บทที่ 14 ทะเลาะกับจ้าวฮัวจือ
เป็นเช่นนั้นจริงๆ นางหวางเอ่ยปากกับเหมิงเชียนเหยียน "เหอะๆ นังหนูรอง เจ้าดูน้องชายสองคนนี้ของเจ้าดีแค่ไหน อนาคตเจ้ากับพี่สาวเจ้าแต่งงานไป พวกเขาก็จะคอยหนุนหลังสนับสนุนพวกเจ้า ดังนั้น อะไรที่ควรจะยอมก็ยอมหน่อยเถอะ"
ยอม? ในพจนานุกรมของนางเหมิงเชียนเหยียนมีคำว่ายอมคำนี้ด้วยหรือ? ช่างน่าขำเสียจริง
คิ้วของนางเลิกขึ้นเล็กน้อย สวีเจินรีบกดนางไว้ใต้โต๊ะทันที แต่ว่ามันไม่ทันแล้ว เหมิงเชียนเหยียนได้ลุกขึ้นมาแล้ว นางยกไก่ย่างสองจานขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยิ้มอย่างสบายอารมณ์ วางลงไปตรงหน้าของนางหวาง "ท่านย่า ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าหมายความว่า ท่านยังไม่ได้กินเลย ต้องรู้ว่า ไก่ย่างนี่เรามีความตั้งใจจะกตัญญูต่อท่านนะ"
นางหวางตะลึงงัน จากนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ "ดีๆๆ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง เชียนเหยียนของเราช่างมีใจจริงๆ กตัญญูกว่าพวกเจ้าทุกคนเลย มา ย่ากินไก่ชิ้นหนึ่งก็พอแล้ว พวกเจ้ากินพวกเจ้ากิน"
ไก่ย่างกลับมาตรงหน้าของเหมิงเชียนเหยียนใหม่อีกครั้ง
เวลานี้ คิ้วของสวีเจินเพิ่งจะผ่อนคลายลง เฮ้อ เมื่อครู่นี้เหมิงเชียนเหยียนยืนขึ้นมา ทำให้นางสะดุ้งตกใจมาก กลัวว่านางลุกขึ้นมาก็จะด่ากราดบ้านเหมิงฝูจากนั้นก็ไล่ตะเพิดออกไป
เหมิงเชียนเหยียนก็ไม่เกรงใจ วันนี้ตระกูลเหมิงมีไก่ย่างกิน เป็นความชอบที่ไม่อาจลบล้างของนาง ดังนั้น ควรกินก็กิน นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ตนเองสมควรจะได้รับทั้งนั้น
มื้ออาหารจบลงอย่างรวดเร็ว บนโต๊ะอาหารเหลือแต่ถ้วยจานและตะเกียบ
เหมิงเชียนเหยียนกินเสร็จแล้ว ก็ไม่ขยับเขยื้อน เอนหลังไปพิงพักผ่อนอยู่ที่พนักพิงเก้าอี้ ขณะเดียวกัน มือซ้ายก็จับสวีเจินเอาไว้ มือขวาก็จับเหมิงเชียนเถาเอาไว้ ให้พวกนางใครก็ลุกขึ้นมาไม่ได้
นางหวางเห็นดังนั้น งานนี้ใครก็ไม่ทำ หรือว่ายังต้องให้นางมาทำ? ลูกตาของนางกลอกไปมาช้าๆ จู่ๆก็เหลือบมองเห็นจ้าวฮัวจือ "คนบ้านสาม! เจ้ายังนั่งทำอะไรอยู่! กินของบ้านพี่รองเจ้า ดื่มของบ้านพี่รองเจ้า ทำไมยังไม่รู้จักช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดอีก"
"ข้า ข้าเก็บ นี่ข้าก็กำลังจะเก็บอยู่" ถึงจ้าวฮัวจือจะไม่เต็มใจอย่างไร นางหวางพูดออกมาแล้ว จะไม่ทำได้อย่างไร ยกจานชามตะเกียบพวกนั้นขึ้นมาแล้วเอาไปล้างที่อ่างล้างจานด้วยใบหน้าเขียวปั๊ด
และเวลานี้ เหมิงเชียนเหยียนก็แอบปล่อยมือของสวีเจินเแล้วเช่นกัน
สวีเจินลุกขึ้นมาเดี๋ยวนั้นเลย "มา น้องสะใภ้ เจ้ารีบวางเอาไว้เลย งานพวกนี้ข้าเป็นคนทำเองดีกว่า"
นางหวางเห็นการแสดงออกของสะใภ้ทั้งสองคนอยู่ในสายตา สวีเจินขยันขันแข็งกว่าจ้าวฮัวจือ นิสัยดีกว่าจ้าวฮัวจือ และเหมิงเชียนเหยียนก็มีทักษะการยิงธนูที่ยอดเยี่ยม สามารถสร้างรายได้! เมื่อเทียบกันแล้ว พวกคนของบ้านเจ้าสาม ล้วนเป็นขยะไร้ประโยชน์ทั้งนั้นเลย
ถึงแม้นางจะลำเอียงไปทางหลานชาย แต่ก็ค่อยๆรู้แล้วว่า ต่อไปในอนาคต เกรงว่าคงจะเป็นบ้านสองที่น่าเชื่อถือมากกว่า
ขณะเดียวกัน เหมิงเชียนเหยียนผ่านการถูกยกเลิกการแต่งงานมาครั้งหนึ่ง ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนฉลาดและตื่นตัว นางจะไปล่วงเกินนางง่ายๆไม่ได้อีกแล้ว
จ้าวฮัวจือล้างจานเสร็จ ก็กลับไปนั่งบนเก้าอี้ นางหวางกลับลุกขึ้นมา ยิ้มให้สวีเจินด้วยความเมตตา "อันนั้น นี่ก็ค่ำแล้ว ข้าจะกลับไปพักผ่อนแล้ว คนบ้านเจ้ารอง พรุ่งนี้ตอนทำอาหารข้าจะมาช่วยเจ้า"
สวีเจินพยักหน้าซ้ำๆ "ได้ ขอบคุณท่านแม่"
จ้าวฮัวจือเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างนางหวางกับสวีเจินยิ่งอยู่ก็ยิ่งดีมากขึ้นเรื่อยๆ ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลตามไปด้วย เดินตามหลังนางหวางด้วยรอยยิ้ม "ท่านแม่ คราวนี้ข้ากลับมาจากสวน เก็บผลไม้มาค่อนข้างเยอะ อีกเดี๋ยวข้าจะยกมาให้ท่านหน่อยแล้วกัน"
"ไม่ต้องแล้ว ข้าค่อยกินพรุ่งนี้!"
ปัง ประตูบ้านของนางหวางปิดลง จ้าวฮัวจือถูกกันไว้ข้างนอกโดยตรงและแข็งกร้าว สีหน้าของนางเขียวแล้วก็ซีดขาว ซีดขาวแล้วก็เขียวอีก ไม่มีหน้าอยู่ต่อแล้ว ตรงกลับไปในห้องของบ้านสาม
หลายวันมานี้สวีเจินมีความสุขมาก แม้แต่ตอนที่เช็ดโต๊ะก็อดฮัมเพลงขึ้นมาไม่ได้ เหมิงเชียนเหยียนเห็นอยู่ในสายตา บ่นอยู่ในใจ แม่ของนางคนนี้ คงจะพัฒนาได้ประมาณเท่านี้แหละ
"ฮิฮิ เชียนเหยียน ข้าพบว่ายิ่งอยู่เจ้าก็ยิ่งเก่งกาจมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว" เหมิงเชียนเถาจัดฟูกนอนเสร็จ ก็ขึ้นเตียงไปก่อน ขณะเดียวกัน ก็ดึงตัวเหมิงเชียนเหยียนขึ้นไปด้วย
เหมิงเชียนเหยียนยักไหล่ "โอ๋? ข้าเป็นอย่างไร?"
"ข้าพบว่า เจ้าไม่เพียงแค่เจ้าอารมณ์เท่านั้น การพูดการจาและทำสิ่งต่างๆก็เก่งกาจมาก เจ้าดูท่านย่าสิ ท่าทีที่มีต่อบ้านของเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเลย"
"เหอะๆ นั่นเรียกว่าแล่นเรือไปตามลม" เหมิงเชียนเหยียนนอนลงด้านข้างเหมิงเชียนเถา แล้วกระซิบที่ข้างหูของเหมิงเชียนเถา
เหมิงเชียนเถาถูกหยอกจนหัวเราะขบขัน "ดังนั้นถึงได้บอกว่าเจ้าเก่งกาจไง ยังไม่ได้เอ่ยปากด่าคน ไม่มีใครลงมือ สีหน้าของอาสะใภ้สามนั่นก็ซีดขาวเป็นสีผักกาดแล้ว"
"หึๆ หากนางยังมายั่วโมโหข้าอีก มันจะไม่ใช่สีผักกาดแล้ว แต่จะเป็นสีดำถ่าน"
"เหอะๆ เชียนเหยียนเจ้านี่มันตลกจริงๆ! ใช่แล้ว รีบนอนกันเถอะ พรุ่งนี้เช้าเรายังต้องไปขายหมู่ป่าในเมืองด้วยกันอีก!"
หลังจากที่พี่น้องสองคนพึมพำกันไปแล้ว ก็เข้าสู่ความฝันไปทีละคน สวีเจินมาห่มผ้าห่มให้พวกนาง เป่าตะเกียงแล้วก็ไปนอน แต่ทว่า บ้านสามที่อยู่ตรงข้าม ไฟตะเกียงกลับยังสว่างไสว
"ท่านแม่ พวกเรายังจะนอนกันไหมอ่ะ ข้าง่วงมากแล้ว" เหมิงต้าเฉิงอ้าปากหาว ง่วงจนไม่เหลือสภาพ พิงอยู่ข้างกำแพงใกล้จะหลับอยู่แล้ว
นัยน์ตาของจ้าวฮัวจือมีความโกรธพุ่งขึ้นมา หยิบพื้นรองเท้าขึ้นมาก็ขว้างไปที่เหมิงต้าเฉิง "นอนๆๆ ยังจะนอนอะไรกันอีก เจ้าไม่เห็นหรือ เหมิงเชียนเหยียน นังเด็กเวรคนนั้นจะกลายเป็นลูกพี่ใหญ่ในบ้านอยู่แล้ว! ชีวิตของเรายังจะอยู่ได้อีกหรือ!"
เหมิงต้าเฉิงถูกทำร้าย ก็เบ้ปากอย่างน้อยใจ "นี่มันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ข้าไม่ได้เป็นคนยั่วโมโหท่านเสียหน่อย จริงๆเลย ทุกครั้งที่โกรธก็มาตีข้า"
เหมิงฝูเปลือยท่อนบน ดื่มเหล้าจอกสุดท้ายหมดแล้ว ก็ขัดจังหวะการพูดของเหมิงต้าเฉิง "เจ้าก็ไม่ต้องบ่นพึมพำอะไรแล้ว รีบกลับห้องนอนที่ห้องนอนของเจ้าซะ!"
จ้าวฮัวจือไม่สบอารมณ์ ทำงานเอะอะโครมคราม "เหมิงฝู! เจ้าบอกมา! ชีวิตของบ้านเรายังจะอยู่อย่างไร! นังเด็กเวรนี่กลับมาแค่ไม่กี่วัน ในบ้านก็เปลี่ยนไปขนาดนี้แล้ว!"
ใบหน้าของเหมิงฝูหงุดหงิดไม่สบอารมณ์ "เจ้านังผู้หญิงบ้านี่ อย่าทำตัวน่ารำคาญขนาดนี้ได้ไหม เจ้ามีปัญญาเจ้าก็ไปล่าหมูป่าซะสิ! ให้ตายสิ! ข้ายังไม่ได้โทษเจ้าเลย ปีที่แล้วตอนที่นักพรตเฒ่านั่นมา เจ้าลืมท่าทีนั่นของเจ้าแล้วหรือ แม้แต่หมั่นโถวลูกหนึ่งเจ้าก็ยังไม่ยินดีจะให้เลย!"
ทันทีที่เอ่ยหัวข้อสนทนานี้ออกมา จ้าวฮัวจือก็ใจร้อนขึ้นมาแล้วเช่นกัน ลุกขึ้นมาก็ผลักเหมิงฝู "เฮอะ เวลานี้มาโทษข้าแล้วหรือ ปีที่แล้วต้าหลินหมั้นหมาย ในบ้านไม่มีเงินแม้แต่แดงเดียว! ข้าไม่ให้หมั่นโถว นั่นก็เพราะว่าท่านไม่เอาไหน ใช้ชีวิตจนๆเช่นนี้ไง!"
เหมิงฝูคนนี้อย่างไรก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ถูกจ้าวฮัวจือดุด่าวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้ ก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมา บวกกับดื่มเหล้าไปเล็กน้อย เข้าไปก็ไปตบจ้าวฮัวจือฉากหนึ่ง "ไสหัวไป! นังผู้หญิงบ้า! เจ้าไสหัวออกไปจากตระกูลเหมิงเลยนะ!"
หนึ่งฝ่ามือตบลงมา จ้าวฮัวจือก็ถูกตบจนตะลึงงัน หลังจากที่นางตอบสนองกลับมา น้ำตาก็เอ่อล้นลงมา "ได้ ข้าไป! ข้าไป! เหมิงฝู แน่จริงเจ้าก็อย่ามาหาข้าอีก!"
จ้าวฮัวจือหยิบเสื้อคลุมตัวนอกตัวหนึ่งก็พุ่งออกจากประตูบ้านไป
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ท่ามกลางเสียงร้องจ๊อกแจ๊กของเสียงนก สองพี่น้องเหมิงเชียนเหยียนเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน รอให้เหมิงฉวนมัดหมูป่าไว้บนเกวียน คนทั้งครอบครัวก็จะเข้าไปในเมือง
เวลานี้ เหมิงฝูก็วิ่งเข้ามาในขณะที่กำลังใส่เสื้อผ้าไปด้วย "พี่รอง ท่านรอเดี๋ยว ข้าจะไปพร้อมกับพวกท่านด้วย"
"เป็นอะไรไป?"
"เฮ้อ นังผู้หญิงบ้าคนนั้น เมื่อคืนนี้เถียงกับข้า ผลก็คือทะเลาะกัน นางก็หนีไปเลย! ข้าเดาว่าน่าจะกลับบ้านแม่ไปแล้ว ข้าจะไปรับนาง!"
