ตอนที่4 เราไม่ได้เป็นอะไรกัน
ภาพที่อภิชญาเห็นอยู่เบื้องหน้าคือห้องทำงานขนาดใหญ่ ที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีเทาขาวสไตล์โมเดิร์น โถงกลางห้องมีโซฟาหนังสีเทาพร้อมโต๊ะกระจกสีดำสำหรับรองรับแขก ถัดไปก็เป็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ และเก้าอี้หนังสีดำที่หันหลังให้เธออยู่ตอนนี้ ก็มีผู้ชายคนนั้น คนที่เธอคาดว่าเป็นผู้ชายคนเมื่อคืนนั่งอยู่
"เอ่อ..ฉันไม่ได้จะมาเรียกร้องอะไรจากคุณนะคะ เพราะเราเองต่างก็เมากันทั้งคู่" คนตัวเล็กชิงเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน ถึงเขาจะรวยหรือมีตังค์ยังไง แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอตั้งใจมาจับหรือจะมาเกาะเขากิน
พลาดแล้วก็ให้พลาดไป คิดเสียว่า วินวินกันทั้งคู่
"ครับ แล้วยังไงต่อ" เขาตอบกลับเสียงเรียบ โดยที่ไม่ยอมหันเก้าอี้กลับมาคุยให้เธอเห็นหน้าค่าตาเลยสักนิด อภิชญาขมวดคิ้วเสียจนมันจะผูกกันเป็นโบ จากความทรงจำอันเลือนรางของเธอ เมื่อคืนผู้ชายคนนี้ขย้ำเธออย่างกับหมาป่าหิวโซที่บังเอิญเจอเข้ากับลูกแกะ แต่ดูซิ ตื่นเช้ามาแม้แต่หน้าของเธอเขาก็ไม่หันมามอง
เสียเซลฟ์ฉิบหายเลยโว้ย
"อย่างที่บอกไปค่ะ ฉันไม่ได้จะมาเรียกร้องอะไรจากคุณ ฉันเพียงแค่กังวลเลยอยากมาถามเพื่อความสบายใจ"
"ครับแล้วคุณกังวลเรื่องอะไร" เขายังคงไม่หันกลับมา อีกทั้งยังตอบกลับเพียงสั้น ๆ เท่านั้น แต่เมื่อได้ยินเสียงของเขาแล้ว เธอกลับรู้สึกคุ้นหูเสียเหลือเกิน เสียงนี้เธอเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะ..
"ฉันถามตรง ๆ นะคะ เมื่อคืนคุณได้ใส่ถุงมั้ย" คนตัวเล็กเอ่ยถามออกไปด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู เธอรู้สึกอับอายเหลือเกินที่ต้องมาพูดจาแบบนี้กับคนที่ไม่ใช่แฟนหรือคนรักของตัวเอง
"ใส่ครับ ในกล่องมีอยู่เท่าไหร่ผมก็ใส่ทั้งหมดนั่นแหละ"
หลังจากที่ฟังเขาพูดจบ ริมฝีปากบางก็เม้มเข้าหากันอย่างไม่ทันได้รู้ตัว ทำไมเขาถึงพูดเรื่องน่าอายแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย แค่ตอบว่าใส่หรือไม่ใส่ก็พอแล้วมั้ย ทำไมต้องลงรายละเอียดขนาดนั้นด้วย
"อ๋อค่ะ..ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี" อภิชญาตอบกลับเพียงสั้น ๆ อย่าหาว่าเธออย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่คนที่ใช้เวลาด้วยกันมาทั้งคืน อย่างน้อยตื่นมาก็หันมาให้เธอได้เห็นหน้าหน่อยไม่ได้หรือไง
"รบกวนช่วยกลับไปส่งฉันที่ร้านเหล้าเมื่อคืนนี้หน่อยได้มั้ยคะ รถของฉันจอดอยู่ที่นั่น"
"เหตุการณ์แบบเมื่อคืนเกิดขึ้นบ่อยมั้ย" เจ้าของห้องเอ่ยแทรกขึ้นมาโดยที่เมินคำพูดก่อนหน้านั้นของเธอไปเลย
อภิชญาได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความไม่เข้าใจ เขาหมายถึงที่เธอเมาแล้วไปนอนกับคนแปลกหน้าน่ะเหรอ..โดยปกติแล้วเธอไม่เคยเมาขนาดนี้นะ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรกับใครมานานมากแล้วด้วย
ว่าแต่เรื่องส่วนตัวของเธอมันไปเกี่ยวอะไรกับเขาวะ
"คำถามของคุณค่อนข้างเสียมารยาทเลยนะคะ แล้วก็กรุณาหันกลับมาคุยกันดี ๆ ด้วยค่ะ คุณมานั่งหันหลังคุยกับฉันแบบนี้มันหยาบคายมากนะคะรู้ตัวใช่มั้ย" เสียงหวานพูดด้วยสีหน้าที่บ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจ จะว่าไปแล้วทั้งกลิ่นน้ำหอมที่อบอวลอยู่ในห้องนี้ รวมถึงน้ำเสียงของเขานั้น เธอรู้สึกคุ้นเคยมากเหลือเกิน
เรื่องบังเอิญอย่างนั้นเหรอ?
คนตัวเล็กแว่วได้ยินเสียงหัวเราะหึอยู่ในลำคอของเขา และเมื่อเจ้าของห้อง หันเก้าอี้กลับมา ภาพที่เห็นก็ทำเอาอภิชญาเข่าแทบทรุด เธอยืนตะลึงงันอยู่กลางห้อง รู้สึกช็อกกับสิ่งที่เห็นจนพูดอะไรไม่ออก
"ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ" เขาหันกลับมาพูด ด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่เธอนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดี
เรื่องเมื่อคืนนี้ เขาจะต้องรู้อยู่แล้วแน่นอนว่าคือเธอ และมีเพียงเธอคนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลยจนกระทั่งตอนนี้.. ภาพที่เธอเห็นเมื่อคืนมันไม่ใช่ความฝัน เธอไม่ได้เห็นภาพของแฟนเก่าทับซ้อนกับใคร เพราะว่ามันคือเขาตัวจริงเสียงจริงเลยยังไงล่ะ..
อภิชญาจิกกำชายกระโปรงของตนไว้แน่น ตอนนี้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ ความรู้สึกมากมายไหลทะลักเข้ามากองอยู่กลางอก ถ้าพูดตามตรงแบบไม่หลอกตัวเอง เธอก็รู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อยเลยที่ได้เจอหน้าเขาในรอบหลายปี แต่ว่าความรู้สึกที่ขัดแย้งกันนี้มันก็ชัดเจนเหลือเกิน
ร่างบอบบางก้าวถอยหลังออกมาช้า ๆ อย่างไม่รู้ตัว เธออยากจะวิ่งหนีออกไปให้ไกล เพื่อที่จะได้ไม่เห็นหน้าเขาอีก เธอต้องหนีไปอีกไกลแค่ไหน และอีกนานแค่ไหนถึงจะลืมเขาได้สักที
"ค่ะ ไม่ได้เจอกันนานเลย" เธอตอบกลับไปด้วยความรู้สึกสับสน และพยายามหลบสายตาของเขาอย่างเห็นได้ชัด ท่าทีของผู้หญิงใจกล้าเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น
"ว่าแต่สองยังไม่ได้ตอบพี่เลยว่า เหตุการณ์แบบเมื่อคืนมันเกิดขึ้นบ่อยมั้ย" เขายังคงถามต่อ
"คุณจะถามต่อทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่ามันเสียมารยาทน่ะเหรอคะ อีกอย่างนี่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นบ่อยหรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคุณค่ะ"
"ถึงสองรู้แล้วว่าเป็นพี่ ก็ยังจะพูดแบบนั้นอยู่อีกเหรอ" บอกตามตรงว่าเขาไม่ชอบที่นับสองพูดจาห่างเหินกับเขาอย่างนี้ เมื่อคืนเธอยังเรียกเขาอย่างสนิทสนมเหมือนเมื่อก่อนอยู่เลย..
แต่ใช่ว่าเขาจะไม่เข้าใจ เขาเข้าใจทุกอย่างดี และเขาก็รู้ดีว่าทำไมนับสองถึงมีท่าทีต่อต้านเขาเช่นนั้น แต่เขาเพียงแค่.. คิดถึงตอนที่เธอเรียกแทนตัวเองว่าหนู และเรียกเขาว่าเฮียเหนือเท่านั้น
"เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่คะ คุยกันแบบนี้มันเหมาะสมแล้วค่ะ" ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเลือกที่จะหลบหนี ไม่เผชิญหน้า ไม่ขอยุ่งเกี่ยวหรือพูดคุยกับเขาอีก เพราะเธอไม่อยากรู้เรื่องของเขากับผู้หญิงคนนั้น ไม่อยากรู้ว่าพวกเขารักกันมากมายขนาดไหน ไม่อยากเห็นว่าพวกเขาแต่งงานหรือมีความสุขกันยังไง
เฮียเหนือคือคนที่เข้ามาเป็นบทเรียนราคาแพงในชีวิต และก็สร้างรอยแผลลงบนหัวใจของเธอ ถึงแม้เวลาจะผ่านมาแล้วหลายปี ความรู้สึกหวาดกลัวต่อการมีความรักครั้งใหม่ก็ยังคงอยู่กับเธอมาจนถึงตอนนี้
รักแรกของเธอ คนแรกของเธอ กับคนที่ทำร้ายหัวใจเธอจนไม่เหลือชิ้นดี แม่งคือคนคนเดียวกัน
"อืม..นั่นสิ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย" สิ้นคำพูดอันราบเรียบของเขา อภิชญาก็ได้แต่พยายามเก็บซ่อนสีหน้าและความรู้สึกเอาไว้ ไม่ว่าจะโกรธหรือเสียใจแค่ไหน เขาก็ไม่มีสิทธิ์ได้เห็นมัน ตอนนี้ระหว่างเขาและเธอเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าเท่านั้น ต่อจากนี้ก็คงไม่มีเรื่องให้ต้องมาเจอกันอีก
ลืมเขาแล้ว หรือว่ายังรักเขาอยู่ สิ่งพวกนั้นมันไม่สำคัญเลย ในเมื่อความสัมพันธ์ของเรามันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นเราก็แยกย้ายกันตรงนี้นี่แหละค่ะ เดี๋ยวฉันจะหาทางกลับเอง" เมื่อพูดจบเธอก็เตรียมที่จะหันหลังเดินออกจากห้องในทันที ทว่าเขากลับเรียกเอาไว้เสียก่อน
"เดี๋ยวพี่ไปส่ง ข้างบนนี้เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ไม่มีใครเข้ามารับสองได้หรอก" เรียวขายาวชะงักกึกทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น บางที นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริง ๆ ที่เธอจะได้พบเจอกับเขา
ที่ผ่านมาเธอไม่เคยทำผิดกับเขาหรือผิดกับใคร ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องเป็นฝ่ายหลบหน้าเขาไปทั้งชีวิต บางทีการพบเจอและจากกันครั้งนี้ มันอาจจะเป็นการปลดล็อกพันธนาการที่มันอยู่ในใจเธอก็ได้
"ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยค่ะ"
