บท
ตั้งค่า

บทที่ 13

ในวันที่หิมะโปรยปราย สวี่จิ้งยางเพิ่งรับประทานอาหารเช้าเสร็จ

จู๋อิ่งเข้ามากล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ แม่นมชิงคนสนิทของท่านฮูหยินมาแล้วเจ้าค่ะ”

เมื่อม่านถูกเปิดออก แม่นมชิงก็เดินเข้ามาพร้อมใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจง

“บ่าวคารวะคุณหนูใหญ่ ท่านฮูหยินฝากมาบอกว่า ได้สืบพบที่อยู่ของแม่นมหลิว แม่นมของท่านแล้วเจ้าค่ะ”

“โอ้?” สวี่จิ้งยางประหลาดใจเล็กน้อย “เมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านแม่มิได้กล่าวว่า แม่นมหลิวกลับบ้านเกิดไปพักผ่อน จึงหาไม่พบหรอกหรือ และยังบอกให้ข้าอย่าสร้างความวุ่นวายให้จวนอีก”

แม่นมชิงวางมือแนบตะเข็บกางเกง ก้มตัวลงเล็กน้อย

“คุณหนูใหญ่ เรื่องของท่าน มีเรื่องใดบ้างที่ท่านฮูหยินมิได้ใส่ใจเล่าเจ้าคะ ครั้งก่อนที่ท่านเอ่ยถึง ท่านฮูหยินแม้จะมิได้รับปาก แต่ก็ยังส่งคนไปสืบหาข่าวคราวของแม่นมหลิว”

“ท่านกับท่านฮูหยินเป็นแม่ลูกกัน เลือดเนื้อย่อมผูกพันกัน ท่านฮูหยินจะมิรักท่านได้อย่างไรเจ้าคะ เมื่อทราบข่าวของแม่นมหลิวแล้ว ก็รีบให้บ่าวมาแจ้งให้ท่านทราบทันที”

สวี่จิ้งยางเม้มปาก “เช่นนั้นก็ต้องขอบใจท่านแม่ที่เหน็ดเหนื่อยแล้ว ไม่ทราบว่าเมื่อใดจะสามารถรับแม่นมหลิวกลับมาได้เจ้าคะ”

“โอ๊ย” แม่นมชิงแสดงสีหน้าลำบากใจ “คุณหนูใหญ่ บ่าวก็กำลังจะมาปรึกษาท่านในเรื่องนี้ ได้ยินว่าแม่นมหลิวไม่ยอมกลับ หากจะรับนางกลับมา ท่านอาจจะต้องไปเองสักครั้ง”

สวี่จิ้งยางไม่พูดอะไร

แม่นมชิงกล่าวอย่างไม่ลดละ “แม่นมหลิวเลี้ยงดูท่านมาหลายปี หากท่านเอ่ยปากด้วยตนเอง นางย่อมไม่ปฏิเสธ ท่านฮูหยินกล่าวว่า หากนางกลับมา จะได้รับการดูแลอย่างดีสมควร”

“จะไปรับเมื่อใด”

“พรุ่งนี้เช้า บ่าวจะเตรียมรถม้าไว้รอท่านที่ประตูตะวันตกเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดี ขอบใจแม่นมชิงมาก”

“เรื่องที่บ่าวควรทำเจ้าค่ะ” แม่นมชิงประสานมือ แล้วขอตัวกลับไป

หลังจากนางจากไป จู๋อิ่งก็ขมวดคิ้ว “คุณหนูใหญ่ บ่าวได้ยินจากแม่ครัวหร่วนมามาว่า พรุ่งนี้นายท่านและฮูหยินจะเปิดศาลบรรพบุรุษเพื่อบันทึกชื่อคุณหนูโหรวเจิงในทะเบียนตระกูล และยังเชิญผู้อาวุโสในตระกูลมาด้วย”

“แต่แม่นมชิงกลับมาหาท่านเพื่อพูดเรื่องแม่นม นี่มิใช่เป็นการหาข้ออ้างให้ท่านออกไปจากจวนอย่างชัดเจนหรือเจ้าคะ”

สวี่จิ้งยางพยักหน้า “ข้ารู้”

ในชาติที่แล้วก็เป็นเช่นนี้ การเปิดศาลบรรพบุรุษและบันทึกชื่อในทะเบียนตระกูลไม่ใช่เรื่องเล็ก จะต้องเชิญญาติสนิทและผู้อาวุโสในตระกูลมามากมาย

แม้กระทั่งครอบครัวของนายท่านใหญ่และท่านสามของสวี่จิ้งยางก็จะมาด้วย

ฮูหยินสวี่กลัวว่าสวี่จิ้งยางจะก่อเรื่อง จึงสั่งให้คนทั้งจวนปิดบังเรื่องนี้จากนาง

ในวันที่จะบันทึกชื่อในทะเบียนตระกูล ก็ใช้เรื่องของแม่นมหลิวเป็นข้ออ้าง ลวงให้นางออกจากจวนไป

ความจริงแล้ว พวกเขาไม่พบร่องรอยของแม่นมหลิวเลย เพียงแต่สร้างเรื่องขึ้นมาหลอกให้นางออกไปจากจวน

น่าสงสารที่สวี่จิ้งยางในชาติที่แล้วตั้งใจจะตามหาแม่นม จึงนั่งรถม้าไปยังชานเมืองหลวง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำว่า “หาคนผิด”

เมื่อนางกลับถึงจวน ก็เป็นยามเย็นแล้ว พิธีการทั้งหมดได้เสร็จสิ้นลง สวี่โหรวเจิงจึงได้สวมนามคุณหนูใหญ่ของตระกูลสวี่อย่างชอบธรรม

จู๋อิ่งไม่เข้าใจ “คุณหนูใหญ่ ในเมื่อท่านทราบแล้ว ไฉนจึงยังรับปากแม่นมชิงอีกเจ้าคะ”

“เพราะในตำราพิชัยสงครามมีกลยุทธ์ที่เรียกว่า ‘แผนซ้อนแผน’ จงรอดูเถิด ข้าจะไม่ยอมให้พวกนางสมปรารถนา” ใบหน้าอันสง่างามและเยือกเย็นของสวี่จิ้งยางเผยความเย็นชาดุจน้ำแข็ง

วันรุ่งขึ้น

ฮูหยินสวี่ตื่นแต่เช้า และไปยังห้องพระที่ท่านฮูหยินเฒ่าเคยใช้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ เพื่อกราบไหว้

วันนี้เป็นวันสำคัญของสวี่โหรวเจิงบุตรสาวสุดที่รักของนาง หลังจากวันนี้ไป นางก็จะเป็นบุตรสาวของตนเองอย่างแท้จริงแล้ว

“ขอพระโพธิสัตว์คุ้มครอง” นางคุกเข่าอยู่หน้าเบาะรองนั่ง หลับตาอธิษฐานอย่างเคร่งครัด

แม่นมชิงเดินเข้ามา “ท่านฮูหยิน ผู้อาวุโสในตระกูลและญาติพี่น้องเริ่มทยอยกันมาถึงแล้ว นายท่านและคุณชายรองกำลังต้อนรับอยู่ที่ด้านหน้าเจ้าค่ะ”

ฮูหยินสวี่ลืมตาขึ้น ให้นางประคองให้ลุกขึ้นยืน “สวี่จิ้งยางไปแล้วหรือยัง”

“ไปแล้วเจ้าค่ะ นางมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง ตั้งใจจะไปหาแม่นมของนาง บ่าวเห็นนางขึ้นรถม้าไปด้วยตาตนเองเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ฮูหยินสวี่ก็เบ้ปาก แสดงความไม่พอใจ

“แม่นมชิง ดูสิ เด็กคนนี้ช่างไม่มีหัวใจจริงๆ เพียงแค่ข่าวคราวของแม่นมก็ทำให้นางดีใจจนลืมตัวไปหมด ข้าให้กำเนิดนาง เกือบเอาชีวิตไม่รอดเชียวนะ!”

“ยังดีที่ท่านฮูหยินมีคุณหนูโหรวเจิงอยู่ข้างกาย นางเป็นดั่งเสื้อคลุมที่อบอุ่นใจของท่าน ท่านฮูหยินยังมีวาสนาอีกยาวไกลเจ้าค่ะ”

ฮูหยินสวี่ยิ้ม พลางลูบผมสีดำขลับของตน “พูดได้ดี ไปเถิด วันนี้เป็นวันสำคัญของโหรวเจิง อย่าให้เสียฤกษ์ยาม”

วันนี้ที่ลานศาลบรรพบุรุษของตระกูลสวี่เต็มไปด้วยความคึกคัก

เฉพาะญาติพี่น้องก็มาถึงสิบกว่าคนแล้ว

ยังมีใต้เท้าเการองเสนาบดีกรมคลัง ที่ถูกเวยกั๋วกงเชิญมาเป็นพยาน

นี่เป็นธรรมเนียมของแคว้นต้าเยียน ในวันสำคัญของการเปิดศาลบรรพบุรุษและบันทึกชื่อในทะเบียนตระกูล นอกจากญาติพี่น้องแล้ว จะต้องเชิญผู้ที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดมาด้วยหนึ่งคน

ยิ่งมีตำแหน่งสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

ซึ่งหมายความว่าบุคคลนั้นก็ยอมรับการเข้าสู่ตระกูลของผู้นั้นด้วย

เดิมทีใต้เท้าเกากับเวยกั๋วกงไม่ได้มีความสัมพันธ์อันใด แต่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมื่อแม่ทัพเทพยุทธ์สร้างผลงานอย่างต่อเนื่อง ตระกูลเกาจึงได้กระชับความสัมพันธ์กับตระกูลสวี่

ดังนั้น วันนี้ใต้เท้าเกาจึงยินดีที่จะมาเข้าร่วม

สวี่โหรวเจิงตั้งใจแต่งกายเป็นพิเศษ หลังจากบทเรียนครั้งที่แล้ว นางแม้จะไม่ได้สวมเสื้อผ้าสีฉูดฉาด แต่ก็ยังสวมต่างหูทับทิมสีแดงเลือดนกเพื่อเป็นเครื่องประดับ

นางเกิดมามีผิวพรรณขาวผ่อง รูปร่างบอบบางราวกับกิ่งหลิว เมื่อปรากฏตัวพร้อมเสื้อคลุมขนจิ้งจอก ก้าวเดินอย่างสง่างาม ก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้อย่างแท้จริง

สวี่หมิงเจินเดินอยู่ข้างนาง คอยแนะนำไปทั่วว่า “นี่คือพี่สาวของข้า”

ผู้ที่ไม่ทราบเรื่องราวก็ประสานมือกล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ สวัสดี”

สวี่โหรวเจิงก็ไม่ได้อธิบายอะไร เพียงแต่ตอบรับและทำความเคารพ

มีเพียงคนในบ้านสามของตระกูลสวี่เท่านั้นที่รู้ว่านางไม่ใชสวี่จิ้งยาง เมื่อสวี่โหรวเจิงเดินมาถึงหน้าพวกเขา ท่านสามของตระกูลสวี่ก็เผยรอยยิ้มที่ดูเขินอาย

“โหรวเอ๋อร์ช่างงดงามยิ่งนัก นี่คือของขวัญต้อนรับ” ท่านฮูหยินสามเป็นคนฉลาด จึงยื่นกล่องผ้าไหมให้สาวใช้ของนาง

สวี่โหรวเจิงก็กล่าวตามมารยาทว่า “ขอบคุณท่านสามและท่านอาสะใภ้”

ฮูหยินสวี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ “น้องสาม น้องสะใภ้สาม ไฉนจึงไม่เห็นพี่ใหญ่และพี่สะใภ้เล่า”

นายท่านสามกล่าวว่า “พ่อตาของพี่ใหญ่ป่วย ช่วงนี้จึงพักอยู่ฝั่งนั้น คงจะกำลังเดินทางมาถึงแล้ว”

ตระกูลสวี่มีสามบ้าน สวี่จิ้งยางเป็นบ้านรอง แม้จะยังไม่แยกบ้านแต่ระหว่างสามบ้านก็มีกำแพงกั้นระหว่างกัน

หลังจากฮูหยินเฒ่าเสียชีวิต ก็แค่มีการไปมาหาสู่กันบ้างในเทศกาลสำคัญเท่านั้น

เวยกั๋วกงส่งคนมาให้ฮูหยินสวี่พาสวี่โหรวเจิงไปทำความเคารพใต้เท้าเกา

แม่ลูกทั้งสองจูงมือกัน เดินจากไปพร้อมกับสวี่หมิงเจิน

คุณหนูห้าที่ยืนอยู่ข้างนายท่านสามบ่นพึมพำ “นางกลายเป็นพี่หญิงใหญ่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

ท่านฮูหยินสามรีบเอามือปิดปากนางไว้

“ในสถานการณ์เช่นนี้ เรื่องที่ไม่ควรพูดก็อย่าพูด”

ในขณะนั้น ที่หน้าประตูจวนสวี่ รถม้าคันหนึ่งจอดสนิท นายท่านใหญ่ของตระกูลสวี่ถือไม้เท้าลงมาจากรถ

วันนี้ สวี่จิ้งจือ คุณหนูสามของตระกูลสวี่ ผู้เป็นบุตรสาวของท่าน มากับท่านด้วย

“ท่านพ่อ ท่านแม่บอกว่าให้เราส่งของขวัญแล้วรีบกลับ อย่าไปยุ่งเรื่องของบ้านเขา” สวี่จิ้งจือกำชับ

ในขณะนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ

“ท่านลุงใหญ่?”

นายท่านใหญ่ของตระกูลสวี่หันกลับไป เห็นสวี่จิ้งยางลงมาจากหลังม้า

“จิ้งยาง ไฉนเจ้าจึงไม่อยู่ในจวน” ท่านประหลาดใจเล็กน้อย

สวี่จิ้งยางยิ้มอย่างเปิดเผย “ท่านแม่ให้ข้าไปรับแม่นมหลิวกลับบ้าน ข้าเห็นว่ารถม้าช้า จึงปลดรถม้าออกแล้วขี่ม้าไปเอง พอไปได้ครึ่งทางก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ถามที่อยู่ จึงวกกลับมา”

พลางถามอย่างสงสัย “ท่านลุงใหญ่มาทำอะไรเจ้าคะ”

นายท่านใหญ่มองนางด้วยสีหน้าซับซ้อน “เจ้าไม่รู้หรือ”

“รู้เรื่องอะไรเจ้าคะ”

“พี่หญิงใหญ่ พ่อแม่ของท่านกำลังจะรับหญิงสาวคนอื่นเป็นบุตรสาวแล้วนะ!” สวี่จิ้งจือยังเด็ก จึงปากไว กล่าวออกมาตรงๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel