บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ฟังภาษานกรู้เรื่องด้วย

หมิงจิ่วเหนียงรวบแขนเสื้อขึ้นมาแล้วพุ่งออกไป อยากให้คนพวกนั้นหุบปากไปซะ!

แต่พอนางออกนอกประตูไปถึงพบว่า นอกบ้านมืดสนิทไปทั้งหมด มีใครที่ไหนกัน?

“อีอ้วนนี่กำลังตามหาพวกเราอยู่?” น้ำเสียงฟังดูน่าเกลียดเหมือนเสียงเป็ดดังขึ้นมาอีกครั้ง

เฮี้ย หรือว่ามีผีหรือ? ร่างกายหมิงจิ่วเหนียงขนลุกขึ้นมาชั้นหนึ่ง

“คงจะไม่ใช่หรอกมั้ง นางจะพาลโกรธมาถึงตัวพวกเราเลยหรือ? น่ากลัวจังเลย!”

ครั้งนี้หมิงจิ่วเหนียงฟังชัดแล้ว เสียงมันดังลอยมาจากบนต้นหม่อนในสวน พวกผู้หญิงหยาบคายในผู้บ้านพวกนี้นี่ มีเวลาว่างมาไร้สาระมากหรือ ดึกดื่นค่ำคืนยังมาปีนต้นไม้แอบฟังเรื่องชาวบ้านอีก!

หมิงจิ่วเหนียงเดินไปที่ใต้ต้นไม้อย่างรวดเร็ว มือเท้าเอวแล้วด่าขึ้นว่า “ไสหัวไปให้ข้า……”

พอคำพูดจบลง ตัวนางก็ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปเลย อ้าปากกว้าง ๆ ค้างไว้ สี่ตาสบกันกับนกฮูกสองตัวบนต้นไม้ ไม่ใช่ซิ หกตาสบเข้าหากันต่างหาก

พอคุ้นเคยกับความมืดด้านนอกแล้ว มองจากแสงจันทร์ที่ส่องลอดกิ่งไม้เข้ามา หมิงจิ่วเหนียงก็มองเห็นนกฮูกทางซ้ายมืออ้าปากขึ้น ๆ ลง ๆ “นางฟังพวกเราคุยกันไม่รู้เรื่องสักหน่อย อย่าเงียบซิ”

หมิงจิ่วเหนียงเป็นบ้าไปเลย

โอ้สวรรค์ นี่นางทะลุมิติมาโลกจินตนาการแปลก ๆ แบบไหนกัน แม้แต่นกก็ยังพูดภาษามนุษย์ได้ด้วยหรือ?

ไม่ใช่ซิ ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม ไม่มีเรื่องนี้อยู่เลยนี่น่า!

ในขณะนั้นเอง น้ำเสียงเย็นชาของเซียวเถ่ฉื้อก็ดังมาจากด้านหลังนาง “จะเอาหัวโขกต้นไม้ก็โขกซะ วันนี้ข้าเพิ่งได้ค่าแรงมา มากพอที่จะเอาไปซื้อเสื่อม้วนหนึ่งมาม้วนตัวเจ้าได้อยู่”

หมิงจิ่วเหนียงเพิ่งตั้งสติขึ้นมาได้ แล้วค่อย ๆ หมุนตัวไป เงยหน้ามองเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ท่าน ไม่ได้เสียงด้านนอกหรือ?”

เรียวปากนางสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นท่าทางที่ตกตะลึงเกินไป

ทว่าเซียวเถ่ฉื้อเกลียดนางเข้ากระดูกดำ แล้วอีกอย่างท่าทีแบบนี้มาอยู่บนตัวอีอ้วนที่หนักเป็นร้อยกิโลนั้น จะมีอะไรมาทำให้คนจิตใจสั่นไหวได้? ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจว่า “ตอนนี้อยากจะมาหลอกว่ามีผีอีกแล้วใช่ไหม!”

หมิงจิ่วเหนียงหลับตาลง พยายามบังคับให้ตัวเองยอมรับความจริงกับเรื่องนี้……นางฟังนกฮูกคุยกันรู้เรื่อง!

“เปล่า ไม่กล้าไม่กล้าเจ้าค่ะ บางทีอาจจะ อาจจะเพราะว่าข้าทำผิดมากเกินไป” นางเปลี่ยนไปมีท่าทางดูน่าสงสาร “เพราะฉะนั้นก็เลยมักจะรู้สึกว่ามีคนแอบนินทาลับหลัง สวามีวางใจเถอะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเปลี่ยนแปลงใหม่ จะตั้งใจเปลี่ยนเป็นคนใหม่! ข้า ข้าจะไปล้างหม้อทำกับข้าวเดี๋ยวนี้เลย!”

นางจะต้องรีบเอาซุปยาพิษหม้อนั้นไปโยนทิ้งให้เร็วที่สุด!

ดวงตาเซียวเถ่ฉื้อเต็มไปด้วยความไม่เชื่อมั่น แต่ฮัวเอ๋อร์กอดคอเขาไว้ ดวงตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน

เขาจึงไม่พูดอะไร หมุนตัวแล้วเข้าบ้านไป

หมิงจิ่วเหนียงรู้สึกว่าพ้นเคราะห์ไปอีกครั้ง ฮัวเอ๋อร์คนนี้ ช่างเป็นเหมือนเทวดาตัวน้อยจริง

นางล้มลุกคลุกคลานเข้าไป หยิบหม้อที่ถูกเหวี่ยงจนบิดเบี้ยวขึ้นมาแล้วพูดขึ้นว่า “ที่บ้านไม่มีน้ำ เดี๋ยวข้าไปล้างที่ลำธารนะ”

พูดแล้ว ก็ไม่รอให้เซียวเถ่ฉื้อตั้งสติขึ้นมาได้ นางก็ถือหม้อวิ่งออกไปแล้ว

ตอนที่นางวิ่งรู้สึกเหมือนกับไขมันทั้งตัวกำลังเขย่าอยู่ จึงรู้สึกว่าต้องรีบลดน้ำหนักโดยด่วนแล้ว

พอมาถึงลำธาร นางก็ใช้แรงทั้งหมดโยนหม้อเข้าไปในลำธาร รีบทำลายหลักฐานไป จากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงบนก้อนหินข้างลำธาร แล้วหายใจหอบไป

นางจำเป็นสงบสติอารมณ์สักหน่อย

“ฟ้ามืดแล้ว!” นางได้ยินเสียงตะโกนชัดเจนดังขึ้นมา จากนั้นตามมาด้วยเสียงกระพือปีกจากกลางดงกอต้นอ้อ

“ตะโกนอะไรนักหนา! เอะอะเสียงดังจนกูนอนไม่หลับแล้วเนี่ย” นางเห็นนกตัวใหญ่ตัวหนึ่งบินพุ่งออกไป บินไปตามแสงจันทร์ ดูหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

ในขณะเดียวกัน ในกอหญ้าก็มีเสียงแมลงฤดูใบไม้ร่วงร้องดังขึ้นมา ตรงที่ไกล ๆ ก็มีเสียงไก่ขันและเสียงสุนัขเห่าดังลอยมา

หมิงจิ่วเหนียงสงบนิ่งอยู่นาน ในที่สุดก็เข้าใจขึ้นมาว่า นางสามารถฟังภาษานกรู้เรื่อง! แต่สำหรับภาษาของสัตว์อื่น รวมทั้งสัตว์เลี้ยงในบ้าน นางกลับฟังไม่รู้เรื่อง

โอ้โห คนอื่นเขาทะลุมิติไปรู้เรื่องการแพทย์ รู้เรื่องยา รู้เรื่องอาวุธสงคราม ไม่ก็เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่ก็เปลี่ยนแปลงโลก

แต่นางเจ๋งเลยนี่ นางรู้แค่ภาษา……นก ทำไมนางไม่ไปขึ้นสวรรค์ซะล่ะ!

โธ่สวรรค์เฮี้ยนี่ ท่านจะล้อข้าเล่นหรือ!

“ทำใจเอาหัวโขกต้นไม้ไม่ได้ ตอนนี้จะมาโดดลำธารหรือ?”

พอหมิงจิ่วเหนียงได้ยินเสียงจากด้านหลัง ก็ถอนหายใจยาว ๆ ทีหนึ่ง แล้วค่อย ๆ ยืนขึ้น ก้มหน้าแล้วพูดอย่างเศร้าสร้อยว่า “ข้า……ข้าทำหม้อหายไปแล้ว ข้าไม่กล้ากลับบ้าน ข้ากลัวท่านจะซ้อมข้า”

วัสดุโลหะนั้นมีราคาแพง หม้อนี่เป็นสมบัติที่มีราคาสูงที่สุดของบ้านพวกเขาแล้ว

แต่ที่จริงเซียวเถ่ฉื้อไม่เคยลงมือกับนางมาก่อน สิ่งที่เขาทำมากที่สุดก็คือ ลับมีดเสียงดังตอนกลางดึกเท่านั้น

ทุกครั้งที่ทำแบบนั้น หมิงจิ่วเหนียงก็จะสงบเสงี่ยมลงนิดหน่อย

แต่สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก ผ่านไปไม่กี่วัน เซียวเถ่ฉื้อก็ต้องลับมีดตอนกลางดึกอีกแล้ว

ฮัวเอ๋อร์ยังเกาะอยู่บนตัวเซียวเถ่ฉื้อ แล้วลองยื่นมือเล็ก ๆ ไปหาหมิงจิ่วเหนียง

หมิงจิ่วเหนียงจ้องมองมือเล็กที่ดำ ๆ และมีบาดแผลนั่น ใจก็อ่อนยวบจนราวกับเป็นน้ำบ่อหนึ่ง น้ำตาแทบจะไหลออกมาแล้ว

สมกับที่เป็นลูกชายแท้ ๆ จริง ๆ นี่เป็นความเมตตาครั้งแรกที่นางได้รับมาหลังจากที่ทะลุมิติมาแล้ว

ไม่เพียงเท่านี้ ฮัวเอ๋อร์ยังเอาซาลาเปาที่อยู่ในมืออีกข้างมายัดใส่ปากนางอีก ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเซียวเถ่ฉื้อมีเรี่ยวแรงเยอะมาก คาดว่าตัวเขาทั้งตัวคงจะล้มตัวลงมาแล้ว

“ฮัวเอ๋อร์กินเถอะ แม่ยังไม่หิว แม่อ้วนขนาดนี้ ต่อไปต้องกินน้อยลงหน่อยแล้ว” หมิงจิ่วเหนียงพูดขึ้นมา “ไป พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”

ถ้ายังไม่กลับไปอีก นางกลัวว่าเซียวเถ่ฉื้อจะเปลี่ยนความตั้งใจไป

พอกลับมาถึงบ้านแล้วนางก็เห็นว่า บนโต๊ะยังมีซาลาเปาอยู่อีกอันหนึ่ง คิดว่าน่าจะเป็นของที่เซียวเถ่ฉื้อนำกลับมา

หมิงจิ่วเหนียงหิวจนท้องร้อน“จ๊อก ๆ” แต่ก็ไม่กล้ายื่นมือไป

เซียวเถ่ฉื้อพูดเสียงเย็นขึ้นว่า “กินข้าว!”

หมิงจิ่วเหนียงหิวจะตายอยู่แล้ว แต่พอนางมองเห็นไขมันเต็มร่างตัวเอง ก็ส่ายหน้าขึ้นมาอย่างเด็ดเดี่ยว “ข้า ดื่มน้ำหน่อยก็พอแล้ว”

เซียวเถ่ฉื้อไม่อยากจะสนใจนาง กัดไม่กี่คำก็กินซาลาเปาเข้าไป จากนั้นก็เอาหญ้าฟางที่กองอยู่ข้างกำแพงมาปูบนพื้น แล้วนอนกอดฮัวเอ๋อร์ไป

เตียงไม้ถูกหมิงจิ่วเหนียงยึดครองไปคนเดียว นางนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนนั้น ในใจรู้สึกไม่สบายใจ

เจ้าของร่างเดิมหยิ่งยโสซะขนาดนั้นยังมีชีวิตอยู่ได้นานขนาดนี้ ก็เพราะความห่วงหาที่ฮัวเอ๋อร์มีต่อมารดาทั้งนั้น ไม่ว่าเจ้าของร่างเดิมจะด่าว่ายังไง ความต้องการที่ฮัวเอ๋อร์มีต่อมารดาก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป

ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็ต้องสงบจิตสงบใจอยู่ที่นี่ หมิงจิ่วเหนียงตัดสินใจว่าต่อไปนี้จะต้องดีต่อเทวดาตัวน้อยคนนี้ให้มาก ๆ

แต่ว่าชีวิตความเป็นอยู่ในตอนนี้มันยากลำบากเกินไปแล้ว

เซียวเถ่ฉื้อเป็นนักโทษที่ถูกเนรเทศ ฉะนั้นอยู่ที่นี่เขาต้องอยู่อย่างตกต่ำที่สุด ถึงจะช่วยตีเหล็กให้คนอื่น ทำงานที่ใช้แรงงานที่หลักที่สุดแบบหามรุ่งหามค่ำ วันหนึ่งก็ได้มาแค่สิบอีแปะเท่านั้น

เจ้าของร่างเดิมชอบกินมันหมูคลุกข้าว เงินล้วนถูกเสียไปกับตัวนางทั้งนั้น จากนั้นก็ได้ร่างกายที่เต็มไปด้วยไขมันนี้มา

พูดถึงแล้ว เพราะฮ่องเต้ชอบกุ้ยเฟย์สุที่มีน้ำมีนวล ดังนั้นน้องสาวต่างมารดาจึงหลอกนางว่าอ้วนแล้วสวย เมื่อก่อนเพื่อจะให้อ้วน นางก็เลยกินมันหมูคลุกข้าว ต่อมาก็เลยเลยเถิดไปกันใหญ่

นี่มันโง่เขลาอย่างเห็นได้ชัดเลย! หมิงจิ่วเหนียงแอบพึมพำอยู่ในใจ

วันละสิบอีแปะ เห็นได้ชัดว่าไม่พอให้คนทั้งบ้านมีชีวิตอิ่มหนำสำราญได้ ดังนั้นนางจึงต้องคิดหาวิธีหาเงินมาทำให้ชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้ เพื่อตัวเอง และเพื่อฮัวเอ๋อร์!

สำหรับเซียวเถ่ฉื้อนั้น ล่วงเกินไม่ได้ นางก็จะไม่ล่วงเกิน

เซียวเถ่ฉื้อบอกว่าเขาได้เงินเดือนมาแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าได้มาเท่าไหร่ จะขอแบ่งจากเขาสักหน่อยได้หรือเปล่านะ?

ไม่เป็นไร ช่างเถอะช่างเถอะ นางไม่อยากอับอายถ้าถูกปฏิเสธขึ้นมา

ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดนางก็นอนหลับไปอย่างสะลึมสะลือ

เช้าวันที่สอง นางถูกเสียงพูดคุยด้านนอกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ที่แท้หลังจากที่นกฮูกตัวนั้นไปซุบซิบนินทาแล้ว นกกระจอกกลุ่มหนึ่งก็มา

ฟังเสียงเอะอะเสียงดังโต้เถียงกันไปมาของพวกเขาแล้ว หมิงจิ่วเหนียงก็ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วตะคอกเสียงดังออกไปคำหนึ่งว่า “ไสหัวไปให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

คนยากจน แม้แต่นกก็ยังมารังแก!

ทีแรกฮัวเอ๋อร์แอบยืนมองนางอยู่ข้าง ๆ พอได้ยินคำตะคอกนี้ ก็ตกใจจนตัวสั่นขึ้นมาทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel