บทที่ 15 ยัยหนูถือว่าเจ้าแน่
เหมิงฝูกับจ้าวฮัวจือทะเลาะกัน ในความทรงจำของเหมิงเชียนเหยียนไม่ได้มีน้อยครั้ง แต่กลับบ้านแม่เพราะเหตุนี้ กลับหาได้ยาก ดังนั้น ภายใต้แรงผลักดันของความอยากรู้อยากเห็น เหมิงเชียนเหยียนถามขึ้นมา "เฮ้ อาสาม เกิดอะไรขึ้น? ทำไมท่านถึงทะเลาะกับอาสะใภ้สามได้ล่ะ?"
ได้ยินคำถามของเหมิงเชียนเหยียน สายตาของเหมิงฝูหลบเลี่ยงเล็กน้อย "ข้า เราก็แค่ดื่มเหล้ากันไปเล็กน้อย ก็เลยทะเลาะกันขึ้นมาเท่านั้น"
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง" เหมิงเชียนเหยียนพยักหน้า ในเมื่อคนอื่นเขาไม่อยากจะพูด นางก็ไม่มีความจำเป็บต้องถามให้ได้ อย่างไรเสียหากคนบ้านสามไม่มาขวางทางนาง ไม่ว่าเรื่องใดๆนางก็ไม่สนใจทั้งนั้น
แต่ว่า เหมิงเชียนเหยียนก็ยังไม่ลืมว่า บ้านแม่ของจ้าวฮัวจืออยู่ในหมู่บ้านซิ่งฮวาที่อยู่หมู่บ้านถัดไป และตระกูลซุนที่นางเพิ่งจะยกเลิกการแต่งงานก็อยู่หมู่บ้านซิ่งฮวาเช่นกัน
ก็หวังแค่ว่าข้างในนี้จะไม่มีอะไรที่เกี่ยวพันกัน
หลังจากออกจากหมู่บ้านเดินต่อไปอีกสักพัก ก็คือปากทางเข้าหมู่บ้านของหมู่บ้านซิ่งฮวา เหมิงฝูโบกไม้โบกมือให้เหมิงฉวน "พี่รอง ข้าจะไปแล้วนะ พวกท่านก็เข้าเมืองไปเถอะ"
"เฮ้อ เจ้าไปถึงหมู่บ้านซิ่งฮวาแล้วต้องมีท่าทีที่ดีต่อฮัวจือเขาหน่อยนะ"
เหมิงฉวนตะโกนออกมาคำหนึ่ง คนทั้งครอบครัวเร่งฝีเท้า มุ่งหน้าเข้าเมืองไป
เมืองนี้แต่เดิมมีชื่อเรียกว่าเมืองไหลหยวน แต่เพราะว่าหมู่บ้านเบื้องล่างเมืองพวกนี้ล้วนเต็มไปด้วยดอกไม้ ก็เลยค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นเมืองไป่ฮวาไปทีละน้อย
"คุณพี่ เรายังจะไปที่ภัตตาคารครั้งก่อนนั่นอีกไหม?" สวีเจินมองดูภาพความครึกครื้นบนถนนในเมือง บนใบหน้ามีรอยยิ้มที่มีความสุขปรากฏขึ้นมา
เหมิงฉวนพยักหน้า "ใช่แล้ว ภัตตาคารที่ไปครั้งก่อน ชื่อว่าภัตตาคารหยวนเหอ เป็นภัตตาคารที่นายท่านตระกูลเสิ่นไปบ่อยๆ เป็นภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเลยนะ!"
"ภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุด?" เหมิงเชียนเหยียนได้ยินก็พึมพำออกมา "เช่นนั้นท่านพ่อ ท่านรู้หรือไม่ว่าเถ้าแก่ของภัตตาคารเป็นใคร?"
"เถ้าแก่ น่าจะแซ่ชิว รายละเอียดข้าก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่หรอก ทำไมหรือ?"
"อ๋อ คือว่าข้าคิดเอาไว้เช่นนี้ ในเมื่อเราวางแผนจะล่าสัตว์ส่งมาขายในเมืองเยอะๆ เช่นนั้นเราก็ต้องหาที่ที่ให้ราคาดีแน่นอนอยู่แล้ว ดังนั้นข้าอยากคุยเรื่องราคากับเถ้าแก่ชิวท่านนี้อีกครั้งหนึ่ง"
เหมิงฉวนพยักหน้า "ที่เจ้าพูดมามีเหตุผล งั้นเราก็ไปคุยกันอีกครั้ง"
หมูป่าตัวอ้วนท้วนวางอยู่ที่หน้าประตูหลังของภัตตาคาร คนงานในภัตตาคารนั่นมองอย่างตกตะลึงไปเดี๋ยวนั้นเลย จากนั้นก็วิ่งไปเรียกพ่อครัวกับเถ้าแก่ออกมาโดยตรง
"โอ๊ะโฮะๆ พวกเจ้าอีกแล้วหรือ!" เถ้าแก่ของภัตตาคาร รูปร่างอ้วนท้วน ยิ้มขึ้นมาตาก็หยีเป็นเส้นตรง เขามองเห็นหมูป่าตัวนี้แล้วรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
"เหอะๆ พวกข้าเอง เถ้าแก่ เป็นอย่างไรบ้าง? หมูป่าที่เอามาขายที่นี่คราวก่อนขายได้ไม่เลวใช่ไหม?" เหมิงเชียนเหยียนเลิกคิ้ว กล่าวถามด้วยความมั่นใจ
"นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว วันรุ่งขึ้นก็ถูกพ่อค้าใหญ่ในเมืองที่มาซื้อฝ้ายที่นี่ซื้อไป ขายได้ไม่เลวจริงๆ! เป็นอย่างไร? ครั้งนี้ล่ามาอีกตัวหนึ่งหรือ?"
เหมิงเชียนเหยียนพยักหน้า "ใช่แล้ว ตัวนี้ ตัวอ้วนใหญ่กว่าตัวนั้นอีกแน่ะ เถ้าแก่ท่านช่วยดูหน่อย ถ้าหากขายที่นี่ จะได้เงินประมาณเท่าไหร่"
"อืม----" เถ้าแก่คนนั้นก้มตัวลงไป ตรวจสอบหมูป่าตัวนั้นโดยละเอียดอีกครั้ง แน่ใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว ถึงได้กล่าวว่า: "ครั้งก่อน ข้าจำได้ว่าให้พวกเจ้าไปแปดตำลึง เช่นนั้นครั้งนี้ก็เก้าตำลึงแล้วกัน เจ้าคิดเห็นอย่างไร?"
"เก้าตำลึง?" เหมิงเชียนเหยียนมือเท้าเอว ส่ายหน้า "ไม่ค่อยดีเท่าไหร่! เก้าตำลึง ไม่ขาย!"
ท่าทีเช่นนี้ ทำให้เถ้าแก่ตะลึงงันไปจริงๆ "เฮ้ นังหนูน้อยอย่างเจ้า ก็เขี้ยวน่าดูเลยนะ! ข้าบอกกับเจ้าเลยนะ ภัตตาคารหยวนเหอของเราเป็นภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไป่ฮวาของเราแล้ว หากเจ้าไม่ขายจริงๆ เจ้าไปขายที่อื่นไม่ได้ราคาดีขนาดนี้หรอกนะ!"
"เช่นนั้นข้าไม่เชื่อแล้ว! ท่านว่า ภัตตาคารของท่านคือภัตตาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไม่ผิด เช่นนั้นภัตตาคารอื่นๆก็ไม่มีปัญญาซื้อหมูป่าตัวนี้แล้วหรือ? อีกอย่าง ของหายากย่อมมีราคาแพง หมูป่าเช่นนี้ พูดกันตามตรง ในหนึ่งปีเถ้าแก่ท่านจะได้เห็นสักกี่ตัว? นี่ถ้าหากภัตตาคารไหนซื้อไปแล้ว แล้วเขาประโคมข่าวครึกโครม ต้องแย่งลูกค้าท่านไปไม่น้อยแน่นอน!"
"เฮ้ย!" ทันทีที่เถ้าแก่ได้ยินคำพูดพวกนี้ คนทั้งคนก็ตกตะลึงไป "แฮ่ะ นังหนูน้อยอย่างเจ้าคนนี้ ปากเจี๊ยวจ๊าวพูดไม่หยุด เก่งกาจไม่เบาเลย!"
"แหะๆ!" เหมิงเชียนเหยียนฉีกยิ้ม "พูดกันตามความจริง เถ้าแก่ ไม่ใช่ว่าข้าเก่งกาจหรอก ที่ข้าพูดมันคือความจริงต่างหากล่ะ! ท่านลองคิดดูอีกที ว่าจะให้ราคาข้าเท่าไหร่!"
เสียงถอนหายใจอย่างจนใจของเถ้าแก่ "ได้ ข้ายอม ให้เจ้าสิบตำลึง ครั้งนี้คงได้แล้วใช่ไหม?"
สิบตำลึง! นี่ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย สวีเจินกับเหมิงฉวนมองหน้ากันครู่หนึ่ง ในสายตาเต็มไปด้วยความปิติยินดี
แต่ทว่า บนใบหน้าของเหมิงเชียนเถากลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆเลย เพราะนางมีลางสังหรณ์ว่า ด้วยนิสัยในตอนนี้ของเหมิงเชียนเหยียนต้องไม่ยอมแพ้แค่นี้เด็ดขาด
"ไม่! ได้!"
เป็นเช่นนั้นจริงๆ เหมิงเชียนเหยียนปฏิเสธมาทีละคำทีละคำ
"แฮะ!" เถ้าแก่ก็ตะโกนขึ้นมาเช่นกัน "ยัยหนู เช่นนั้นเจ้าก็พูดมา เจ้าต้องการกี่ตำลึง!"
เหมิงเชียนเหยียนยิ้มระรื่น แล้วก็ยื่นนิ้วมือออกมาสองนิ้ว "เถ้าแก่ ข้าต้องการยี่สิบตำลึงต่อหมูป่าหนึ่งตัว!"
"เจ้า เจ้านี่มันโลภมากเรียกร้องข้อเสนอเยอะ! ข้าบอกกับเจ้าไว้เลยนะ ยี่สิบตำลึง เจ้าไปถึงไหนก็ขายไม่ออก"
เห็นว่าเถ้าแก่โกรธขึ้นมาเล็กน้อย เหมิงเชียนเหยียนกล่าวต่ออีกทันที: "โธ่ เถ้าแก่ ท่านฟังข้าพูดให้จบก่อนสิ ข้าจะบอกกับท่าน หมูป่าในสองครั้งนี้ ล้วนล่ามาจากเขาซวงเฟิงทั้งนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ค่อนข้างจะหาได้ยากจริงๆ! ขอแค่ท่านตอบตกลง เช่นนั้นต่อไปหมูป่าทั้งหมดที่บ้านข้าล่ามาได้ จะส่งมาให้ท่านทั้งหมด และ ถ้าหากข้าล่าไก่ฟ้ากระต่ายป่ามาด้วย ก็จะให้เถ้าแก่ท่านเปล่าๆเลย ท่านคิดเห็นอย่างไร?"
เหมิงเชียนเหยียนกล่าวคำเหล่านี้ออกมา เถ้าแก่นั่นนิ่งเงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายก็กล่าวอย่างจริงจังมาก: "เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยหรือว่าข้าจะตอบตกลง?"
"แหะๆ เถ้าแก่ หมูป่าให้ท่านทั้งหมด ท่านก็ไม่มีคู่แข่งแล้วนะ!"
"ได้! ได้! ยัยหนู ถือว่าเจ้าแน่! ยี่สิบตำลึงก็ยี่สิบตำลึง! แต่ว่าที่ข้ายังมีเงื่อนไขอื่นๆเพิ่มเติม เจ้าก็ต้องตกลงด้วยเช่นกัน"
"ย่อมได้ย่อมได้ เถ้าแก่ท่านว่ามาได้เลย!"
"ข้อแรก ก็อย่างที่เจ้าบอก เพราะข้าจ่ายยี่สิบตำลึง แต่พวกกระต่ายป่าไก่ฟ้าอะไรพวกนั้นที่เจ้าล่ามาได้ต้องให้ข้าโดยไม่คิดเงินบ้าง นอกจากนี้ เจ้าต้องรับประกันกับข้า สัตว์ที่เจ้าล่ามาได้ห้ามขายให้ภัตตาคารอื่น ข้อสามทุกเดือนเจ้าต้องล่าหมูป่าให้ข้าอย่างน้อยสองตัว! สุดท้าย เรายังต้องทำสัญญากัน ห้ามกลับคำเด็ดขาด"
เหมิงเชียนเหยียนคิดคำนวณ "ได้ แต่สัญญานี้ข้าทำแค่สองปีเท่านั้น สองปีให้หลังเราค่อยหารือกันอีกที!"
"ได้ นังหนู เฉียบขาดมากพอ พวกเจ้าตามข้าเข้าไปข้างใน ยี่สิบตำลึงในครั้งนี้วันนี้เจ้าก็สามารถเอากลับไปได้เลย!"
ด้วยเหตุนี้ คำพูดสองสามประโยค หมูป่าราคาตัวละยี่สิบตำลึงก็เจรจาสำเร็จ จนถึงหมูป่าถูกยกเข้าไปในลานด้านหลังของภัตตาคาร สวีเจินก็ยังคงมึนงงอยู่
โชคดีที่เหมิงเชียนเถาดึงนางทีหนึ่ง "ไปเถอะ ท่านแม่ ตามเข้าไปดูกัน!"
ในห้องบัญชี นายบัญชีขีดๆเขียนๆ สัญญาสองฉบับก็ถูกเขียนออกมา จากนั้นเหมิงเชียนเหยียนก็พิมพ์ลายนิ้วมือลงไปโดยไม่ลังเล
นางเฉียบขาดเช่นนี้ เถ้าแก่นั่นไม่คลุมเครือพิมพ์ลายนิ้วมือตามลงไปทันทีเช่นกัน
"มา ของภัตตาคารของเราชุดหนึ่ง ของบ้านเจ้าชุดหนึ่ง ตรวจดูก่อน หากไม่มีปัญหาอะไร ครั้งหน้าจับหมูป่าได้ต้องรีบส่งมาเช้าๆหน่อยนะ!"
"วางใจเถอะ! ท่านน่ะ!"
พับสัญญาเสร็จก็ยัดเข้าไปในแขนเสื้อ เงินยี่สิบตำลึง หยวนเป่าเงินสีขาวอร่ามสองก้อนก็มาถึงมือ เหมิงเชียนเหยียนพลิกไปมาด้วยความดีใจ "มา ท่านแม่! ท่านเก็บเอาไว้!"
