บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 ไล่ออกจากบ้าน

ปีพุทธศักราช สองพันห้าร้อยห้าสิบห้า บ้านโคกเล้า จังหวัดสกลนคร

ห้าวันก่อนจันทร์แรมเพิ่งกลับจากการขายแรงงานที่ประเทศเกาหลี พอมาถึงบ้านเธอก็ทะเลากับพ่อแม่และน้องสาวยกใหญ่ ด้วยเรื่องที่ว่าเธอไม่เต็มใจที่จะให้น้องสาวและลูกอยู่บ้านเดียวกันกับเธอ ตอนที่จันทร์แรมอยู่ที่เกาหลีก็เคยบอกให้พ่อกับแม่ไล่จันดีกับลูกออกจากบ้านหลังนี้แล้ว แต่จันดียังดื้อด้านไม่ยอมไปไหนท่าเดียว พอไม่พอใจพ่อกับแม่ก็ขังตัวเองกับลูกอยู่ในห้องแล้วร้องไห้ทั้งวัน แต่ครั้งนี้จันทร์แรมไม่ยอมให้จันดีอยู่ที่นี่ต่ออย่างแน่นอน

วันนี้พอตื่นเช้ามาจันทร์แรมก็เริ่มด่าจันดีกับลูกอีก จันดีผู้เป็นน้องสาวนั่งร้องไห้กอดกันกับลูกทั้งสองปานจะขาดใจอยู่โถงบ้าน

“พวกแกสามคนย้ายของออกจากบ้านฉันไปเลยนะ” จันทร์แรมชี้หน้าน้องสาวด่ากราดเสียงดัง

“ฮือ ๆ ๆ” เสียงลูกของจันดีกอดแม่ร้องไห้ประสานเสียงกันด้วยความหวาดกลัว

“พี่จะให้ฉันไปอยู่ที่ไหน” จันดีถามพลางสะอื้น

“ช่างหัวแกสิ”

ตอนนั้นจันดีมองจันทร์แรมผู้เป็นพี่สาวตาขวาง ขบกรามแน่น ละสายจากพี่สาวก็มองพ่อกับแม่ที่ยืนมองเธอคล้ายกับไม่ใช่คนในครอบครัว

ได้ ไม่อยากให้ฉันอยู่ ฉันไม่อยู่ก็ได้ จันดีคิดพลางมองพ่อแม่ และพี่สาวด้วยแววตาเคียดแค้น

เช้ามืดของวันถัดมาฉวีผู้เป็นแม่ตื่นมาตอนตีสี่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้านเพื่อมาเข้าห้องน้ำ กลับพบว่าจันดีลูกสาวคนเล็กใช้ผ้าขาวม้าผูกคอตายอยู่ใต้บันไดบ้าน ฉวีตกใจสุดขีดเมื่อเห็นลูกสาวตัวขาวซีดคล้ายคนสิ้นใจแล้ว ซ้ำเก้าอี้ที่จันดีเหยียบขึ้นไปก็ล้มลงกับพื้น คาดไม่ถึงว่าพอสามีจับร่างลูกสาวลงมานอนราบและทำการผายปอด ส่วนเธอก็กัดปลายเท้าลูกสาวช่วยอีกแรง จนทำให้จันดีฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

ช่วงสายหลังจากชาวบ้านที่มามุงดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันไปแล้ว จันทร์แรมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะให้น้องสาวย้ายไปอยู่ที่อื่น และเริ่มทะเลาะกับผู้เป็นแม่อีกครั้ง

ก่อนหน้านี้คนในหมู่บ้านไม่มีใครรู้ว่าจันดีลูกสาวคนเล็กมีลูกมีสามีแล้ว เหตุเพราะขุนกับฉวีผู้เป็นพ่อกับแม่อับอายผู้คนที่ลูกสาวท้องโดยไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ฉวีกับสามีจึงขังลูกไว้ในบ้านปูนสองชั้น ที่มีรั้วบ้านเป็นกำแพงกั้นสูง ตลอดห้าปีที่ผ่านมาจันดีกับลูกแฝดชายหญิงไม่เคยได้ออกไปไหน ยังดีที่บริเวณบ้านยังค่อนข้างกว้าง ตอนนี้ลูกทั้งสองของจันดีอายุได้สี่ขวบแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเข้าเรียนที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก แต่ตากับยายก็ยังไม่ยอมให้หลานไปโรงเรียน กระทั่งลูกสาวคนโตกลับมาจากประเทศเกาหลี เรื่องนี้จึงแดงขึ้นมา การทะเลาะกันระหว่างจันดีกับคนในครอบครัวทำให้ชาวบ้านได้ยินทั้งหมด

แม้แต่ตอนนี้ที่น้องสาวเพิ่งฟื้นจากความตาย จันทร์แรมก็ยังทะเลาะกับแม่

“แม่ต้องให้มันไปอยู่ที่อื่นนะ ไม่งั้นฉันไม่ยอมแน่ ยังไงบ้านหลังนี้ก็เป็นเงินที่ฉันหามาจากน้ำพักน้ำแรง ฉันไม่มีทางให้มันอยู่ด้วยหรอกนะ ไหนจะลูกของมันอีกตั้งสองคน”

           “แล้วแกจะให้มันไปอยู่ที่ไหน” ฉวีไม่ได้เป็นห่วงลูกสาวคนเล็กเท่าไรนัก เพียงแต่นึกไม่ออกว่าจะให้จันดีไปอยู่ที่ไหน

           “เรื่องของมันสิ อยากท้องไม่มีพ่อเองนี่ ไปขอเช่าบ้านใครก็ได้ที่เขาไม่อยู่แล้วก็ได้” จันทร์แรมขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ไม่รู้จะฟื้นขึ้นมาทำไม มันน่าจะตาย ๆ ไปซะ” เกลียดนักพวกที่ทำตัวเรียบร้อย แท้จริงแล้วเป็นพวกน้ำนิ่งไหลลึกคล้ายกับไฟไหม้แกลบ ไม่รู้ไปทำท่าไหนถึงได้ท้องแล้วจำหน้าสามีตัวเองไม่ได้

           “อย่าไปว่ามันเลย เรื่องมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว พ่อกับแม่ด่ามันไปเยอะแล้ว” วันที่ขุนกับฉวีรู้ความจริงว่าลูกสาวตั้งท้อง พวกเขาก็พยายามเค้นถาม ทั้งลงไม้ลงมือกับลูกสาว จนเนื้อตัวจันดีมีแต่รอยแส้ แต่สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าลูกสาวท้องกับใคร จันดีเอาแต่ร้องไห้และไม่ยอมปริปากพูดออกมาสักคำ

           จันทร์แรมเบ้ปากอย่างสมเพช “อยากสำส่อนดีนัก สมน้ำหน้า สงสัยคงเอาหลายคนจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นพ่อเด็ก”

           ฉวีกับขุนได้แต่ทำหน้าลำบากใจ เรื่องนี้เขาก็งงมาจนถึงทุกวันนี้ จันดีไม่เคยออกไปเที่ยวไหน จะมีก็เพียงเพื่อนผู้หญิงในหมู่บ้านเดียวกันที่จันดีไปมาหาสู่เป็นประจำ แต่ไปเพียงไม่นานเธอก็กลับมา ไม่เคยไปนอนค้างบ้านใคร หรือไปเที่ยวตามที่ไกล ๆ เลยสักหน ไม่รู้ว่าลูกสาวเอาเวลาไหนไปทำลูก ถึงได้เด็กแฝดคู่นี้ขึ้นมา

แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องให้จันดีย้ายออกจากบ้านหลังนี้ ไม่เช่นนั้นลูกสาวคนโตก็คงไล่พ่อกับแม่ออกไปด้วย อย่างไรเธอกับสามีก็ต้องเลือกเงินกับที่ซุกหัวนอนไว้ก่อน เพราะบ้านพร้อมที่ดินแปลงนี้ก็โอนให้เป็นชื่อของจันทร์แรมไปแล้ว

           จันดีที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาไม่ถึงสองชั่วโมงนั่งถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในห้องกับลูกที่กำลังนั่งร้องไห้เสียงดังระงม ใครจะไปเชื่อว่าจันดีคนนี้ไม่ใช่จันดีคนเดิมที่ผูกคอตายเมื่อหลายชั่วโมงก่อน เพียงแต่เธอก็ชื่อจันดีเหมือนกัน แต่เป็นจันดีที่เป็นไกด์นำเที่ยวจากยุคปัจจุบัน แต่ไม่คิดว่าเครื่องบินจะตกจนเธอต้องตายแล้วเข้ามาอยู่ในร่างนี้แบบงง ๆ จากอายุสี่สิบสาม กลายเป็นหญิงม่ายลูกสองในวัยยี่สิบสามอย่างเลี่ยงไม่ได้

           คิดถึงตรงนี้แล้วจันดีก็แค่นยิ้มท่ามกลางเสียงร้องไห้ของลูกทั้งสอง เธอไม่ได้สนใจพวกเขาเท่าใดนักเพราะยังงงกับตัวเองไม่หาย แต่ดูแล้วลูกทั้งสองคงตกใจที่ป้ากับยายทะเลาะกัน และกำลังจะไล่เธอกับพวกเขาออกจากบ้านหลังนี้

           นี่มันเรื่องบ้าอะไร แม้แต่สามีก็ไม่เคยเห็นหน้า แถมเกิดมาท่ามกลางพ่อแม่ที่แสนจะรักลูกไม่เท่ากัน

           เฮ้อ! ท้องยังไงถึงไม่รู้หน้าสามีน้อ
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel