ตอนที่ 3 ลาจาก (2)
คนถูกใช้ให้อยู่ในครัวไปเปิดตู้หยิบจานชามออกมาด้วยความคุ้นเคย เพื่อนพี่ชายทุกคนที่มาออกจะสนิทสนมกับบ้านเธอไม่น้อย เพราะทุกครั้งที่จะมีปาร์ตี้ก็มักจะมารวมกันที่นี่บ่อยๆ ตั้งแต่สมัยเธอยังเรียนมอปลายจนถึงตอนนี้
"พรุ่งนี้พี่ก็จะไปเรียนต่อแล้ว"
มือที่ล้างผักชะงักนิดหนึ่ง ตอนที่เขาเอ่ยบอก แต่ก็เพียงเสี้ยววินาที
"เราจะจบกันด้วยดีไม่ได้หรือ"
"แบบนี้ยังไม่ดีอีกหรือคะ"
วีร์คร้านจะอธิบายต่อให้เธอเข้าใจ ได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆ เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คนดีนัก และก็ไม่สามารถที่จะรับปากเธอว่าตลอดเวลาที่อยู่ที่โน่นเขาจะทนต่อความต้องการแบบผู้ชายคนหนึ่งได้ขนาดไหน เขาไม่อยากทรยศกับเธอ หรือแม้แต่ตัวเอง และก็ไม่อยากให้เธอเอาอนาคตของเธอมาเชื่อมโยงผูกพันกับเขาไว้ถ้าเกิดทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เธอเสียใจแค่ตอนนี้ดีกว่าจะปล่อยให้ความผูกพันที่มากขึ้นทุกวันทำร้ายเราทั้งคู่
กิดากรจัดผักใส่จานใหญ่อย่างเรียบร้อย เดินถือออกไปที่ศาลาไม้ข้างบ้าน เมื่อของทุกอย่างที่เตรียมให้จนพร้อมสรรพสำหรับปาร์ตี้ส่งท้ายเรียนจบเสร็จสิ้น เธอก็หายกลับขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวชั้นสอง
เสียงร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน โชคดีที่แถวบ้านเธอเป็นซอยที่ไม่ใช่หมู่บ้านจัดสรรเป็นบ้านของคนพื้นที่ที่อาศัยอยู่กันมานานนมตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย และช่วงบ้านของเธอก็เป็นช่วงที่ว่าง เจ้าของที่ข้างๆ ยังไม่เข้ามาดูแลจึงไม่ติดกับใคร เรื่องเสียงดังจึงไม่ใช่ปัญหาและนั่นก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นแหล่งรวมพลของเพื่อนพี่ชายบ่อยๆ
เสียงพูดคุยยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ บางคนก็เล่าถึงอนาคต บางคนก็เอนตัวนอนเหยียดยาวอยู่ที่ศาลา และพี่ชายเธอก็ยังกางเต็นท์ไว้ให้ข้างศาลาอีกด้วย
หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย คิดว่ากำลังจะปิดไฟนอนแต่เพราะเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น
"คะ มีอะไรคะ"
น้ำเสียงหวานที่ขานรับในทีแรกแปรเปลี่ยนเป็นห้วนแข็งเมื่อประตูที่เปิดออกแล้วเห็นว่าเป็นใครอยู่หน้าห้อง
"พี่จะกลับแล้ว"
"ค่ะ"
การกลับไปครั้งนี้ของเขาไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรถึงจะมีโอกาสพบกันอีก หรืออาจไม่มีโอกาสนั้นแล้ว ต่อจากนี้เราก็คงเป็นเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"ไม่อวยพรพี่หน่อยหรือ"
"โชคดีค่ะ"
เธอกำลังจะปิดประตู แต่ถูกฝ่ามือใหญ่ดันไว้
"ถ้าวันที่พี่กลับมา แล้วกี้ยังไม่มีใคร และพี่ไม่มีใคร วันนั้นพี่จะจีบกี้อีกครั้ง"
"งั้นกี้จะรีบมีแฟนเร็วๆ ค่ะ"
เธอปิดประตูใส่หน้าชายหนุ่ม ไม่ทันได้มองดูสีหน้าเขาด้วยซ้ำ เสียงเดินเบาๆ ห่างประตูออกไปแล้ว เธอก็ได้แต่ฟุบหน้านั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น จนเมื่อเสียงรถเขาสตาร์ตดังขึ้นเธอจึงเดินไปปิดไฟในห้อง ยืนมองแสงไฟท้ายรถที่ค่อยๆ หายไปจนสุดทาง
ผ่านไปไม่กี่เดือนต่อจากนั้น คนที่เคยบอกว่าถ้าเขายังไม่มีใคร ก็โชว์รูปหวานแหววของสาวผมทองบนหน้าสื่อโซเชียล สร้างความฮือฮาให้เพื่อนเขาไม่น้อย คอมเมนต์ถล่มทลายหลังจากที่เขาห่างหายจากโซเชียลไปนาน
อีกไม่กี่เดือนต่อมาก็กลายเป็นแม่สาวผมบอร์น และอีกครั้งที่เธอเห็นข่าวเขาก็ตอนที่เขาควงสาวไทย และนั่นจึงทำให้เธอเลิกติดตามเขาทุกช่องทาง การไม่รับรู้คงจะดีกว่า
ต่างคนก็ต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง เพียงแต่เธอไม่สามารถทำอย่างใจปรารถนาได้ ทั้งที่ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยต่อจากนั้นอีกสองปี ก็มีหนุ่มๆ มาจีบเธอทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง
เพียงแต่เธอ...ไม่สามารถที่จะรักใครได้ ความบอบช้ำในวันนั้นเกินกว่าเธอจะเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้ง
การรับรู้ถึงคนไกลอีกซีกโลกค่อยๆ เลือนจางหายไปทีละนิด จากข่าวที่เคยได้ยินบ่อยๆ จากพี่ชาย หรือเวลาที่พวกเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยนัดมารวมตัวสังสรรค์ เธอก็พลอยได้ยินข่าวคราวของเขาบ้างจากคำบอกเล่าของเพื่อนฝูง
แต่เมื่อนานวันทุกคนก็ต่างมีวิถีชีวิตที่ต้องดำเนินกันต่างไป เรื่องราวข่าวคราวก็เงียบหายตามไปด้วย รู้เพียงหลังจากที่เขาเรียนจบปริญญาโทแล้วก็ยังอยู่ทำงานต่อที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกา
นับรวมๆ แล้วเรื่องที่ผ่านมาก็ร่วมเจ็ดปีเห็นจะได้ จนตอนนี้เธออายุยี่สิบเจ็ด แผลเป็นในอดีตคงเหลือเพียงร่องรอยแม้จะไม่เจ็บไม่ปวดแล้ว แต่ก็ยังระลึกถึงเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ทุกครั้งที่มีโอกาสทำบุญเธอก็ไม่ลืมที่จะกรวดน้ำให้ทุกครั้ง
~~~~~~~~~~~~~~\\
"ขับรถดีๆ นะลูก"
"ค่ะแม่ อาทิตย์หน้ากี้อาจจะไม่ได้กลับบ้านนะ บริษัทกำลังถูกเทกโอเวอร์น่ะค่ะ อาจจะยุ่งๆ หน่อย ถ้าโชคร้ายอาจจะกลับมาอาศัยแม่อยู่นะคะ"
"ทำพูดเข้า กลับมาทำงานแถวนี้ก็ดี ไปอยู่ทำไมคนเดียวไกลๆ แบบนั้น"
"ก็เสียดายนี่คะ"
"รีบไปเถอะลูก เดี๋ยวจะไปถึงมืดค่ำพอดี"
การไปแฝงตัวอยู่กับธรรมชาติก็ดีเหมือนกัน แม้จะคิดถึงบ้านบ้าง และตลอดห้าปีตั้งแต่ทำงานที่นี่มาก็ทำเธอชอบสถานที่แห่งนี้ไปเสียแล้ว
โรงแรมชื่อดังเก่าแก่ริมชายหาดบนเกาะแห่งหนึ่งของจังหวัดภาคตะวันออก เธอซุกตัวอยู่เงียบๆ ภายในแผนกบัญชีด้วยตำแหน่งพนักงานธรรมดา ทำงานมาห้าปีตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี ตำแหน่งหน้าที่ทางการงานก็ยังไม่ก้าวหน้าไปทางไหน แต่ก็ถือว่าเธอสนุกกับงานที่นี่ไม่น้อย เพื่อนร่วมงานดี หัวหน้าดี แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเธอ
นอกจากหน้าที่การงานจะไม่ก้าวหน้า โรงแรมใหญ่โตของสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของจังหวัดก็ยังไม่สามารถทำรายได้ได้น่าพอใจ ถ้าไม่ใช่ช่วงไฮซีซันยอดขายที่แผนกบัญชีปิดงบก็แทบจะไม่ถึงเป้าในแต่ละเดือน
ข่าวล่าสุดว่าบริษัทกำลังจะถูกเทกโอเวอร์ สร้างความระส่ำระสายให้พนักงานไม่น้อย แม้บรรดาผู้จัดการแผนกจะพูดให้กำลังใจพนักงานในแผนกตัวเอง
และแผนกบัญชีก็เหมือนจะเป็นแผนกแรกที่จะถูกบริษัทยักษ์ใหญ่มีชื่อเสียงเข้าควบคุม ทีมบัญชีมืออาชีพจากส่วนกลางของบริษัทใหม่จะเข้ามาควบคุมดูแลบัญชีทั้งหมดของโรงแรม
การทำงานที่ดูเหมือนจะอึดอัดขึ้น คงเพราะการถูกตรวจสอบโดยละเอียดทุกอย่าง รวมถึงการวางระบบใหม่หรือแม้แต่หน้าที่ของแต่ละคนที่เพิ่มขึ้น ในสัปดาห์นี้เธอแทบจะลากสังขารกลับห้องพักทุกวัน
จากแผนกบัญชีแผนกอื่นๆ ในบริษัทก็ถูกปรับเปลี่ยนนโยบายกันใหม่ยกเซตชนิดที่ปรับตัวกันแทบไม่ทัน และปัญหาที่ตามมาก็เริ่มทำให้หลายคนหวั่นใจกับเรื่องการจ้างพนักงานออก ที่มีข่าวแว่วมาและลือกันหนาหู แม้แต่เธอเองก็ยังแอบกลัว เสียดายบรรยากาศในการทำงาน เสียดายเพื่อนร่วมงานดีๆ