บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

สวี่จิ้งยางนั่งนิ่งอยู่ในรถม้า ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายก็เข้าใจกระจ่างแจ้งในใจ

ชาติที่แล้วเมื่อนางกลับมา ก็ถูกคนเฝ้าประตูขัดขวางเช่นกัน

ในตอนนั้นนางไม่รู้ว่า สวี่โหรวเจิงได้สวมรอยเป็นคุณหนูใหญ่แทนที่นาง

นางยังคิดว่าเป็นคนเฝ้าประตูที่ไม่รู้จักนาง จงใจกลั่นแกล้ง

ในระหว่างที่โต้เถียงกันอย่างดุเดือด นางได้ลงไม้ลงมือกับคนรับใช้ สุดท้ายพ่อแม่ได้ยินเสียงเอะอะ ก็กลัวว่าจะไปรบกวนเพื่อนบ้าน จึงจำต้องพานางเข้าไปในบ้าน

ชาตินี้ สวี่จิ้งยางต้องการให้พวกเขาเชิญนางเข้าไปอย่างดี!

จู๋อิ่งกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่เพิ่งกลับมาจากชายแดน และยังนำของที่ระลึกของท่านแม่ทัพกลับมาด้วย เหตุใดจึงมาถึงตั้งแต่เช้าวันนี้?”

แม่นมจางก็กล่าวว่า “จริงหรือไม่จริง ให้นายท่านและฮูหยินของพวกเจ้าออกมาดูสักครั้ง ก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ?”

คนเฝ้าประตูเหลือบมองแม่นมจาง แล้วก็มองไปยังรถม้าที่อยู่ด้านหลังของพวกนาง

วันนี้องค์หญิงใหญ่ออกนอกจวน จงใจเก็บตัว รถม้าไม่มีแม้แต่สัญลักษณ์ใดๆ

“นายท่านและฮูหยินของพวกเรามีธุระ ไม่ใช่ใครมาก็จะออกมาพบกันทั้งนั้น?” คนเฝ้าประตูเชิดหน้าขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม

“บ่าวรับใช้ผู้นี้ ช่างไม่รู้จักกฎเกณฑ์เอาเสียเลย” แม่นมจางเริ่มไม่พอใจเล็กน้อย

นางติดตามองค์หญิงใหญ่มาหลายปี ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ได้รับความเคารพ ไม่เคยเจอคนรับใช้ที่กล้าปฏิเสธนางเช่นนี้มาก่อน

สวี่จิ้งยางเปิดม่านรถ เอ่ยเสียงไม่ดังนัก แต่ก็พอให้คนข้างนอกได้ยิน

“ท่านพ่อและท่านแม่ส่งคนมายังชายแดนเพื่อรับข้าและนำเสื้อผ้าของพี่ชายกลับเมืองหลวงเมื่อไม่นานมานี้ ข้าพลัดหลงกับคนรับใช้ จึงกลับมาล่าช้ากว่า เจ้าไปถามพ่อบ้านก็จะรู้”

“เรื่องตลก!” คนเฝ้าประตูตอบทันที “คุณหนูใหญ่ของพวกเราถูกเลี้ยงดูอยู่ที่จวนชนบทมาโดยตลอด นายท่านและฮูหยินก็ไม่เคยส่งคนไปชายแดน เจ้ากลับกล้ามาแอบอ้างเป็นคุณหนูใหญ่ของเรา หากยังไม่รีบไป ระวังข้าจะแจ้งทางการ!”

องค์หญิงใหญ่เหลือบมองสวี่จิ้งยางอย่างไม่แสดงอารมณ์

“เจ้าไม่มีสิ่งใดที่จะพิสูจน์ตัวตนของเจ้าได้เลยหรือ?”

“ไม่มีเจ้าค่ะ...ข้าพลัดหลงกับคนรับใช้ แม้แต่เงินทองก็แทบไม่เหลือแล้ว” สวี่จิ้งยางแกล้งทำเป็นใบหน้าซีดเผือด

ในดวงตาขององค์หญิงใหญ่ปรากฏความสงสัย

ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังคนเฝ้าประตู——

“เอะอะอะไรกัน ไม่รู้หรือว่าวันนี้นายท่านและฮูหยินกำลังพบแขกผู้มีเกียรติหรือ?”

“แม่นมชิง ในที่สุดท่านก็มาแล้ว ข้างนอกมีหญิงสาวคนหนึ่ง ยืนกรันว่าเป็นคุณหนูใหญ่ของพวกเรา”

แม่นมชิงมีคิ้วเรียวแหลมและดวงตาเฉียบคม มองใครก็ดูดุร้ายเปดพิเศษ

เนื่องจากนางเป็นสาวใช้ที่ติดตามมารดาของสวี่จิ้งยางมาตั้งแต่แต่งงาน จึงมีอำนาจและอิทธิพลพอสมควร

แต่ทว่า เมื่อสวี่จิ้งยางเปิดม่านรถ แม่นมชิงหันมามองนาง คิ้วเรียวแหลมคู่นั้นก็กระตุกขึ้นอย่างไม่คาดคิด

แม่นมชิงเฝ้าดูสวี่จิ้งยางมาตั้งแต่เด็กจนอายุสิบสี่ปี ไม่มีทางไม่รู้จักใบหน้าของนาง แม้ว่าสวี่จิ้งยางจะผ่านความยากลำบากที่ชายแดนมามากก็ตาม

แต่แม่นมชิงเพียงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็กระแอมเสียง

“คุณชายใหญ่เพิ่งเสียชีวิต พวกหลอกลวงก็ชอบอ้างตัวตนเพื่อหาผลประโยชน์ เหตุใดจึงไม่รีบไล่ออกไป?”

คนเฝ้าประตูถูกด่า ก็จ้องมองจู๋อิ่ง “นี่คือแม่นมข้างกายฮูหยินของเรา ท่านบอกว่าไม่ใช่ ก็คงไม่มีทางปลอมแปลงได้แล้ว รีบไสหัวไป! มิฉะนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ!”

คำพูดเหล่านี้ ทำให้มุมปากขององค์หญิงใหญ่ตึงเครียดขึ้นมาทันที

สายตาที่มองสวี่จิ้งยาง ก็ไม่เป็นมิตรเหมือนเดิมอีกต่อไป

“แม่นาง ข้าได้ส่งเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว เรื่องที่เหลือ เจ้าจงไปจัดการกับจวนสวี่เองเถิด” องค์หญิงใหญ่กล่าวกับสวี่จิ้งยางอย่างเย็นชา

สวี่จิ้งยางก็ไม่ลังเล ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวขอบคุณอย่างสงบ

“เรื่องนี้คงมีความเข้าใจผิด ข้าขอขอบพระคุณองค์หญิงใหญ่ที่ทรงช่วยเหลือในวันนี้ หากมีโอกาสในภายภาคหน้า ข้าจะตอบแทนพระคุณอย่างแน่นอน”

สีหน้าขององค์หญิงใหญ่เย็นชา ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ

สวี่จิ้งยางประคองเข่าที่เจ็บปวด ลากร่างกายที่ผอมบางลงจากรถม้า

อากาศมืดครึ้ม เมื่อสวี่จิ้งยางมายืนอยู่ตรงหน้า แม่นมชิงก็มองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจน อดไม่ได้ที่จะจิกนิ้วมือเข้าลึก

เป็นคุณหนูใหญ่จริงๆ นางยังไม่ตาย แถมยังกลับมาแล้ว!

สวี่จิ้งยางมองนาง ใบหน้าอันงดงามและสง่างามยิ้มเล็กน้อย “แม่นมชิง เหตุใดท่านถึงไม่รู้จักข้าแล้วเล่า รีบไปบอกท่านพ่อและท่านแม่ว่าข้ากลับมาแล้ว”

แม่นมชิงหันหน้าหนี “เป็นผู้หลอกลวงจริงๆ มาจับนางไปส่งทางการ!”

คนรับใช้จำนวนมากพุ่งออกมาจากจวน

เมื่อเห็นฉากที่คล้ายกับชาติที่แล้ว สวี่จิ้งยางก็เย้ยหยันในใจ

ชาติที่แล้วก็เป็นช่วงเวลานี้ ที่นางได้ลงไม้ลงมือกับคนเฝ้าประตูและคนอื่นๆ ทำให้เกิดความวุ่นวายไม่น้อย

เพื่อรักษาอำนาจและเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่นั้นไว้ในกำมือ ครอบครัวนี้ได้คิดแผนรับมือไว้แล้ว แม้ว่านางจะกลับมาจริงๆ ก็คงไม่สามารถจบลงด้วยดีได้

แต่ทว่า สวี่จิ้งยางไม่ได้ต่อต้าน เพียงแต่ร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ “พวกเจ้าทำอะไรกัน? แม่นมชิง นี่ข้านะ!”

จู๋อิ่งพุ่งเข้าไปปกป้องนาง “ห้ามรังแกคุณหนู!”

นายบ่าวทั้งสองถูกผลักล้มลงด้วยกัน ห่อผ้าหล่นกระจาย เผยให้เห็นชุดบุรุษเปื้อนเลือด และพู่แดงที่เคยแขวนอยู่บนหอกยาว

แม่นมจางเห็นพวกนางถูกรังแก กำลังจะพูด แต่องค์หญิงใหญ่ในรถม้ากลับกล่าวว่า “แม่นมจาง พวกเราก็ควรจะไปได้แล้ว”

แม่นมจางจึงจำต้องกลับขึ้นรถม้าไป

“รีบจับนางไว้! อย่าให้ประตูจวนสวี่ของพวกเราต้องสกปรก” แม่นมชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดมากยิ่งขึ้น ราวกับมีอำนาจในการตัดสินชีวิต

มือของสวี่จิ้งยางถูกมัดไพล่หลัง เกือบจะถูกมัดด้วยเชือกฟาง

แต่ในขณะนั้นเอง รถขององค์หญิงใหญ่ยังไม่ทันได้ไป ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าดังสนั่นราวฟ้าร้องมาจากในตรอก

ชายหนุ่มผู้สง่างามในชุดเกราะคนหนึ่งพร้อมด้วยทหารสี่นายขี่ม้าเข้ามาใกล้

อาจเป็นเพราะรีบเดินทางโดยไม่หยุดพัก ร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น จนเกราะบางสีแดงสนิมก็ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นสีขาว!

เมื่อเขาเห็นสวี่จิ้งยางถูกคนรับใช้กดไว้ ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความโกรธ ม้ายังไม่ทันยืนนิ่ง เขาก็กระโดดลงมาแล้ว

“พวกสารเลว ปล่อยคุณหนูใหญ่!” ชายหนุ่มฟาดแส้ลงมา พร้อมกับเสียงคำรามราวเสือ

ในพริบตา ใบหน้าของคนรับใช้หลายคนก็แตกเป็นแผล

แม่นมจางรีบกล่าวกับองค์หญิงใหญ่——

“ท่านหญิง ผู้นั้นคือหานเป้า รองแม่ทัพที่ติดตามข้างกายท่านแม่ทัพเทพยุทธ์!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel