ตอนที่8 ม่านฟ้า
เป็นดาราแล้วยังไง สวยแล้วยังไง สุดท้ายก็เป็นแค่ผู้หญิงโลภมากเห็นแก่ตัวเท่านั้นแหละ
"นั่นสิ..จะรีบกลับไปไหน แฟนเก่าสุดที่รักมากินข้าวด้วยทั้งที" เหมันต์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและวายุก็ไม่ต่างจากน้ำมันกับไฟ เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องมีปากเสียงกันเสียทุกที
"มึงจะกระแนะกระแหนกูไปถึงไหนวะไอ้หนาว" วายุหันกลับมาพูดกับน้องชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ชัดว่าไม่พอใจ แปลกที่ใครต่อใครก็มองว่ามันเป็นคนดี มีแต่เขาคนเดียวที่รู้ว่ามันกวนส้นตีน
"ตาเหนือ!! พูดจาไม่น่ารักเลย ลมหนาวก็ด้วยอย่าไปหาเรื่องพี่เขาสิลูก" คุณหญิงทอฝันพยายามเอ่ยปราม ก่อนที่ลูกชายทั้งสองจะเถียงกันไปมากกว่านี้
"สวัสดีค่ะคุณพ่อ..คุณแม่" เสียงหวานของดาราสาวพูดขึ้น เธอยกมือไหว้ผู้ใหญ่ ก่อนจะเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างของวายุอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย
"ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะคะเหนือ อ้อ..หนาวด้วย" เธอเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร สมัยก่อนตอนที่ยังคบอยู่กับลมเหนือ เธอเคยมาบ้านหลังนี้อยู่บ่อยครั้ง เพราะเขาชอบพาเธอกลับมาเที่ยวบ้านในทุกครั้งที่ปิดเทอม
"อือไม่ได้เจอกันนานเลย" เหมันต์ตอบกลับอย่างขอไปที หากเลือกได้เขาก็ไม่อยากตอบอะไรกลับไปเลยด้วยซ้ำ แต่ติดที่ว่าวันนี้เธอเป็นแขกของแม่ เขาเลยต้องทักทายกลับไปตามมารยาท
ต่างจากวายุที่เอาแต่ก้มหน้าตักข้าวในจานของตัวเองกินโดยที่ไม่หันมาแลคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเลยด้วยซ้ำ เขาไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายกลับตามมารยาท แขกของใครก็ให้คนนั้นต้อนรับเอาเอง
เขากลับมาเพื่อกินข้าวกับครอบครัว ครอบครัวที่แปลว่าต้องไม่มีคนอื่นมาเสนอหน้านั่งอยู่ด้วย เพราะถึงเขาและไอ้หนาวจะชอบทะเลาะกันยังไง แต่มันก็ยังเป็นคนในครอบครัว ไม่เหมือนกับใครบางคน!
"ม่านซื้อขนมร้านดังมาฝากทุกคนด้วยค่ะ ทานข้าวเสร็จแล้วเรามากินของหวานกันหน่อยดีมั้ยคะ"
"ดีเลยลูก กินคาวต้องกินหวานต่อถึงจะถูก ใช่มั้ยคะคุณ" คุณหญิงทอฝันหันกลับไปคุยกับผู้เป็นสามี คุณปิติภัทรจึงทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วยกับภรรยา
เขาไม่ได้ชอบหรือรังเกียจแม่หนูม่านฟ้านี่เป็นพิเศษ เพราะเมื่อก่อนเขาก็เห็นว่าเธอรักกับเจ้าลูกชายคนโตของเขาอยู่ แต่ก็ได้ข่าวว่าทั้งคู่เลิกกันไปนานแล้ว เขายังจำได้ดีว่าตอนนั้นเจ้าเหนือมันเสียใจหนักเอาการ
ถึงจะไม่รู้ว่าทั้งสองเลิกกันไปด้วยเรื่องอะไร แต่ดูจากกิริยาของไอ้เจ้าเหนือคนเป็นพ่อก็คงพอเดาออกว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดี แต่เอาเถอะ..
เขาก็ไม่อยากจะขัดคอเมียสักเท่าไหร่ เมียว่าไงเขาก็ว่าอย่างนั้นนั่นแหละ ส่วนเจ้าลูกชายตัวดีมันจะกลับไปคบกับหนูม่านฟ้ามั้ยก็คงเป็นสิทธิ์ของมัน
เขาแค่อยากให้ลูกชายทั้งสองของเขามีความสุข มีเมียที่รักใคร่คอยดูแลซึ่งกันและกัน ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีฐานะร่ำรวยเขาก็ไม่มีปัญหาอะไร ขอแค่รักลูกชายของเขาจริง ๆ ก็พอ
แต่ปัญหาคือมันไม่อยากมีเมียกันน่ะซิ!
หลังจากมื้ออาหารผ่านไป วายุก็ไม่รั้งรอที่จะอยู่เพื่อนั่งกินขนมร่วมกับผู้หญิงที่ชื่อว่าม่านฟ้า เขาขอตัวกลับไปยังบ้านของตนเองด้วยเหตุผลว่า มีเอกสารสำคัญที่ต้องกลับไปเคลียร์
พ่อและแม่ของเขาทำได้เพียงมองหน้ากันตาปริบ ๆ ทอฝันรู้ดีว่าลูกชายของตนนิสัยเป็นอย่างไร การที่เขายอมฝืนใจนั่งรับประทานอาหารจนจบมื้อ นั่นก็ถือว่าเขาเชื่อฟังเธอมากแล้ว
อีกอย่างเรื่องระหว่างลมเหนือกับหนูม่านฟ้าเป็นอย่างไรนั้น ตัวเธอเองก็ไม่ได้รู้รายละเอียดแน่ชัด แต่หากสังเกตจากอาการของเจ้าลูกชายคนโตของเธอแล้ว เธอก็พอจะเดาได้ว่ามันคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
"จากนี้ไปพ่อกับแม่ไม่ต้องพยายามหาคนมาให้ผมดูตัวนะครับ เพราะผมมีคนที่มองไว้แล้ว" วายุเอ่ยขึ้นก่อนจะหันกลับไปยักคิ้วใส่แฝดน้องของตนเอง เหมันต์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยมิได้แสดงอาการใดออกมา
คนอย่างไอ้เหนือมันจริงจังกับใครเป็นซะที่ไหน มันคงจะยกเรื่องนี้มาพูดต่อหน้าแฟนเก่าอย่างม่านฟ้าล่ะซิ
"แกหมายความว่ายังไงตาเหนือ" ปิติภัทรถึงกับหูผึ่งที่ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ออกจากปากลูกชายคนโตของตน ไหนก่อนหน้านี้มันพูดอย่างหนักแน่นเลยว่ายังไม่พร้อมที่จะมีเมีย ทำไมถึงได้เปลี่ยนคำพูดไวขนาดนี้..
หรือจริง ๆ แล้วมันแค่พูดออกมาเพื่อประชดหนูม่านฟ้า ผู้เป็นพ่ออย่างเขาก็ได้แต่คิดฉงนสนเท่ห์อยู่ในใจ
"ก็ตามนั้นแหละครับพ่อ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ" วายุยกมือไหว้ลาพ่อและแม่ ก่อนจะเดินออกมาจากห้องอาหารโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลังอีก
ร่างแกร่งของชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างรถคันโปรดของตน เขาเปิดประตูออกก่อนจะถอดเสื้อสูทสีดำโยนเข้าไปบนเบาะนั่งข้างคนขับอย่างไม่ไยดี เรียวนิ้วยาวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวไปจนถึงกลางอกเผยให้เห็นความกำยำ
ขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ วายุกลับถูกมือเล็ก ๆ ของใครบางคน คว้าข้อมือเอาไว้ และต่อให้ไม่หันกลับไปมอง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคนนั้นคือใคร
"มีธุระอะไร" น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้นพลางสะบัดข้อมือออกจากการสัมผัสของม่านฟ้า ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรักมากที่สุด
"เรื่องมันก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว..เหนือยังไม่หายโกรธม่านอีกเหรอคะ" เรือนร่างระหงเดินมาขวางหน้าเขาไว้ ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นคนที่สำคัญที่สุดของเขา และก็เป็นเธอเองที่เป็นคนทำร้ายเขา แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอก็พยายามง้อเขามาโดยตลอด แต่ก็ดูเหมือนว่าวายุจะไม่ใจอ่อนเลยสักนิด
ม่านไม่เชื่อหรอกว่าเหนือจะหมดรักม่านแล้ว.. ม่านไม่เชื่อว่าในใจของคุณจะไม่เหลือม่านอยู่เลย
"ม่านรู้ว่าม่านทำผิดต่อเหนือ ตอนนี้ม่านสำนึกผิดแล้วจริง ๆ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอคะ ม่านจะพยายามทำให้เรื่องของเรามันดีกว่านี้.." เจ้าของใบหน้าสวยกัดริมฝีปากก่อนจะกลั้นใจโพล่งออกไป ตลอดเวลาหลายปีเธอพยายามปีนป่ายจากบทตัวประกอบ จนกลายมาเป็นนางเอกดาวรุ่ง เธอพยายามเป็นคนที่เหมาะสมกับลมเหนือ เพื่อที่เขาจะได้คบกับเธอโดยไม่ต้องอายใคร
แต่ใครจะรู้ว่าความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวของเธอ ทำให้เธอสูญเสียเขาไปตลอดกาล..
"พอเถอะม่าน คุณไม่ต้องพยายามทำอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้ต้องการมัน ขอตัวก่อน" วายุเอ่ยถ้อยคำที่แสนจะเย็นชาออกมาอย่างหน้าตาเฉย เขาใช้หลังมือดันให้คนตัวเล็กหลบไปด้านข้าง ก่อนจะก้าวขาขึ้นไปบนรถและขับออกไปอย่างไม่ไยดี ทิ้งให้ม่านฟ้ายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
เธอมองตามหลังเขาที่ขับรถจากไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ เพื่อข่มกลั้นความรู้สึกอยากร้องไห้เอาไว้..
หกปีก่อน
เมฆฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล ไม่นานนักความมืดครึ้มก็ปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ ลมเหนือรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เมื่อม่านฟ้าเอ่ยคำที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยิน
"เหนือ...ม่านว่าเราเลิกกันเถอะ"
คำพูดนั้นดังก้องอยู่ในหูของเขา ราวกับว่าโลกทั้งใบได้หยุดนิ่งลงชั่วขณะ หูทั้งสองข้างอื้ออึงจนไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง มีเพียงเสียงดังวิ้ง ดุจเสียงระฆังแห่งความสิ้นหวังที่ส่งสัญญาณถึงจุดจบของความรักอันยาวนานของเขาและเธอ
บรรยากาศที่เคยอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเมื่อครั้งที่ยังรักกัน กลับกลายเป็นความเงียบที่น่าอึดอัดและเจ็บปวด
วายุมองไปที่ม่านฟ้าด้วยความเจ็บปวดในดวงตาของเขา เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขา แต่ตอนนี้เธอกำลังจะเดินจากไปโดยไม่ลังเล เขาพยายามจะพูดแต่ความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้เขาพูดอะไรไม่ออก
"ม่าน...ทำไม" เขาถามเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอหน่วยในดวงตา"ม่านรักเหนือไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ ม่านรักเหนือ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันไม่เหมือนเดิมแล้ว"
"เพราะไอ้ผู้กำกับเวรนั่นใช่ป่ะ เรารู้นะว่ามันชอบม่านเรามองครั้งเดียวก็รู้แล้ว เราแม่งโคตรไม่สบายใจเลยที่ม่านต้องไปทำงานร่วมกับมันอะ ทำไมม่านไม่พยายามเข้าใจเราบ้างเลย!!" วายุเอ่ยปากโพล่งออกไปอย่างขาดสติ เขารักม่านฟ้ามากและหึงหวงมากเช่นกัน
ม่านฟ้าถอนหายใจเบา ๆ "มันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้นแหละ เหนือหัดโทษตัวเองบ้างเถอะ ม่านทนกับความเอาแต่ใจของเหนือมามากแล้วนะ เหนือก็รู้ว่าม่านอยากเป็นดาราขนาดไหน มันคือความฝันสูงสุดในชีวิตของม่าน ถ้าเรื่องแค่นี้เหนือยังไม่เข้าใจเราก็เลิกกันเหอะ เพราะถ้าต้องเลือกระหว่างความรักกับความฝัน ม่านก็เลือกความฝัน"
คำพูดของเธอราวกับมีดที่แทงเข้าไปในหัวใจของเขา ความฝันและความหวังทั้งหมดของเขาล่มสลายในพริบตาเดียว เขาไม่สามารถจินตนาการถึงชีวิตของเขาโดยปราศจากเธอได้
เธอมีความฝันที่อยากจะเป็นดารา แต่ความฝันของเขาก็คือการมีเธออยู่ในชีวิต
"ม่าน..เวลาที่เราคบกันมามันไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ ทำไมเธอถึงตัดเราออกจากชีวิตได้อย่างง่ายดายขนาดนี้"
"อือ ม่านไม่ดีเอง ม่านขอโทษนะ" ม่านฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยที่ไม่หันกลับมามองเขาแม้แต่ครั้งเดียว วายุรู้สึกราวกับว่าโลกทั้งใบของเขากำลังพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ความฝัน ความหวัง และความรักของเขาล้วนหายไปในพริบตาเดียว เหลือเพียงความเจ็บปวดและความว่างเปล่าที่คอยกัดกินหัวใจของเขาเท่านั้น
