ตอนที่11 เปิดตัวเลขาคนสวย
"พ่อครับแม่ครับ นี่คือนับสอง เธอเป็นเลขาของผม" วายุหันไปมองคนตัวเล็กด้วยแววตาอ่อนโยน พลางแนะนำเธอให้พ่อแม่ของตนได้รู้จัก ตอนนี้เธออาจเป็นแค่เลขา ใครจะรู้อนาคตข้างหน้าเธออาจมาเป็นภรรยาของเขาก็ได้
"สวัสดีค่ะ" อภิชญายกมือขึ้นไหว้อย่างมีมารยาทพร้อมกับรอยยิ้มที่อ่อนหวาน
"ไหว้พระเถอะลูก" ปิติภัทรรับไหว้สาวน้อยที่มาพร้อมกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตน ส่วนทอฝันเองก็รับไหว้และมองเธอด้วยความเอ็นดู
"ตายแล้วตาเหนือ ลูกไปหาเลขาหน้าตาน่ารักแบบนี้มาจากไหนกันล่ะเนี่ย สวัสดีจ่ะหนูนับสอง จากนี้ไปฉันฝากลูกชายของฉันด้วยนะจ๊ะ" ทอฝันทักทายหญิงสาวที่ลูกชายของเธอแนะนำว่าเป็นเลขา
แต่จากสายตาของเจ้าลูกชายตัวดี เธอสามารถรู้ได้เลยว่าตาเหนือไม่ได้มองเด็กสาวคนนี้เป็นเพียงเลขาธรรมดาอย่างแน่นอน
ยิ่งได้เห็นภาพในวันนี้ คำพูดของเจ้าลูกชายคนโตในวันนั้นยิ่งชัดเจน ตอนแรกเธอคิดว่าลมเหนือคงจะพูดไปเรื่อย เพราะไม่อยากไปดูตัวตามคำขอของเธอ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีคนที่มองไว้แล้วจริง ๆ
"จากนี้ไปพ่อกับแม่ไม่ต้องพยายามหาคนมาให้ผมดูตัวนะครับ เพราะผมมีคนที่มองไว้แล้ว"
"หนูจะพยายามอย่างสุดความสามารถค่ะ" อภิชญาตอบกลับด้วยท่าทีเขินอาย เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้หญิงที่ใจดีคนนี้จะเป็นแม่ของผู้ชายเฮงซวยคนนั้น
"สอง.." เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านข้าง เมื่ออภิชญาหันไปมอง ก็พบกับใบหน้าที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
"โอ้ะ..เฮียหนาวสวัสดีค่ะ" คนตัวเล็กยกมือไหว้อดีตรุ่นพี่ที่คณะอย่างลมหนาว สมัยก่อนเธอและเขาก็นับว่าสนิทกันเพราะว่าเขานั้นเป็นคนที่อบอุ่นมาก ๆ แต่พอเรียนจบก็แยกย้ายกันไปตามทาง ไม่ค่อยได้ติดต่อกันสักเท่าไหร่ เธอสำหรับเธอแล้วเฮียหนาวเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
"ไม่ได้เจอกันนานเลย สองสบายดีใช่มั้ย"เหมันห์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำเอาพ่อและแม่ต่างพากันมองหน้าลูกชายคนเล็ก สลับกับเลขาคนสวยที่ลูกชายคนโตเป็นคนควงมาด้วยความงุนงง
ม่านฟ้าเองที่ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ ก็ขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ เพราะเธอรู้มาว่าหลังจากที่ลมเหนือเลิกกับเธอไปได้ไม่นาน เขาก็ได้คบกับรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อว่านับสอง เธอเลยรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เลยสักนิด ถ้าให้พูดตามตรงก็คือไม่ชอบขี้หน้า
เป็นเพราะยัยนับสองนับสามอะไรนั่น ลมเหนือถึงปฏิเสธคำชวนของเธอ เขาไม่ยอมให้เธอมาเป็นคู่ควงเข้างาน แต่กลับพานังเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่ไหนมาก็ไม่รู้ อีกอย่างทุกคนก็หันไปสนใจมันหมด จนลืมไปแล้วว่าเธอกำลังยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้!
"สองสบายดีค่ะ เฮียหนาวสบายดีใช่มั้ยคะ"
"อื้ม เฮียสบายดี"
"เอ่อ..ตาหนาว ลูกก็รู้จักหนูนับสองด้วยเหรอ" ทอฝันหันกลับไปถามลูกชายคนเล็กด้วยความสงสัย เป็นเรื่องที่น่าทึ่งเหลือเกินที่ลมหนาวคนนั้นเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายและชวนผู้หญิงคุย
ปกติเขาแทบจะไม่มีเรื่องผู้หญิงมาเกี่ยวพันในชีวิตเลย ขนาดหนูม่านฟ้าที่สวยระดับนางเอก ตาหนาวยังไม่คิดจะหันมามองหน้าเวลาคุยด้วย แต่เขากลับเป็นฝ่ายชวนหนูนับสองคุยเนี่ยนะ..
"สองเป็นน้องในคณะของผมสมัยเรียนอยู่มหาลัยน่ะครับ เราเลยค่อนข้างสนิทกัน" เหมันต์ตอบกลับพลางเน้นย้ำคำว่า สนิทกัน วายุที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะอยู่ในลำคอ เขารู้ได้ทันทีเลยว่าไอ้หนาวมันจงใจพูดให้เขาได้ยิน
"ใช่ครับไอ้หนาวมันเป็นแค่พี่ในคณะของสองนั่นแหละ" เป็นแค่พี่ร่วมคณะแต่เสือกอยากจะมีบทบาท ที่ผ่านมามันทำตัวน่าหมั่นไส้ยังไง ก็ยังคงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกวนตีนขึ้นทุกวัน
ทำไมฟ้าถึงกำหนดมาให้คนที่กูเกลียดขี้หน้า มีหน้าตาเหมือนกูด้วยวะ!
อภิชญาที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง ก็ทำได้เพียงหัวเราะแห้ง ๆ ออกมาเพราะทำตัวไม่ถูก ทำไมเหตุการณ์ตอนนี้มันให้ความรู้สึกเหมือนเธอเป็นนางวันทองสองใจด้วยล่ะเนี่ย ไม่แน่เธออาจจะถูกคุณหญิงทอฝันไล่ออกตั้งแต่วันนี้เลยก็เป็นได้
"ถ้างั้นผมขอตัวพาเลขาของผมไปก่อนนะครับแม่ พอดีวันนี้เป็นวันแรกที่เธอมาทำงานในฐานะเลขาคงมีเรื่องให้เธอเรียนรู้อีกเยอะ" วายุเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะจูงมืออภิชญาเดินออกไปพบปะพูดคุยกับแขกและหุ้นส่วนที่มาร่วมงาน อภิชญาทำได้เพียงค้อมศีรษะลาผู้ใหญ่ด้วยความเกรงใจ ก่อนจะสาวเท้าเดินตามเจ้านายออกไปตามแรงดึงของเขา
ภาพที่ลมเหนือจูงมือผู้หญิงคนอื่นเดินจากไปโดยที่ไม่ได้ทักทายเธอเลยแม้แต่คำเดียว สร้างความรู้สึกไม่พอใจให้ม่านฟ้าเป็นอย่างมาก เธออุส่าห์แต่งตัวตั้งแต่หัววันเพื่อมาร่วมงานเลี้ยงคืนนี้ และหวังว่าเขาจะหันสนใจ
แต่ความจริงแล้วมันไม่เป็นอย่างนั้นเลยสักนิด เขาทำเหมือนเธอไม่มีตัวตนได้ยังไง!!
งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างราบรื่น โดยที่อภิชญาก็ต้องคอยเดินตามบอสไปทักทายแขกและหุ้นส่วนต้อย ๆ แม้ว่าเธออยากจะแยกตัวออกไปแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ เพราะตอนนี้ถือเป็นเวลางาน
อภิชญากัดริมฝีปากข่มความรู้สึกเจ็บที่เกิดจากแผลรองเท้ากัด เธอใส่ส้นสูงสามนิ้วเดินไปจนทั่วงานอย่างไม่มีท่าทีว่าจะได้พัก วายุที่สังเกตเห็นว่าสีหน้าของนับสองดูไม่ค่อยดีจึงอนุญาตให้เธอไปนั่งพักก่อน โดยที่เขาจะไปพูดคุยกับหุ้นส่วนและแขกเหรื่อที่ยังเหลืออยู่ตามลำพัง
ระหว่างที่นั่งพัก เธอก็คอยมองดูวายุอยู่ตลอด เพราะอย่างไรตอนนี้เขามีศักดิ์เป็นเจ้านายของเธอ จะให้ละทิ้งหน้าที่ไปเลยก็คงจะดูไม่ดี แค่เขาอนุญาตให้มานั่งพักตรงนี้ก็นับว่าเป็นพระคุณมากแล้ว
ขณะที่กำลังเฝ้ามองเขาอยู่ห่าง ๆ ผู้หญิงในชุดราตรีสีน้ำเงินก็เดินเข้าไปคล้องแขนเจ้านายของเธออย่างสนิทสนม อภิชญาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาทำหน้ายังไง เพราะว่าเขากำลังยืนหันหลังให้เธออยู่
แต่ก็ช่างปะไร มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอสักหน่อย เขาจะยิ้มหรือหัวเราะกับใครมันก็เรื่องของเขา
"พี่คะ" อภิชญาโบกมือเรียกบริกรที่เดินถือเครื่องดื่มบริการแขกในงาน เมื่อเขาเดินถือถาดเครื่องดื่มเข้ามาหา เธอก็หยิบแชมเปญออกมาสองแก้ว ทำทีว่าหยิบเผื่อคนอื่น แต่ที่จริงแล้วเธอจะดื่มคนเดียวนี่แหละ
ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในเวลางานนะ แม่จะซัดให้เรียบ ไอ้เหล้าแพง ๆ เนี่ย
"ขอบคุณค่ะ" เธอส่งยิ้มหวานอย่างเป็นมิตรให้กับบริกรหนุ่ม ทำเอาบริกรหนุ่มคนนั้นถึงกับเขินจนหน้าแดงลามไปจนถึงใบหูกันเลยทีเดียว เขาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับคนทั่วทั้งงาน แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่สวยเหมือนผู้หญิงคนนี้
หรือต่อให้มี ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนพูดคำว่าขอบคุณกับเขาที่เป็นแค่บริกรเลยสักคน..
