนางขึ้นมา เราส่งนางกลับไป!"

"ส่งกลับไป?" ดวงตาของสวีเจินเบิกกว้างในทันใด "ท่านแม่ ทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด! ตระกูลซุนไม่ชอบเชียนเหยียนไม่ใช่หรือ หากเราส่งกลับไป เชียนเหยียนต้องถูกรังแกแน่นอนอยู่แล้ว!"

"รังแกก็รังแกไปสิ! ลูกสะใภ้คนไหนไม่ต้องรองรับอารมณ์กัน! ล้วนเป็นเรื่องที่เห็นได้ทั่วไปอยู่แล้ว! ไป รีบไปเลย! ไปบอกว่าเราสั่งสอนนางแล้ว หวังว่าชิงเกจะไม่ถือโทษโกรธกัน!"

นางหวางยืนกรานแข็งขันมาก จะพาเหมิงเชียนเหยียนไปให้ได้ และสวีเจินก็ไม่เต็มใจ ขว้างอยู่ที่หน้าประตูตลอด

"เฮ้! สวีเจิน! เจ้าคนไม่เข้าใจสถานการณ์! เจ้าลืมไปแล้วหรือ ตอนที่แต่งงานเอาเงินจากคนอื่นเขามาสี่ตำลึง! เจ้าสามารถเอาเงินสี่ตำลึงมาคืนให้คนอื่นเขาได้หรือ!"

จ้าวฮัวจือรอไม่ไหวแล้ว อ้าปากด่าสวีเจินอย่างรุนแรงโดยตรง ด่าจนสวีเจินหน้าแดงหน้าดำพูดอะไรไม่ออก

ท้องฟ้าข้างนอกมืดครึ้ม ยังมีเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องดังมาจากที่ห่างไกลไม่ขาดสาย

เหมิงเชียนเหยียนได้ยินเสียงเหล่านี้อย่างชัดเจน กะพริบตาขึ้นมา แล้วก็ขยับนิ้วมือ

เธอยังไม่ตาย! เธอยังมีชีวิตอยู่! แต่ว่าเธอกอดผู้ชายสารเลวนั่นกระโดดลงมาจากตึกตายไปพร้อมกันแล้วแท้ๆนี่นา! หรือว่า นี่เธอย้อนเวลาทะลุมิติมาเกิดใหม่แล้ว?

สายตามองสำรวจสภาพแวดล้อมของบริเวณโดยรอบ บ้านเก่าทรุดโทรม ผนังเป็นสีเทา คานเหนือศีรษะว่างเปล่า กระดาษติดหน้าต่างด้านหนึ่งยังขาดอีกด้วย ลมเย็นยะเยือกพัดชิ้วๆเข้ามา

เฮ้อ ทะลุมิติก็ทะลุมิติสิ ทำไมจะต้องทะลุมายังสภาพแวดล้อมที่ทรุดโทรมเช่นนี้ด้วยเนี่ย? เหมิงเชียนเหยียนหลับตาลงอย่างแรง คาดหวังจะย้อนกลับไป! แต่แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์เลย!

เธอยอมรับความจริงข้อนี้แล้ว ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง เวลานี้ ความทรงจำเยอะแยะมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวราวกับกระแสน้ำไหลหลากเข้ามา

เธอเรียบเรียงความทรงจำเหล่านี้ อดที่จะเอามือก่ายหน้าผากแล้วถอนหายใจไม่ได้

ทำไมเธอถึงได้โชคร้ายขนาดนี้นะ? คนอื่นย้อนเวลาทะลุมิติไม่ใช่กุลสตรีตระกูลใหญ่ก็เป็นสาวน้อยผู้งดงามจากตระกูลร่ำรวย แต่เธอกลับทะลุมิติมาเป็นสาวชาวบ้านในหมู่บ้านหลี่ฮวาที่ยากจนในถิ่นทุรกันดารแห่งนี้ได้!

สาวชาวบ้านก็ช่างมันเถอะ รอบๆตัวยังไม่มีคนดีเลยสักคนเดียวอีก!

นี่ไง ร่างเดิมเพิ่งถูกส่งกลับมาที่บ้านแม่หลังจากถูกรังแกที่บ้านว่าที่สามีในอนาคต ย่ากับอาสะใภ้ของบ้านแม่กลับไม่ถามไม่แยกแยะถูกผิดก็ทุบตีนางแล้ว! สองสามทีที่ทุบตีลงมาที่ศีรษะมันแรงมากเกินไปจริงๆ เป็นผลให้วิญญาณของเธอที่มีชื่อและนามสกุลเดียวกันว่าเหมิงเชียนเหยียนคนนี้ทะลุมิติเข้ามาด้วย

คิดถึงตรงนี้ เหมิงเชียนเหยียนก็เต็มไปด้วยความโกรธ! นี่มันเป็นสารเลวที่เลวร้ายอะไรกัน! ล้วนวอนหาเรื่องให้อบรมสั่งสอนดีๆทั้งนั้น!

เวลานี้ สวีเจินขวางนางหวางกับจ้าวฮัวจือสองคนนี้ไม่อยู่แล้ว พวกเขาสองคนผลักนางสวีออก แล้วพุ่งเข้ามาในบ้าน

เป็นเพราะจ้าวฮัวจือใช้แรงพุ่งตัวออกไปมากเกินไป สะดุดโซเซ เกือบจะล้มลงไปบนพื้น

เหมิงเชียนเหยียนมองดูนาง เผยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยออกมา "เอ๋? อาสะใภ้สาม นี่ยังไม่ตรุษจีนเลย นี่ท่านจะทำอะไร? จะคารวะข้าหรือ?"

จ้าวฮัวจือได้ยินเสียงของนาง ก็เงยหน้าขึ้นมาอย่างประหลาดใจ เห็นเพียงเหมิงเชียนเหยียนนั่งไขว่ห้างอยู่ข้างเตียง ในสายตาคือรอยยิ้มที่สบายอารมณ์ มองดูนางเหมือนมองตัวตลกคนหนึ่ง

นางอดที่จะโมโหขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยปากกล่าวตำหนิ: "นังเด็กเวร พูดอะไรส่งเดช! ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่!"

"คนที่ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่เกรงว่าน่าจะเป็นอาสะใภ้สามท่านเองมากกว่ามั้ง?" เหมิงเชียนเหยียนกลอกตา มองไปทางสวีเจินที่ทำหน้ากลัดกลุ้มอยู่หน้าประตู "ท่านแม่ข้า นางก็เป็นพี่สะใภ้ท่าน ก็ไม่เห็นว่าท่านจะเคารพเท่าไหร่เลยนี่นา!"

"เชียนเหยียน อย่าพูดเช่นนี้กับอาสะใภ้สามเจ้านะ" สวีเจินขี้ขลาด รีบวิ่งมาปิดปากของเหมิงเชียนเหยียนเอาไว้

เหมิงเชียนเหยียนกลับโยกหัวหลบออกไป จากนั้นก็ฮึเสียงเบาออกมา "อาสะใภ้สาม? หึๆ ข้าไม่มีอาสะใภ้สามที่โหดเหี้ยมเช่นนี้มั้ง!"

"เจ้า----" จ้าวฮัวจือหายใจหอบ คิดไม่ถึงว่านังเด็กที่อ่อนแอมาตลอดคนนี้วันนี้จะกล้าปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ได้ นางรีบดึงแขนของนางหวางทันที "ท่านแม่ ท่านดูเชียนเหยียนสิ นี่มันท่าทีอะไรกัน!"